แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) พร้อมรุกตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยและเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งไปที่ 5 กลุ่มสินค้าหลักคือ 1. Co2 efficient Drive 2. ระบบช่วงล่าง 3. อุตสาหกรรม 4.0 4. อะไหล่และโซลูชั่นพลังงานทดแทน 5. อะไหล่ทดแทนและการบริการ พร้อมเผยแผนร่วมสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ต จัดงาน “โตโย ไทร์ แชฟฟ์เลอร์ เรซซิ่ง คาร์ ไทยแลนด์” (Toyo Tires Schaeffler Racing Car Thailand 2021) ครั้งแรกในไทย
นายไมก้า เชฟพาร์ด ประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดหลังการขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประธานบริหาร บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า “ทั้งนี้ ตามรายงานของ IHS คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะสูงถึง 78 – 80 ล้านคัน ซึ่งลดลงจากปี 2562 ที่สูงถึง 90 ล้านคัน ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่วนสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวช้านั้นมาจากผลกระทบของการล็อกดาวน์ รวมถึงผลกระทบของ Supply Chain Management อันเนื่องมาจากสารกึ่งตัวนำ หรือ Semi – Conductors
และการขาดแคลนพลังงานของจีน ส่งผลให้การผลิต OEMs ลดลง ในขณะที่ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกยังมีสูง รวมไปถึงความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าจากรถยนต์ขนาดเล็กเป็นครอสโอเวอร์และเอสยูวี และการขยายตลาดของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแชฟฟ์เลอร์จะยังคงรักษาธุรกิจ Internal Combustion Engine (ICE) ที่มีอยู่ และให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการผลิต เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต”
นอกจากนี้ แชฟฟ์เลอร์ยังวางแผนที่จะรุกตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยและเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งไปที่ 5 กลุ่มสินค้าหลัก คือ 1. Co2 efficient Drive 2) ระบบช่วงล่าง 3) อุตสาหกรรม 4.0 4) อะไหล่และโซลูชั่นพลังงานทดแทน 5) อะไหล่ทดแทนและการบริการ ซึ่งจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้น แชฟฟ์เลอร์คาดว่าความต้องการอะไหล่ทดแทนจะสูงขึ้น ประกอบกับการเติบโตของตลาดอะไหล่รถยนต์ของไทยที่กำลังเติบโตตามประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลียหรือจีน อายุเฉลี่ยของยานพาหนะเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคค่อนข้างลงทุนในอะไหล่คุณภาพสูง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการบำรุงรักษาที่ดีและเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ใหม่ ๆ ประมาณ 1 ล้านคันต่อปี ทำให้จำนวนรถในตลาดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 17 ล้านคัน ส่งผลให้ตลาดสินค้าอะไหล่ทดแทนเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย
และล่าสุด แชฟฟ์เลอร์ยังมีแผนการทำตลาดในไทยต่อเนื่องด้วยการจับมือกับบริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด จัดงาน “โตโย ไทร์ แชฟฟ์เลอร์ เรซซิ่ง คาร์ ไทยแลนด์ 2021” (Toyo Tires Schaeffler Racing Car Thailand 2021) ครั้งแรกในไทย โดยการแข่งขันสองรายการแรกทีมแชฟฟ์เลอร์ได้รับชัยชนะทั้งสองรายการติดต่อกัน ทีมของแชฟฟ์เลอร์ลงแข่งในประเภท “Isuzu One Make Race ใน 1.9 และ 3.0″ จากการแข่งขันทั้งหมด 21 ประเภท
นายไมก้า เชฟพาร์ด กล่าวเพิ่มเติมว่า “กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นทั้งความท้าทายและแรงจูงใจที่น่าตื่นเต้น ทั้งกับบุคคลภายนอกและภายในองค์กรของแชฟฟ์เลอร์ สิ่งนี้ดึงเราเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตหลายรายการในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการตั้งค่าระบบส่งกำลัง ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป ไปจนถึงรถแข่งที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด และแม้แต่รถรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบไฮโดรเจนในอนาคตอันใกล้นี้ งานโตโย ไทร์ แชฟฟ์เลอร์ เรซซิ่ง คาร์ ไทยแลนด์ 2021 เป็นก้าวแรกในการนำความเชี่ยวชาญระดับโลกนี้มาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทย เราพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนี้กับลูกค้าของเรา และพันธมิตรรายใหม่ทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างประสบการณ์การแข่งรถระดับโลกอย่างแท้จริงสำหรับแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาค”
นายอดิศักดิ์ มะซอ ผู้อำนวยการจัดการแข่งรถ บริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์การแข่งขันสู่สถานการณ์เป็นผู้จัดการแข่งขัน ผมต้องการสร้างสถานที่สำหรับนักแข่งหน้าใหม่ เพื่อปั้นให้พวกเขาได้เป็นนักแข่งมืออาชีพ และนั่นคือเหตุผลที่ผมจัดงาน “Racing Car Thailand” ขึ้นมา ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เราได้ผลิตนักแข่งมืออาชีพมากมาย และแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เราก็ยังได้รับความสนใจจากนักแข่งกว่า 400 คัน เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ ผมในฐานะตัวแทนคณะผู้จัดงานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างแชฟฟ์เลอร์เข้าร่วมการแข่งขัน Formula E และ DTM และให้เกียรติเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการจัดงานในปีนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการยกระดับการจัดงานของเราไปสู่ระดับนานาชาติ เช่นเดียวกับการแข่ง Formula E และ DTM ที่สำคัญของโลก และขอขอบคุณรัฐบาลที่อนุญาตให้จัดการแข่งขัน ผมและทีมงานจะมุ่งมั่นปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด–19 อย่างเข้มงวดตามที่แผนที่วางไว้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ร่วมงานทุกท่าน”
นายวุฒิภัทร คงกฤติพงศ์ (โต๊ะกัง) นักแข่งรถของทีมแชฟฟ์เลอร์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมกับ แชฟฟ์เลอร์ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีมที่มีประวัติ และประสบการณ์อันยาวนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกที่มีชื่อเสียง เช่น DTM, Formula E, WEC และ TCR ในออสเตรเลีย และยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และผมหวังว่านี่จะเป็นก้าวแรกที่จะนำผมไปสู่เป้าหมายในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติเช่นเดียว กับ Mr. Alexander Albon Ansusinha นักแข่งรถ Formula 1”
นางสาวปาริชาติ สุขสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนกอะไหล่สำรอง บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี ยานยนต์ที่สำคัญสำหรับแชฟฟ์เลอร์ และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์ เราพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนและธุรกิจของเรา รวมทั้งพร้อมสนับสนุนเครือข่ายพันธมิตรและเจ้าของอู่และศูนย์ซ่อมรถ
โดยรายการ Racing Car Thailand เป็นซีรี่ส์การแข่งขันที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยเติมเต็มธุรกิจอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้ารถกระบะ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นและชุมชนในช่วงสถานการณ์โควิด–19 และเปิดโอกาสให้แชฟฟ์เลอร์ได้เริ่มต้นความร่วมมือครั้งใหม่กับงานที่ทรงเกียรติและมีชื่อเสียง รวมถึงเปิดโอกาสให้เราได้นำความเชี่ยวชาญด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาสู่ประเทศไทย กีฬาแข่งรถเป็นเรื่องของความแม่นยำและความหลงใหล เช่นเดียวกับแชฟฟ์เลอร์ที่หลงใหลในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำ ผลิตภัณฑ์ของแชฟฟ์เลอร์วางจำหน่ายอย่างกว้างขวางผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่มีอยู่ทั่วประเทศ”
อีกหนึ่งในไฮไลท์ของงาน คือ การได้พูดคุยสั้นๆ กับนางสาวโซเฟีย ฟลอร์ซ (Ms.Sophia Floersch) Global Brand Ambassador ของแชฟฟ์เลอร์และนักแข่งรถหญิง DTM all-electric ซีรีย์คนแรกของแชฟฟ์เลอร์ ที่เข้าร่วมงานผ่านไลฟ์สดจากประเทศเยอรมนี ได้กล่าวทักทายและแสดงความยินดีกับนายวุฒิภัทรและแชฟฟ์เลอร์ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีมด้วย
บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (SMT) เป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยี ด้านระบบส่งกำลังสำหรับตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ นอกเหนือจากการให้บริการโซลูชันด้านดิจิทัลและอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้ว SMT ยังมุ่งเน้นที่การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์อะไหล่ทดแทนให้เหมาะสมกับความต้องการทางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มตลาดรถปิกอัพและรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น รถไถ และรถบรรทุก เป็นต้น
นายชัยชาญ โอปนายิกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปถึงแผนการตลาดในไทยว่า “แชฟฟ์เลอร์มีแผนที่จะเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ผ่านกิจกรรมการตลาดแบบหลายช่องทาง เช่น กีฬามอเตอร์สปอร์ต หรือ Isuzu One Make Race เป็นต้น และยังมีแผนที่จะเพิ่มการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการตลาดแบบดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ SEO Youtubers และอีคอมเมิร์ซ พร้อมกับจัดกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ เช่น การฝึกอบรมลูกค้า งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี และการสร้างแบรนด์ผ่านป้ายร้านผู้จัดจำหน่าย (signage) รวมถึงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อการพัฒนานักเรียนและนักศึกษา เช่น โครงการ EEC Auto Park, Formula Student Racing ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) และกิจกรรมการสร้างแบรนด์ของพนักงาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยสนับสนุน Brand Positioning ของแชฟฟ์เลอร์ในตลาดประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”
สำหรับตารางการแข่งขัน “โตโย ไทร์ แชฟฟ์เลอร์ เรซซิ่ง คาร์ ไทยแลนด์ 2021” มีรายละเอียดดังนี้
สนาม | วันแข่งขัน | สนามแข่งขัน | ผลการแข่งขัน |
สนามที่ 1 | 25-26 กันยายน 2564 | สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ชลบุรี | อันดับ 2 ในรุ่น Isuzu One Make Race 1.9 อันดับ 4 Isuzu One Make Race 3.0 |
สนามที่ 2 | 16-17 ตุลาคม 2564 | สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ชลบุรี | อันดับ 1 ในรุ่น Isuzu One Make Race 1.9 อันดับ 4 Isuzu One Make Race 3.0 |
สนามที่ 3 | 6-7 พฤศจิกายน 2564 | สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ชลบุรี | – |
สนามที่ 4 | 4-5 ธันวาคม 2564 | สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ชลบุรี | – |
สนามที่ 5 | 22-23 มกราคม 2565 | ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ | – |
ผู้สนใจสามารถติดตามการแข่งขัน “Toyo Tires Schaeffler Racing Car Thailand 2021” ได้ที่ www.schaeffler.co.th และรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านช่อง www.facebook.com/SchaefflerThailand, www.facebook.com/AutoSpicyChannel หรือ www.facebook.com/racingcarthailand