เมื่อ “โค้ชปาร์ก” อยู่ต่อมีผลกับทัพ “ช้างศึก” / แมวดำ

เผยแพร่:
  ปรับปรุง:
  



คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่จะกลับมาฟาดแข้งกันในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งพวกเราในฐานะแฟนบอลก็ได้แต่รอว่า “เอเอฟซี” เขาจะเลือกชาติใดเป็นเจ้าภาพของ กลุ่มจี เพื่อใช้เป็สนามแข่งขันกลาง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ มันอาจจะดูไกลไปหน่อย เพราะยังเหลือเวลาอีกราว 3-4 เดือน

ซึ่งเมื่อดูจากสถานการณ์ของ กลุ่ม จี เวียดนาม อันดับ 1 ลงเล่น 5 นัด มี 11 แต้ม , มาเลเซีย อันดับ 2 ลงเล่น 5 นัด มี 9 แต้ม ,ไทย อันดับ 3 ลงเล่น 5 นัด มี 8 แต้ม , ยูเออี อันดับ 4 ลงเล่น 4 นัด มี 6 แต้ม และ อินโดนีเซีย อันดับ 5 ลงเล่น 5 นัด ไม่มีแต้ม โดยดูแล้ว 4 อันดับแรกต่างก็มีลุ้นเข้ารอบทั้งนั้น แต่ทีมที่ภาษีดีที่สุดก็น่าจะเป็น เวียดนาม ภายใต้การคุมทีมของ ปาร์ก ฮัง ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะนำทัพ “ดาวทอง” สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เป็นครั้งแรก

โดย “โค้ชปาร์ก” ก็พูดชัดแหละครับว่าเขาตั้งเป้าหมาย 3 นัดที่เหลือ พบ อินโดนีเซีย, พบ มาเลเซีย และ พบ ไทย อยู่ที่ 6 แต้มเพื่อตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

แต่ช่วงนี้ก็ดันมีข่าวแปลกๆ ปล่อยมาว่า ทีมชาติเกาหลีใต้ กำลังให้ความสนใจดึงตัว “โค้ชปาร์ก” กลับไปคุมทีมชาติบ้านเกิด โดยมีช่วงเวลาคือ หลังจากหมดสัญญากับเวียดนามวันที่ 31 ธันวาคม 2022 และมันก็พอเหมาะพอดีกับที่ทีมชาติเกาหลีใต้ จะหมดสัญญากับ เปาโล เบนโต้ โค้ชชาวโปรตุเกสในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

เมื่อไปดูผลงานของ เบนโต้ วัย 51 ปี กับ “โสมขาว” เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย แข่ง 27 นัด ชนะ 16 เสมอ 8 และ แพ้ 3 นัด ซึ่ง 3 นัดที่แพ้ ประกอบด้วย แพ้ กาตาร์ 0-1, แพ้ บราซิล 0-3 และ แพ้ เม็กซิโก 2-3 ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้

แต่การจะบอกว่าข่าวนี้มันไม่มีมูลเลยก็ไม่ได้หรอกครับ เพราะแม้ “โค้ชปาร์ก” จะสร้างความสำเร็จให้ทีมชาติเวียดนามนั้น ก็ถือว่าได้รับการยอมรับจากประเทศบ้านเกิดเหมือนกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวเขาได้รับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 4 มูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท จาก บีเอ็มดับเบิลยู เกาหลีใต้ รวมถึงตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เวียดนาม-เกาหลีใต้ จากสายการบิน โคเรีย แอร์ ที่เป็นบุคลากรอันสร้างชื่อด้วยการเป็นโค้ชในต่างแดน

ล่าสุดก็แว่วๆ ว่า “โค้ชปาร์ก” เองพูดเรื่องนี้แบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดถึงอนาคตของตัวเอง เนื่องจากมีเป้าหมายอยู่ที่การนำทีมชาติเวียดนามไปสู่จุดหมาย และการพัฒนาเยาวชนดาวทอง

ยิ่งดูผลงานที่ “โค้ชปาร์ก” นำทีม เวียดนาม ชุดใหญ่ เจอกับทีมชาติไทยของเราแล้ว ต้องยอมรับว่าเขาเหนือกว่าจริงๆ 3 นัดที่เจอกัน เสมอ 2 นัด แถมชนะ 1-0 ด้วย ส่วนชุดซีเกมส์ 2019 ที่เจอกันรอบแรก โดนไทยที่คุมทีมโดย อากิระ นิชิโนะ 2-0 ตั้งแต่ 10 นาทีแรก แต่สุดท้ายก็ตามตีเสมอ 2-2 พร้อมส่ง “ช้างศึก” ตกรอบแรกอย่างเจ็บปวด ส่วน “ดาวทอง” ก็ไปถึงแชมป์ซีเกมส์

ดังนั้นการอยู่ต่อของ “โค้ชปาร์ก” น่าจะส่งผลโดยตรงกับทีมชาติไทย เพราะตั้งแต่ได้ตัวโค้ชเกาหลีรายนี้ เรายังไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย แถมปี 2021 นี้ เรายังมีโปรแกรมต้องเจอกับเขาทั้งในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก, ฟุตบอลซีเกมส์ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ