(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.00 อ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ทิศทาง

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 35.00 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 34.77 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า หลังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาทองในตลาดโลกปรับ ตัวลดลงมากจะเป็นแรงกดดันให้บาทอ่อนค่า

“เช้านี้บาทปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาค แต่เมื่อวานค่าเงินภูมิภาคแข็งค่าตามหยวนหลังมีข่าวจีนผ่อนคลายมาตรการโควิด- 19 แต่เราเป็นช่วงวันหยุด” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.85 – 35.10 บาท/ดอลลาร์ วันนี้จับตาดูทิศ ทางของเงินทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร และรอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.65 ของกระทรวง พาณิชย์ โดยตลาดคาดว่าจะชะลอตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.8%

THAI BAHT FIX 3M (2 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.10636% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.60719%

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 35.01625 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 136.47 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 134.06/10 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0504 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0526/27 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.774 บาท/

ดอลลาร์

  • กรมการค้าภายในกางแผนดูแลสินค้าปี 66 ยังขอความร่วมมือผู้ผลิตตรึงราคาต่อ ยึดหลักทั้ง 3 ฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันได้

แบบ “วินวิน” และบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น เชื่อราคาสินค้าไม่น่ารุนแรงเหมือนที่ผ่านมา พร้อมโชว์ผลตรวจตลาดพบอาหารสดหลาย

รายการราคาลง ส่วนมัน ข้าวโพด ปาล์ม ราคาขยับขึ้น

  • ประธาน ส.อ.ท.เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังคงเปราะบางและผันผวนตามสถานการณ์ของโลก

ลุ้น “สมการ” สงครามรัสเซีย-ยูเครนเปลี่ยนหลังผู้นำแต่ละประเทศขยับพร้อมเจรจามีโอกาสพลิก ศก.ครึ่งปีหลัง แต่ ศก. ภายใน

ของไทยยังวิตกปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังพุ่งสูงจากค่าแรง ค่าไฟ ดอกเบี้ยรวมถึงหนี้ครัวเรือนที่แตะ 1.1 ล้านล้านบาท ที่อาจบั่นทอน

  • สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศหลายแห่ง ทั้งทริสเรทติ้ง, มูดีส์ อินเวสเตอร์ และฟิทช์ เรทติ้งส์

ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินของรัฐหลายแห่ง ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคาร

เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยพบ

ว่า แม้ต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน แต่สถานะธนาคารรัฐทั้งหมดยังแข็งแกร่ง

และคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ระดับสูง

  • “แอตต้า” หวังรัฐบาลจีน ทบทวนนโยบาย “ซีโร่โควิด” อนุญาตชาวจีน เที่ยวต่างประเทศ-สายการบินทำการบิน

ได้ มากขึ้น ลุ้นผลประชุม 2 สภา “จีนเปิดประเทศ” หลัง มี.ค.66 คาดใช้บิ๊กอีเวนต์ “เอเชียนเกมส์” แข่ง ก.ย.-ต.ค. เบิก

โรง “ททท.” เตรียมชงรัฐ ต่ออายุมาตรการขยายเวลาพำนักในไทย ขณะ “รถยนต์” ปรับแผนบริหารจัดการสต็อก รับมือชิ้นส่วน

ขาดแคลน

  • นักเศรษฐศาสตร์ ประเมินเหตุประท้วงคุมโควิดในจีน แม้คลี่คลาย แต่ต้องจับตาใกล้ชิด เหตุผู้รับวัคซีนยังน้อย ห่วงผู้

ติดเชื้อพุ่งสร้างปัญหาใหม่ พร้อมประเมินเศรษฐกิจจีนเสี่ยงโตชะลอ สะเทือนไทย แนะเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ชดเชย คาดประท้วง

ไม่สั่นคลอนอำนาจ “สีจิ้นผิง” สรท.ชี้ส่งออกตลาดจีนติดลบ 5 เดือนต่อเนื่อง พร้อมลุยหาตลาดใหม่ เจาะกลุ่มอาร์เซ็ป

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งใน

เดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน พุ่งขึ้น

5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณ

บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

  • ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และคาดว่า

อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะถึงจุดพีกที่ระดับ 4.984% ในเดือนพ.ค. 2566

  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต

(PPI) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ