เปิดใจ “น้องเติ้ล” เด็ก ป.4 กตัญญู แม่ตายต้องขายพวงมาลัยเลี้ยงยายกับน้อง – ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของ เด็กชายสุริยะ ภูแข่งหมอก อายุ 10 ปี หรือ น้องเติ้ล เด็กชายขายพวงมาลัยในคลิปของ ก้อง ห้วยไร่ ที่มีการเผยแพร่ในโซเชียล ซึ่งพบกับน้องเติ้ล อาศัยอยู่กับ นางหลง มนทา อายุ 64 ปี ผู้เป็นยาย และน้องสาววัย 7 ขวบ ในบ้านชั้นเดียว ภายในหมู่บ้านโนนข่า ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น้องเติ้ล เป็นเด็กชายที่มีความทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน กล่าวว่า ตัวเองเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนยิ่งยงอุทิศ ในอำเภอบ้านไผ่ และในช่วงโควิด-19 ระบาด ไม่ได้ไปโรงเรียน จึงอยู่บ้านดูแลยายที่ร่างกายไม่แข็งแรง เพราะขาอ่อนแรง และมีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง

น้องเติ้ล กล่าวอีกว่า แม้จะอยู่บ้านแต่ตัวเองไม่ได้เรียนออนไลน์เหมือนเพื่อนๆ เพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ บ้านไม่มีอินเทอร์เน็ต จึงไปรับงานจากครูจากโรงเรียนมาทำที่บ้านแทน เมื่อทำเสร็จก็เอางานไปส่งครูที่โรงเรียน แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา มารดาคือ นางธนิตา มนทา อายุ 31 ปี เสียชีวิตลง พี่สาวจึงมารับไปอยู่ด้วยที่ตัวอำเภอบ้านไผ่ จึงช่วยพี่สาวขายพวงมาลัย หารายได้มาให้ยาย โดยจะขายที่สี่แยกไฟแดงมิตรภาพ บ้านเกิ้ง ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แรกๆ ก็กลัวรถยนต์ แต่เพราะต้องการหารายได้ จึงต้องกล้า และก็ทำมาเรื่อยๆ บางวันก็เลิกค่ำ บางวันก็กลับบ้านเร็ว

“ในคืนวันที่เจอพี่ก้อง ห้วยไร่ คือ วันที่ขายพวงมาลัยจนถึงสี่ทุ่ม เหลือพวงมาลัยอยู่ 3 พวง ขณะเดินขายก็เจอคนเปิดกระจกลงมา และเรียกให้เดินเข้าไปหา พร้อมกับคล้องพวงมาลัยเงินสดให้ เมื่อมองหน้าชัดๆ จึงรู้ว่าเป็นพี่ก้อง ห้วยไร่ ที่เป็นดารา นักร้อง รู้สึกดีใจที่พี่ก้องให้เงิน และเงินที่ได้ก็นำกลับมามอบให้ยายที่บ้าน ส่วนสิ่งที่ต้องการขณะนี้ คือ อยากเจอหน้าพ่อ เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย และอยากได้สกูตเตอร์ แต่ไม่มีเงินซื้อ” น้องเติ้ล กล่าว

ขณะที่ นางหลง มนทา อายุ 64 ปี ยายของน้องเติ้ล กล่าวว่า อาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกชายและลูกสาว แต่ลูกทั้งสองคนตายจากไปหมดแล้ว จึงอยู่กับหลานๆ รวม 4 คน คนโตเป็นผู้หญิงอายุ 18 ปี คนที่สองเป็นผู้ชาย อายุ 15 ปี คนที่สามคือ น้องเติ้ล อายุ 9 ปี คนที่สี่ชื่อน้องพลอย อายุ 7 ปี ทั้ง 4 คนมีแม่คนเดียวกัน คือ นางธนิตา มนทา แต่คนละพ่อกัน ที่ผ่านมา ลูกสาว ลูกชายพากันหารายได้มาเลี้ยงลูกหลาน เมื่อลูกสองคนตายจากไปแล้ว ก็ไปทำงานแม่บ้าน ได้เงินเดือน เดือนละ 3,000 บาท มาเลี้ยงหลานๆ แต่ด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรง โรคประจำตัวก็มี ทำให้ไปทำงานไม่ได้ เพราะขาอ่อนแรง เมื่อเดินนานๆ ขาจะล้มพับลงไปเอง หลานๆ จึงไม่ให้ไปทำงาน ให้ยายอยู่บ้าน หลานๆ จะหาเลี้ยงเอง

พี่สาวน้องเติ้ลจะไปรับพวงมาลัยมาขาย ซึ่งหากขายพวงมาลัยได้ 50 พวง จะได้ค่าจ้าง 300 บาท หากขายได้น้อยก็จะได้ค่าจ้าง 100-200 บาท แต่เจ้าของพวงมาลัยจะจ่ายค่าอาหารให้คนละ 50 บาทต่อวัน เมื่อน้องเติ้ลขายพวงมาลัยได้เงินมา ก็จะกลับบ้านเอาเงินมาให้ยาย จากนั้นจะไปนอนกับพี่สาว เพื่อจะได้ขายพวงมาลัยตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำทุกวัน น้องเติ้ลทำแบบนี้มาร่วม 3 เดือนแล้ว โดยหลานสาวคนโตรับน้องเติ้ลไปอยู่ด้วยในอำเภอบ้านไผ่ และขายพวงมาลัยช่วยกัน หลานชายคนที่สอง อายุ 15 ปี เห็นยายป่วย ทำงานไม่ได้ ก็ออกจากโรงเรียน ไปหางานทำที่โรงงานล้างขวด หารายได้มาให้ยาย ใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งจะมีค่าใช้รายจ่ายประจำคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมแล้วเดือนละประมาณ 800 บาท ส่วนรายได้ที่หลานๆ หามาให้ ก็จะเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งซื้อข้าวสาร ซื้ออาหารมาทำให้หลานๆ ได้กิน

ขณะที่ นางสาวสุจิตร ภูเงิน ครูประจำชั้นของน้องเติ้ล กล่าวว่า น้องเติ้ลเป็นคนมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือเพื่อนๆและภารโรงอยู่บ่อยครั้ง ส่วนการเรียนก็ปานกลาง ในช่วงโควิดก็รับงานมาทำที่บ้าน ส่วนการที่น้องเติ้ล รับพวงมาลัยจากดาราน้องร้อง ก้อง ห้วยไร่ จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลนั้น ก็ได้สอบถามกับลูกศิษย์ ซึ่งทราบว่า ขณะขายพวงมาลัยก็เจอกับก้อง ห้วยไร่ และได้รับพวงมาลัยเงินสดมา จึงนำมามอบให้ยาย ในฐานะครู สิ่งที่น้องเติ้ล ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 10 ขวบ ทำงานขายพวงมาลัยหารายได้มาเลี้ยงยาย และช่วยเหลือพี่น้องนั้น แม้จะเป็นเด็ก แต่มีการกระทำที่น่าชื่นใจ ซึ่งก็คอยให้กำลังใจ และคอยแนะนำให้พักผ่อนอย่านอนดึก อีกทั้งโรงเรียนก็คอยสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาให้กับพี่น้องในครอบครัวนี้มาโดยตลอด และเชื่อว่าสิ่งดีๆ ที่น้องเติ้ลทำให้ยาย จะช่วยให้น้องเติ้ลพบเจอความสุขความเจริญในอนาคต

สำหรับคนที่มีน้ำใจจะช่วยเหลือน้องเติ้ลและครอบครัว สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชีของ นางหลง มนทา ธนาคารออมสิน สาขาบ้านไผ่ หมายเลขบัญชี 020 175 524 295.