เปิดหลังคาท้าลมหนาว ทดสอบครั้งสุดท้าย BMW Z4 M40i

พวงมาลัยไฟฟ้า servotronic ช่วยผ่อนแรงและเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ที่ชาญฉลาด เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและเนียนกว่าเกียร์ธรรมดาในโรสเตอร์ยุคแรก ความรู้สึกบนถนนหรือความเพลิดเพลินในการขับขี่แบบเปิดหลังคา กระจกหน้ารถที่ลาดเอียงจนเกือบปิดหัวกบาล พนักพิงหลังสูงพร้อมโรลบาร์ในตัว คุณจะจมดิ่งลึกเข้าไปในเบาะคนขับจนเหมือนอยู่ในรถแข่งเตี้ยๆ ที่ไม่มีหลังคา ผู้ผลิตรถยนต์บางแบรนด์พยายามโอ้อวดว่ารถเปิดประทุนของตัวเองกำจัดลมภายในห้องโดยสารได้ดีพอ 

ยุคใหม่ของการเดินทางกับสายพันธุ์ของรถเปิดหลังคาที่มีอดีตอันยาวนานมาตั้งแต่แรกเริ่มมีรถยนต์ออกวิ่งบนถนนหนทาง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดขึ้นในวงการยนตรกรรมทั่วโลกอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไป ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ ควบคุมการทำงานอย่างแม่นยำด้วยสมองกลไฟฟ้า พละกำลังมากขึ้นเนื่องจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของระบบอัดอากาศ ระบบเกียร์และช่วงล่างที่ทันสมัย ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังคงเลือดเนื้อเชื้อไขของเครื่องจักรไร้หลังคาที่ขับขี่ได้สนุกสนาน หลังคาถูกพับเก็บเมื่อสภาพอากาศเหมาะสม การขับด้วยความเร็วต่ำและดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ไม่ว่าหลังคาของมันจะเป็นแบบผ้าใบหรือหลังคาโลหะพับเก็บได้ที่หนักกว่าแต่เก็บเสียงได้ดีกว่า

รถโรสเตอร์สองที่นั่งกลายเป็นเครื่องมือของนักขับที่มักจะใช้งานกันเป็นพิเศษในช่วงวันหยุด รถเปิดประทุนกับสภาพอากาศช่วงเย็นเหมาะกับการขับรถเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อน ท้องถนนส่วนใหญ่ในบริเวณที่ห่างไกลความเจริญมักมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน แม้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เราได้มีโอกาสขับท่องเที่ยวพักผ่อน และรถคันนั้นเป็นรถแบบเปิดหลังคาได้ คนอิตาเลียนผู้มีสายเลือดรถสปอร์ตอยู่ในทุกอณูมักจะเรียกรถเปิดประทุนว่า Spider ส่วนพวกคนเยอรมนีจะสะกดคำนี้ว่า Spyder พวกอเมริกันและผู้คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้มักจะรู้จักรถยนต์ประเภทนี้ในนาม Convertible กับ Cabriolet ซึ่งส่วนมากจะมีที่นั่งเล็กๆ ด้านหลัง หรือถ้าเป็นพวกสปอร์ตเปิดหลังคาสองที่นั่งเต็มรูปแบบเครื่องยนต์วางตามยาวด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีชื่อเรียกกันมานานแล้วว่า Roadster หรือ Speedster

ทุกวันนี้ โลกของเรามีรถโรดสเตอร์รุ่นใหม่ที่ยอดเยี่ยม และมอบประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดโล่งแบบคลาสสิก แน่นอนว่า Mazda MX-5 BMW Z3 / Z4 Mercedes-Benz SLK/SLC และ Porsche Boxster เป็นรถคันโปรดตลอดกาลของใครหลายคน ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 BMW เปิดตัว 507 Roadster แบบฉบับของรถสปอร์ตสองที่นั่งเปิดหลังคาสไตล์เยอรมัน หลังจากนั้น BMW ตัดสินใจลงทุนเพื่อพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ในราคาย่อมเยา ในปี 1989-1990 แบรนด์ตราใบพัด เปิดตัวรถโรสเตอร์รุ่น Z1 ตามด้วย Z3 เจเนอเรชันแรก ซึ่งเป็นรถโรสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ความหล่อของ Z3 รุ่นแรก ทำให้มันเข้าไปกรีดกรายโชว์เรือนร่างอยู่ในหนังเจมส์บอนด์ 007 ตอน Goldeneye และด้วยฝีไม้ลายมือในการจูนเครื่องยนต์กับไดนามิกที่โดนใจ ความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีที่ส่งถ่ายความสามารถ ถ่ายเทประสิทธิภาพการขับ จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ตัวถังไร้หลังคาที่แข็งแกร่งแน่นหนาใน Z ยุคใหม่ กับหลังคาผ้าน้ำหนักเบาและรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว ทำให้ Z Roadster เข้าไปอยู่ในใจของนักเลงรถเปิดประทุนที่เน้นพละกำลัง ความโฉบเฉี่ยวและความสวยงามดุดัน 

ย้อนหลังไปถึงจุดเริ่มต้นของบริษัทที่ใช้ตราสัญลักษณ์ใบพัดสีฟ้า-ขาว รถเปิดประทุนสองที่นั่ง รุ่นที่โดดเด่นที่สุดและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางก็คือ BMW 328 หรือ BMW 507 ปัจจุบัน มรดกของรถโรดสเตอร์คลาสสิกของ BMW ยังคงอยู่กับ BMW Z4 เจเนอเรชันใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมากระหว่างรถเปิดประทุนสองที่นั่งกับรถซีดานหรือ SUV ในขณะที่ BMW ในอเมริกาเหนือ สามารถขาย X3 ได้มากกว่า 70,000 คันภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2019 แต่ยอดขายของ Z4 G29 ไม่ถึง 3,000 คันด้วยซ้ำ พูดให้ชัดก็คือ  BMW ขายรถ Z4 ใหม่ได้ 2,941 คันในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น BMW ด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แบรนด์ตราใบพัดจึงตัดสินใจพัฒนา Z4 เจเนอเรชันล่าสุด ร่วมกับ Toyota การร่วมมือดังกล่าวช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและทำให้ Z4 ใหม่ออกสู่ท้องถนนได้โดยไม่ขาดทุน

แม้ว่า BMW Z4 M40i จะพัฒนาร่วมกันกับ Toyota GR Supra แต่ทั้งสองแบรนด์ก็มีนโยบายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน Toyota GR Supra จะมีแต่เวอร์ชันหลังคาแข็ง และ BMW Z4 G29 ก็จะมีแต่หลังคาผ้าใบ ความแตกต่างของรถทั้งสองแบรนด์ก็คือ เปลือกตัวถังภายนอกของ GR Supra ช่วงล่างแบบตายตัวปรับไม่ได้ งานตกแต่งภายใน ระบบเครื่องเสียง นอกนั้นเกือบจะเหมือนกันทุกอย่างแม้แต่ฟีลลิ่งหลังพวงมาลัยและเสียงท่อก็ยังเหมือนกัน จะเรียก GR Supra ว่าเป็น Z4 M Coupe ก็ยังได้!! ว่าแต่ทำไม BMW Group เลือกใช้หลังคาผ้าใบล่ะ ในเมื่อ Z4 E89 รุ่นก่อนเป็นหลังคาแข็งพับได้? คำตอบก็คือความเบาและเสียงของการทำงานในระหว่างเปิดหรือปิดหลังคานั่นเอง

การเปลี่ยนจากหลังคาโลหะเป็นหลังคาผ้าน้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักลดลงมาก ส่งผลไปถึงสมรรถนะที่ดีขึ้น ทั้งรุ่นสี่สูบ 2.0 ลิตร และหกสูบ 3.0 ลิตร Z4 G29 รุ่นใหม่ล่าสุด เมื่อกางหลังคาปิดจนเกือบจะสุดมีแค่เสียงการทำงานของมอเตอร์ดังเบาๆ กับการล็อกที่มีเสียงแกร็กให้ได้ยินนิดเดียวเท่านั้น หลังคาผ้าใบของ Z4 ใหม่ คล้ายกับ Z3 รุ่นเก่า แต่มีการพัฒนาใหม่ในด้านกลไกไฟฟ้าภายในที่โคตรจะซับซ้อน นอกจากให้ประโยชน์ในแง่น้ำหนักรถแล้ว ยังทำให้หลังคาเปิด/ปิดได้ไวมาก กดปุ่มแล้วรอแค่ 10 วินาทีมันก็สามารถแปลงร่างจากรถ Coupe เป็น Roadster ได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นรถเปิดประทุนที่มีการทำงานของหลังคาเร็วกว่าหลังคาแข็งพับได้ของรุ่นเดิมกว่าเท่าตัว หลังคาของมันยังสามารถเปิดหรือปิดขณะที่วิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะกางหรือเก็บหลังคา Z4 ใหม่ก็มีพื้นที่เก็บสัมภาระให้เท่ากันคือ 265 ลิตร ในขณะที่ Z4 E89 รุ่นเดิมนั้นที่ใช้หลังคาโลหะพับได้ ถ้าปิดหลังคาจะมีพื้นที่เก็บของเหลือแค่ 310 ลิตร แต่ถ้าเอาหลังคาลงจะเหลือแค่ 180 ลิตรเท่านั้น ถ้าใส่ของเยอะเกินไป เซนเซอร์จะเตือนว่า หลังคาไม่สามารถพับได้เนื่องจากมีสัมภาระเข้ามากินพื้นที่ของส่วนเก็บหลังคา แต่ Z4 ใหม่ ใส่ของได้อย่างจุใจและไม่ส่งผลกระทบต่อการพับเก็บเนื่องจากหลังคาผ้าไม่กินพื้นที่เมื่อพับเก็บและแยกจุดเก็บออกจากส่วนเก็บสัมภาระอย่างสิ้นเชิง นี่คือข้อดีของการเปลี่ยนจากหลังคาโลหะมาเป็นหลังคาผ้าความหนาสองชั้น 

งานตกแต่งภายในของ Z4 ถูกครอบงำด้วยงานออกแบบล่าสุดของ BMW มีแดชบอร์ดที่เอียงเข้าหาคนขับ หากคุณคุ้นเคยกับงานดีไซน์ของ BMW OS7 คุณจะรู้สึกว่า ชีวิตนั้นง่ายขึ้นมากเมื่อต้องการปรับตั้งหรืออ่านข้อมูลต่างๆ ปุ่มและสวิตช์จากรถรุ่นอื่นปรากฏอยู่ทั่วไปหมด โดยเฉพาะแผงควบคุมที่คล้ายกับ BMW Series-3  G20 สำหรับความแตกต่างเริ่ม ที่เบาะหนังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถโรสเตอร์และตำแหน่งที่นั่งที่ต่ำลงเหมือนกำลังนั่งอยู่กลางถนน ความเตี้ยของเบาะอาจก่อให้เกิดปัญหาในการเข้า-ออกจากรถ แต่ถ้าคุณมีร่างกายที่แข็งแรง และมีน้ำหนักพอดีกับสัดส่วนความสูง การเข้าออกจาก Z Roadster ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใดทั้งสิ้น 

การเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก BMW Z4 ใหม่ รหัส G29 เป็นผลงานของนักออกแบบรถยนต์ชาวออสเตรเลีย Calvin Luk ซึ่งเป็นผู้ออกแบบ BMW X3 เจเนอเรชันปัจจุบัน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดีไซน์เอสยูวีคันโตจะมีอารมณ์ละเมียดละไมในการออกแบบรถสปอร์ตสองที่นั่ง จากมุมมองของการออกแบบ แทบไม่มีความคล้ายคลึงกับ Z4 e89 รุ่นก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย พูดตามตรง Z4 โรดสเตอร์ใหม่ ผสมผสานสัดส่วนดั้งเดิมของ BMW Roadster เช่น ฝากระโปรงหน้ายาวและช่องระบายอากาศหลังซุ้มล้อหน้า เบาะที่นั่งเตี้ยและพวงมาลัยสามก้าน 

ด้านหน้าของ BMW Z4 G29 โดดเด่นด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ชุดกันชน M กับกระจังหน้ารูปไตคู่ที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่ชุดไฟหน้าอยู่ชิดขอบด้านนอกแบบดีไซน์ซ้อนทับกันที่ดูแปลกตาแต่ให้มุมมองที่ดุดัน เส้นด้านข้างของ Z4 ถูกกำหนดโดยเส้นด้านข้างตัวถังสองเส้น ซึ่งเริ่มต้นที่ปลายด้านข้างของฝากระโปรงหน้าและที่ช่องดักอากาศ ทั้งสองเส้นลากมาสิ้นสุดที่ด้านท้าย ซึ่งมีสัดส่วนที่แบนและกว้าง เส้นรอบวงด้านข้าง ท่อระบายไอเสียทรงสี่เหลี่ยม ไฟท้ายรูปตัว L และสปอยเลอร์ฝาท้ายทรงตูดเป็ดที่ผสานรวมเข้ากับฝากระโปรงหลังอย่างกลมกลืน

รถทดสอบพ่นสีดำสีเมทัลลิก แม้จะดูแลยากและง่ายต่อการเกิดริ้วรอย แต่ดูดีเมื่อใช้ร่วมกับหนัง Vernasca สีแดงที่หุ้มเบาะและบางส่วนของงานตกแต่งภายใน รูปลักษณ์โดยรวมของ Z4 ได้รับการเติมเต็มด้วยล้อแบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้วที่ สีเทาสลับด้วยสีเงิน และการออกแบบอื่นๆ BMW Individual เติมเต็มเส้นแชโดว์ไลน์แบบไฮกลอสที่เป็นอุปกรณ์เสริม ได้แก่ โครงไตสีดำ กระจังหน้าไตสีดำแบบตาข่าย เช่นเดียวกับที่ปิดช่องดักอากาศด้านข้างและโรลบาร์สีดำเงา และปลายท่อไอเสียสีเทาเข้ม นั่นทำให้มันดูดีมากกว่าโรสเตอร์ทั่วไป 

BMW Z4 M40i ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส B58 ของ BMW ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จ หลังจากเคยเพลิดเพลินกับความสามารถของเครื่องยนต์รุ่นนี้กับ BMW M340i xDrive แต่ประสิทธิภาพของ Z4 M40i โดยเฉพาะขนาดตัวถังและการทำตัวไร้หลังคา ทำให้ก้าวไปสู่อีกระดับของการขับเคลื่อน เครื่องยนต์ B58 ผลิตกำลังรวม 387 แรงม้า ในย่าน 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (369 ปอนด์-ฟุต) ตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที ไปจนถึง 4,500 รอบต่อนาที การส่งกำลังต่อเนื่องยาวนานและสม่ำเสมอ ราวกับมีก๊อกสองนี้ช่วยให้ Z4 M40i ทำความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 4.1 วินาที เร็วกว่า BMW M3 F80 รุ่นที่แล้ว 0.2 วินาที! ความเร็วสูงสุด  250 กม./ชม. ถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถัดจากตัวเลขที่น่าประทับใจ เครื่อง 6 สูบ B58 ยังใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น ท่อร่วมไอเสียระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งรวมเข้ากับฝาสูบและการฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงที่ได้รับการปรับปรุง หัวฉีด Piezo รุ่นล่าสุด ทำงานด้วยแรงดันสูงสุดที่เพิ่มขึ้น 350 บาร์ และฉีดเชื้อเพลิงตามความต้องการเข้าไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งช่วยให้ Z4 M40i สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ 12 กิโลเมตร ต่อลิตร ในโหมด Eco Pro ในโหมดสูงสุดกับการอัดอย่างต่อเนื่อง อัตราสิ้นเปลืองหล่นลงมาเหลือ 8.2 กิโลเมตรต่อลิตร ในโหมด Sport +

Z4 M40i ติดตั้งตัวกรองอนุภาคไอเสีย แต่ไม่ทำให้เสียงท่อไอเสียย่ำแย่ลงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผมชอบเสียงหวานๆ ของ M340i xDrive ที่ถูกทารุณกรรมในรอบสูงอย่างต่อเนื่อง นั่นเร้าใจมาก แต่เสียงท่อของ Z4 M40i ให้เสียงที่ตรงตามที่คุณคาดหวังจากสปอร์ตโรดสเตอร์ที่มีลักษณะเฉพาะ เมื่อผลักดัน Z4 M40i ด้วยโหมดสูงสุด Sport + กลไกของระบบวาล์วในท่อไอเสียจะเปิดออกจนสุดและสร้างเสียงที่ให้ความรู้สึกราวกับรถแข่ง โดยเฉพาะเสียงระเบิดปะทุ ปุปุ เมื่อยกคันเร่งนั้นโดนใจขาซิ่งที่ชอบฟีลลิ่งแนวนี้อย่างที่สุด 

ถัดจากเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นของ Z4 ยังมีการเสริมเทคโนโลยี M Performance คุณสมบัติมาตรฐานของ Z4 M40i ก็คือเฟืองท้าย M ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณออกมาพร้อมกับ Z4 และไล่ตามโค้งต่อไป เมื่อเข้าโค้ง ล้อที่อยู่ด้านนอกของทางโค้งจะกินระยะทางได้ไกลกว่า จึงเลี้ยวได้เร็วกว่าล้อที่อยู่ด้านใน ในช่วงเวลานี้ ดิฟเฟอเรนเชียล M Sport จะสร้างเอฟเฟกต์การล็อกเพื่อกระจายแรงบิดในการขับเคลื่อนอย่างเท่าเทียมกันและชดเชยความแตกต่างของล้อขับเคลื่อนแต่ละข้างให้มีความสมดุลสูงสุด อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นรถที่ท้ายไวอยู่ดี และทำให้พวกมือใหม่ต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษเลยทีเดียว 

การเดินทางของผมเริ่มต้นขึ้นในสภาพแวดล้อมกึ่งร้อนกึ่งเย็นช่วงกลางเดือนมกราคม เดือนที่ประเทศไทยยังหลงเหลืออากาศเย็นอยู่บ้างในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่แสงอาทิตย์ลดระดับความร้อนแรงลงมา เมื่อขับ Z4 คุณจะมีความสุขกับบ่ายวันทำงานอันเงียบสงบ บนถนนจากปากน้ำปราณไปยังกุยบุรี ลานทราย ทุ่งหญ้า ภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน และทะเลกับท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆ แทบไม่มีรถคันอื่นเลยระหว่างที่ขับอยู่บนเส้นทางทดสอบในอุทยานสามร้อยยอด หลังคาผ้าที่ทำงานด้วยไฟฟ้าพับเก็บภายในเวลาเพียง 10 วินาที ในกิโลเมตรแรกของถนนชนบทที่งดงาม BMW Z4 M40i กระตือรือร้นที่จะแสดงศักยภาพทั้งหมดของมันออกมาให้ประจักษ์ แค่ Comfort Mode ถือเป็นโหมดที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับถนนที่เงียบสงบในย่านความเร็วต่ำ 

แรงบิด 500 นิวตันเมตรและกำลังในการพุ่งทะยานทำให้ง่ายต่อการแซงรถที่ช้ากว่าในพริบตา เครื่อง B58B30 ให้การส่งกำลังที่ยอดเยี่ยมตลอดช่วงรอบต่อนาที ถ้าคุณเหยียบจนมิด Z4 M40i จะเร่งความเร็วสูงสุดอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดหย่อนจนถึงความเร็วสูงสุดที่จำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ น่าทึ่งมากที่เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานได้อย่างราบรื่น คล่องตัว และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกันจนแทบลืมหายใจ เครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ซอฟต์แวร์ที่ปรับตั้งมาเป็นอย่างดี ทำให้รถอยู่ในเกียร์ที่ถูกต้องเสมอ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยเพื่อชิฟเกียร์ขึ้น-ลงด้วยตัวเองยกเว้นตอนเกิดอารมณ์ที่จะขับแบบเกียร์ธรรมดา การปรับแต่งเฉพาะทางของ M performance เชื่อมต่อการทำงานของเครื่องยนต์หกสูบและเกียร์อัตโนมัติได้อย่างตรงไปตรงมา เป็นระบบส่งกำลังที่ไหลลื่นและให้ความบันเทิงเมื่อใช้รอบสูง การบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมและแม่นยำช่วย เพิ่มความสนุก 

ที่ผ่านมา Z4 ทุกเจเนอเรชันมีเครื่องยนต์ดีๆ ให้ใช้เสมอ และตัวที่แรงจะเป็นเครื่อง 6 สูบเรียง ทั้งมีและไม่มีเทอร์โบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง M 3.2 ลิตร ใน Z4M เจเนอเรชันแรก หรือ 3.0 ลิตรทวินเทอร์โบในเจเนอเรชันที่สอง รถรุ่นใหม่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในรุ่น M40i นั้นมีเครื่องยนต์ B58 แบบเดียวกับใน M140i/M240i และ 340i/440i ซึ่งเป็นเครื่อง 3.0 ลิตร Twinscroll Turbo ใน Z4 นี้จะมีกำลัง 387 แรงม้า (bhp) มีเวสต์เกตควบคุมด้วยไฟฟ้าที่ช่วยให้รถตอบสนองคันเร่งได้เร็ว เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงวางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลังถูกปรับแต่งให้สามารถตอบสนองต่อเท้าที่หนักอึ้งของคนขับ ตอนที่ BMW พัฒนาเครื่องตัวนี้ พวกช่างและวิศวกรตราใบพัดก็เอาเครื่องยนต์ 6 สูบนอน Boxer ของ Porsche มาเทียบวัดมาตรฐานด้วย แต่น่าเสียดายที่ Porsche เลิกขายเครื่องนี้ใน Cayman เหลือไว้แต่ Cayman รุ่นพิเศษจริงๆ เท่านั้นที่ได้ใช้

การตอบสนองของช่วงล่างนั้นก็ได้รับการปรับปรุงอย่างหนักเพื่อทำให้มันขับได้ดีกว่า Z4 E89 รุ่นพี่ ทีมวิศวกรวางตำแหน่งเครื่องยนต์ ให้ความยาว 2/3 ของตัวเครื่องอยู่หลังเส้นแนวแทร็กล้อหน้า ส่งผลให้ได้อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก 50:50 ระยะฐานล้อสั้นลงกว่า Z4 รุ่นเดิม แต่แทร็กล้อหน้ากว้างกว่าเดิมถึง 100 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวถังของ M40i อยู่ที่ 1,610 กิโลกรัม อีกนิดเดียวก็จะหนักเท่ากับ Series-5 อยู่แล้ว น้ำหนักส่วนหนึ่งเกิดจากความพยายามในการดามตัวถังเพื่อลดอาการบิดตัวซึ่งก็ทำออกมาได้ดีจริง เครื่อง B58 ปรับมาดี ให้กำลังในรอบต่ำเพื่อการพุ่งทะยานออกตัว ช่วงรอบกลางๆ ก็ยังมีแรงฉุดลากมากพอที่จะแซงรถช้าแบบไม่ต้องมานั่งลุ้นกันให้เหนื่อยใจ เกียร์มีประสิทธิภาพสูง ทำงานไหลลื่น โหมด Sport + เกียร์ 8 สปีดแสนรู้ราวกับมีวิศวกรระบบเกียร์เข้าไปนั่งอยู่ในนั้น มันจะลดเกียร์เบิ้ลรอบให้เองเมื่อคุณใช้เบรกหนักๆ หรือไหลขึ้นไปสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็วเมื่อใช้โหมดประหยัด เป็นระบบส่งกำลังที่ทำงานได้ตามสั่งและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดิ้นรนไปคบหากับเกียร์คลัตช์คู่ที่มีราคาแพงแต่อย่างใดทั้งสิ้น

โดยรวมแล้วในแง่ของไดนามิกในการขับขี่ Z4 M40i นั้นเหนือกว่ารุ่นก่อน เครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ยอดเยี่ยม ผสานรวมกับเกียร์อัตโนมัติและการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมเป็นเพียงครึ่งเดียวของไดนามิกทั้งหมด ในความเป็นจริง การกระจายน้ำหนักที่สมดุลและเหมาะสมในสัดส่วน 50:50 การใช้ส่วนประกอบโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา (เช่น หลังคาผ้ากันน้ำแบบสองชั้น) และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ รวมกับช่วงล่าง Adaptive Suspension ช่วยสร้างความรู้สึกปราดเปรียวและสปอร์ตยิ่งขึ้น

ล้อลาย M สวยงามและล้างทำความสะอาดได้ง่าย ขนาด 19 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางสมรรถนะสูงของ Michelin รุ่น Pilot Super Sport เป็นยางรุ่นเดียวกับที่ใช้ใน M2/M3/M4 รุ่นที่แล้ว และยังใช้ส่วนผสม Compound ยางแบบเดียวกัน ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ รุ่น M40i นี้จะได้โช้คอัพปรับความหนืดได้ Adaptive Dampers เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีเบรก M ที่อัปเกรดรับพลังสูงขึ้นเนื่องจากต้องหยุดยั้งแรงม้า 387 ตัว ให้ว่านอนสอนง่าย ไม่พาไปตำเสาไฟหรือล่อเข้ากับท้ายของรถบรรทุก! คาร์ลิปเปอร์ M แบบ 4 พอตหน้า และซิงเกอร์พอตที่ล้อหลัง คาร์ลิปเปอร์เบรกพ่นสีฟ้าประทับตรา M เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปไฟฟ้า ซึ่งคล้ายกับการทำงานของเฟืองท้ายแจ่มๆ ใน BMW M5 ที่ถูกย่อส่วนลงมานอกจากประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์แล้ว Z4 M40i ยังเป็นเพื่อนเดินทางที่แท้จริงอีกด้วย ช่องเก็บสัมภาระสามารถกลืนกระเป๋าและกระเป๋าเดินทางได้มากขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า แยกจากกันหากเปิดหรือปิดฝากระโปรง คุณสมบัติใหม่อีกอย่างที่ฉันพบว่ามีประโยชน์มากคือพื้นที่เก็บของใหม่ที่วางไว้ด้านหลังที่นั่งพร้อมตาข่ายยึด เหนือสิ่งอื่นใด ฉันสามารถเก็บเสื้อแจ็กเก็ตและขวดน้ำไว้ที่นั่นได้ ซึ่งไม่เช่นนั้นคงจะปลิวว่อนอยู่ในห้องโดยสารเท่านั้น

โดยรวม BMW Z4 M40i ปี 2020 เป็นเครื่องมือบรรณาการที่มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่แบบเปิดหลังคาอย่างแท้จริง M40i ควบรวมพลังดึงดูดของรถสปอร์ต เข้ากับข้อดีทั้งหมดของโรดสเตอร์ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบในด้านความคล่องตัว พละกำลัง และการควบคุมที่แม่นยำ Z4 M40i หลอมรวมผู้ขับกับไดนามิกได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเชื่อมโยงคุณกับถนนอย่างเต็มที่ Z4 มีแรงม้าและแรงบิดเยอะกว่า 718 Boxster แต่น้ำหนักตัวของมันก็มากถึง 1,610 กิโลกรัมในขณะที่ 718 แบกน้ำหนักตัว 1,440 กิโลกรัม ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 4.7 วินาทีด้วยความช่วยเหลือจาก Sport-chrono pack ที่เจ้าของรถจะต้องจ่ายเพิ่ม ส่วน BMW Z4 M40i ทำได้ภายใน 4.1 วินาที แต่ Z4 ถูกล็อกความเร็วที่ 155 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่ 718 Boxster จะไหลต่อไปได้ถึง 170 ไมล์/ชั่วโมง เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงอัดเทอร์โบรหัส B58 ของ BMW มีประสิทธิภาพสูงมาก ให้กำลังตั้งแต่ 2,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 369 ปอนด์-ฟุต หรือ 500 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที ในขณะที่ 718 ต้องลากรอบ 6,500 ถึงจะได้ม้า 295 ตัว แถมยังกินน้ำมันมากกว่า โชคดีที่ 718 ยังมีเกียร์ PDK ที่มีคลัตช์สองชุดที่ทำงานได้เร็วดีมาก อย่างไรก็ตามเมื่อลองขับจริงบนถนนสายรองหรือทางหลวงชนบท BMW ยังสามารถทำระยะทิ้งห่างจาก Porsche ได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ช่วงล่างของ BMW Z4 M40i เวลาวิ่งบนทางยาวๆ ก็นุ่มนวลกว่า Porsche ด้วยเช่นกัน อัดยาวๆ ไปอุทยานสามร้อยยอดทั้งไปและกลับ ก็ยังลงมาเดินเหินได้สะดวกดีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

BMW New Z4 M40i เป็นรถที่ขับง่ายกว่า เร่งได้เร็ว เบรกดี คุมแรงให้เบรกตามใจได้เนียนเหมือนนกกระเรียนบินร่อนใกล้ผิวน้ำ มันมีชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าที่สามารถหักเลี้ยวไปตามโค้งอย่างว่านอนสอนง่าย เล็งไปทางไหนก็ไปตามสั่ง พร้อมกับน้ำหนักของพวงมาลัยที่พอดิบพอดีไม่มีขาดหรือเกิน ไม่เบาจนขาดสัมผัสที่ดี และไม่หนักเหมือน M4 CS ที่มีน้ำหนักของพวงมาลัยราวกับรถแข่ง การที่คุณสามารถใช้ความเร็วในโค้งได้สูงมากนั้นมีส่วนช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการขับและจะยิ่งจัดหนักมากขึ้นเรื่อยๆ หากขับในวันที่มีฝนตก เมื่อพบเจอกับถนนเปียกแล้วอยากสนุกแต่ก็ต้องระวังให้ดีๆ เพราะการปล่อยแรงบิด 500 นิวตันเมตรลงบนผิวถนนที่เปียกชื้น เป็นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ แค่เข้าโค้งด้วยความเร็วที่เหมาะสม ปล่อยให้ระบบทุกอย่างทำหน้าที่ของมันไปตามเรื่องตามราว ถ้าแน่ใจว่ามีฝีมือมากพอก็เลือกได้เลยว่าจะกดคันเร่งเป็น Power slide หรือจะมาเร็วแล้วยกคันเร่งหมดเป็น Lift-off oversteer รถจะทำตามอย่างว่าง่าย แต่ถ้าถนนแห้ง มันจะไม่ใช่รถที่ท้ายออกง่ายอย่างที่คุณคิดถ้าไม่ใช่ว่าเหยียบคันเร่งเยอะจริงๆ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมันใส่ยางที่เกาะสุดๆ อย่าง Pilot Super Sport นั่นเอง.

BMW Z4 M40i ราคา 5,099,000 บาท 

รายละเอียดด้านเทคนิค

เครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ

เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo

ปริมาตรกระบอกสูบ (ลูกบาศก์เซนติเมตร) 2,998

กำลังสูงสุด 285 กิโลวัตต์/ 387 แรงม้า ที่ 5,800 – 6,500 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,000 รอบต่อนาที

ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 4.1 วินาที

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย – อ้างอิงผล ECO Sticker 13.3 กิโลเมตร/ลิตร 

ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 171 กรัม/กิโลเมตร 

ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว

ขนาดยาง

ล้อหน้า: 9J x 19 / ยาง 255/35 R19

ล้อหลัง: 10J × 19 / ยาง 275/35 R19

มิติรถยนต์ ยาว 4,234 มิลลิเมตร กว้าง 1,864 มิลลิเมตร สูง 1,304 มิลลิเมตร

ปริมาตรในการบรรจุของ 281 ลิตร

น้ำหนักรถสุทธิ 1610 กิโลกรัม

ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี

เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic 

ระบบเฟืองท้าย M Sport 

ช่วงล่าง Adaptive M 

พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็ว 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go (Active cruise control with Stop&Go function) 

ระบบ BMW Head-up Display 

ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลัง (Parking Assistant with Rear view camera) 

ระบบตัดการทำ งานเครื่องยนต์อัตโนมัติ 

ระบบไฟส่องทางหลังดับเครื่อง 

ระบบไฟ Welcome light 

อุปกรณ์ภายนอก

ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED) 

ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) 

คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport 

ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) 

ชุดตกแต่ง M Aerodynamics 

ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา 

กระจกมองข้างและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 

เบาะนั่งหนังแท้ Vernasca 

เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ 

พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport 

เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M 

คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec

ชุดไฟส่องสว่างภายในและนอกห้องโดยสาร 

ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon 

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน 

ฟังก์ชันช่วยการจัดเก็บสัมภาระ

ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร

BMW Live Cockpit Professional 

ระบบ BMW ConnectedDrive 

ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon 

ระบบเชื่อมต่อ Smartphone 

ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 

ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 

ระบบ Teleservices 

ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) 

ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) 

ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) 

ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)

ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights)

เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)

ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)

ระบบป้องกันการกระแทกศีรษะในกรณีรถพลิกคว่ำ

ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)

ชุดปะยางฉุกเฉิน

ชุดตกแต่งพิเศษ

ชุดตกแต่ง M Sport