สัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งจะพูดถึงรถ Eco Car ไปหมาด ๆ ครับ ว่ากำลังจะถูกตีตลาดโดยรถ EV ราคาหลัก 5 แสน มาถึงสัปดาห์นี้ หนึ่งในข่าวใหญ่ของพื้นที่สื่อในบ้านเรา คือการปิดตำนาน Eco Car รุ่นแรกของไทย หลังโรงงานนิสสัน ปล่อยรถ March โฉม K13 ออกจากสายพานการผลิตเป็นคันสุดท้าย
สมัยผมเป็นเด็ก ยุคนั้นยังไม่มีการส่งเสริมให้ผลิตรถประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า “อีโคคาร์” ออกมาขาย จวบจนนโยบายในปี 2007 ของรัฐบาล โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือในชื่อย่อ BOI บัญญัติหมวดหมู่รถประเภทนี้ขึ้นมา และถือเป็นปรากฏการณ์ให้ตลาดรถยนต์บ้านเรา
แนวคิดที่แท้จริงของรถอีโคคาร์ที่ผลิตออกมา จริง ๆ แล้วเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลักครับ เพราะตัวย่อ Eco มาคำว่า Ecology ที่แปลว่านิเวศวิทยา อันหมายถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการกำหนดให้มีการปล่อยมลพิษในระดับต่ำ รวมถึงเป็นเครื่องยนต์เล็กที่ประหยัด ก็ทำให้ราคาย่อมเยาไปโดยปริยาย
ตามปกติแล้วรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะมีการเปลี่ยนโฉม หรือ Generation ใหม่ทุก ๆ 5-8 ปี แต่นิสสัน มาร์ช ลากยาวมา 12 ปี! ก็ต้องบอกว่าเป็นรถรุ่นที่อยู่ในสายพานการผลิตยาวนานมากครับ ตลอดรายทางอาจมีปรับย่อยหรือ Minor Change มาเรื่อย แต่โครงสร้างหลักยังเหมือนเดิมนับจากเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อปี 2553 โน้นเลยครับ
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะคงเคยสัมผัสรถรุ่นนี้มาบ้างนะครับ ทั้งเป็นรถที่ซื้อมาใช้งานเอง รวมถึงเป็นรถที่เช่ามาขับเป็นครั้งคราว สำหรับผมเคยมีโอกาสได้ขับมันอยู่ช่วงหนึ่งครับ เมื่อราว ๆ 10 ปีที่แล้ว แวบแรกที่เห็นในตอนนั้นคือความน่ารัก กะทัดรัด และที่สำคัญ หากดูราคาก็ถือว่าเหมาะสมกับวัสดุและเครื่องยนต์ เบนซิน 3 สูบ 1,200 ซีซี
ส่วนสมรรถนะคงต้องยอมรับว่าเครื่อง 1.2 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบในยุคนั้นมันเหนื่อยอยู่แล้วในการขับ หากจะต้องเร่งแซงแบบทันทีทันใด มันสู้รถเครื่องใหญ่กว่าไม่ได้อยู่แล้ว เคยขับมาร์ชจากกรุงเทพฯ ไปสนามแข่งรถไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี ที่จำได้แม่น คือจังหวะกดคันเร่งเพื่อแซงรถบรรทุก บอกเลยเหยียบมิดครับ แต่ไม่ไป!
แต่หากใครที่เป็นสาวกมาร์ช ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจธรรมชาติของรถรุ่นนี้ ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและมีจุดเด่นที่ความประหยัดน้ำมัน ซึ่งมีการการันตีจากค่ายว่าประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในตอนนั้น เพราะรถเก๋งทั่วไปเครื่องยนต์ระดับ 1.6 ลิตร อย่างเก่งก็จะได้ที่ราว 15 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น
ตลอด 12 ปี ที่มาร์ช K13 ทำตลาดในบ้านเรา ถือเป็นหนึ่งในรุ่นธงนำที่ทำยอดขายให้กับนิสสันอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเป็นรถเล็กที่ใช้งานง่าย ไม่จุกจิก และราคาเริ่มต้นในตอนนั้นก็อยู่ในหลักไม่ถึง 4 แสนบาทสำหรับรถป้ายแดง ก็คงต้องตามดูกันต่อว่านิสสันจะมีรถไซซ์นี้มาขายแทนหรือไม่ เพราะมาร์ช K14 ก็เปิดตัวในเมืองนอกไปตั้งแต่ปี 2016 แล้ว
สุดท้ายผมยังมองว่านิสสัน มาร์ช K13 รุ่นนี้ ดูจากรูปโฉม มันยังน่ารักอยู่นะครับ และดูดีกว่ารถอีโคคาร์ ยี่ห้ออื่นในรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยซ้ำไป และไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจกลายเป็นรถมือสองที่ราคาพุ่งขึ้นมา เหมือนสมัยที่หลายคนลุกขึ้นมาปัดฝุ่น ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู ก็เป็นได้ครับ
Learning on Coursera…
In this podcast epis…
This website uses cookies.