เมื่อโลกกำลังก้าวไปสู่อนาคตของพลังงานไฟฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในต้องหมดสิ้นอายุขัยลง แต่ถ้าเราสามารถหาเชื้อเพลิงสะอาดที่มีการเผาไหม้อย่างไร้มลพิษมาเติมให้กับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน เครื่องยนต์สันดาป ICE ที่รับใช้มนุษย์นานกว่า 140 ปีก็อาจยังคงอยู่ได้ต่อไป เป็นที่ทราบกันดีว่า เครื่องยนต์ ICE นั้นจะปล่อย CO2 และ Nox ออกมาจากกระบวนการจุดระเบิดและเผาไหม้ Volkswagen Group พยายามค้นคว้าและทดลองนวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวกับเชื้อเพลิงสังเคราะห์มาสักระยะหนึ่งแล้ว และพวกเยอรมันก็ไม่ใช่บริษัทรถยักษ์ใหญ่เพียงแบรนด์เดียวที่พยายามจะรักษาเครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณให้คงอยู่ต่อไป อันที่จริง เชื้อเพลิงสังเคราะห์นั้นไม่ได้เป็นเพียงความหวังเดียวของมนุษย์ ในการทำให้เครื่องยนต์ ICE มีชีวิตอยู่ต่อได้ เพราะเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ดัดแปลงระบบจ่ายเชื้อเพลิง เพื่อรองรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนนั้นก็มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างไปจากเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ VW Group กำลังพัฒนากันอยู่….
วันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ Akio Toyoda ประธานบริหารสูงสุดของ Toyota Motor Corporation จะลงทำการแข่งขันรถยนต์ทางไกล 25 ชั่วโมง ที่สนามช้าง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้รถแข่งต้นแบบรุ่นปรับแต่งพิเศษอย่าง Toyota GR Corolla H2 ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ในซีรีส์การแข่งขัน IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022
Toyota Motor Corporation แจ้งว่า GR Corolla ที่จะลงแข่งในรายการนี้ จะใช้เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงแบบ 3 กระบอกสูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีการดัดแปลงระบบจ่ายเชื้อเพลิงใหม่หมด เพื่อรองรับก๊าซไฮโดรเจนแทนน้ำมันเบนซิน ขุมกำลังรุ่นดังกล่าว นำมาจาก Toyota GR Yaris แต่มีการดัดแปลงระบบเชื้อเพลิงใหม่หมด เพื่อทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนไม่ปล่อย CO2 ตลอดการแข่งขัน! เครื่องยนต์ 3 สูบ เทอร์โบ กำลัง 300 แรงม้า ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะปล่อย NOX ในปริมาณเพียงน้อยนิด นอกจากนั้นสิ่งที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อระบายท้ายก็คือ น้ำ
เราคุ้นเคยกับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนหรือ FCEV ซึ่งรถเซลล์เชื้อเพลิงนั้นไม่มีเครื่องยนต์ ไฮโดรเจนที่ถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า FCEV จะถูกสังเคราะห์พลังงานในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยแปลงไฮโดรเจนมาเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับแบตเตอรี่ ส่วนรถยนต์สันดาปภายในนั้น มีเครื่องยนต์ที่ถูกดัดแปลงระบบฉีดเชื้อเพลิง จากนำ้มันเบนซินมาเป็นก๊าซไฮโดรเจน กระบวนการของไฮโดรเจนที่เข้าไปในกระบอกสูบ ถูกบีบอัด และจุดระเบิดนั้น ค่อนข้างคล้ายกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป แต่การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงไฮโดรเจนไม่ก่อให้เกิด CO2 แต่อย่างใด เครื่องยนต์ใช้น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นซึ่งโดนเผาไหม้ในกระบวนการจุดระเบิดและปล่อยออกมาเป็นก๊าซ NOx ในปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าสะอาดกว่าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอยู่มาก Toyota แจ้งว่า เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่กำลังทำการวิจัยโดยใช้การแข่งขันรถยนต์เพื่อเก็บข้อมูล และเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอนตามแผนงานที่ได้วางเอาไว้ตั้งแต่แรก
ORC ROOKIE GR Corolla H2 เป็นรถแข่งต้นแบบที่อยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาและวิจัยระบบเชื้อเพลิงแบบใหม่ ประจำการด้วยเครื่องยนต์แถวเรียง 3 สูบ ความจุ 1.6 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ และได้รับพลังงานหมุนเวียนไฮโดรเจน ที่ผลิตในศูนย์วิจัยพลังงานไฮโดรเจน เมืองฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มันเป็นขุมกำลังขนาดกะทัดรัด ไม่ได้แรงระเบิดระเบ้อเท่าเครื่อง 6 สูบเรียง เทอร์โบคู่ หรือเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ที่ปล่อยมลพิษอย่างมโหฬาร ต้องยอมรับว่าเสียงของเครื่องยนต์สามสูบที่พัฒนาโดย GR Gazoo Racing นั้นค่อนข้างเร้าใจ แม้จะเป็นเพียงเครื่องสามสูบตัวนิดเดียว เครื่องยนต์ของ ORC ROOKIE GR Corolla H2 ให้เสียงที่ทุ้มกว่าเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป เนื่องจากไฮโดรเจนจุดระเบิดหรือติดไฟได้ง่ายกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล
Toyoda กล่าวในการแถลงข่าวว่า เครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มีการตอบสนองดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน จากคำบอกเล่าของนักแข่งรถ Hiroaki Ishiura เครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ให้ความรู้สึกเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “มันไม่ต่างไปจากที่ผมคาดไว้ตั้งแต่แรก การตอบสนองของมัน ทำให้รู้สึกเหมือนเครื่องยนต์ปกติ ถ้าไม่มีใครบอกอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ตัวนี้ ผมคงคิดว่านี่เป็นเครื่องยนต์ธรรมดาอย่างแน่นอน” ORC ROOKIE GR Corolla H2 ของทีม ORC ROOKIE Racing จะลงทำการแข่งขันนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ ในรายการ IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022 และมอเตอร์สปอร์ตก็จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเชื้อเพลิงปลอดมลพิษสำหรับรถยนต์รุ่นต่อไปของ Toyota.