ฮอนด้า เปิดแผนอีก 3 ปี ส่งรถไฟฟ้า 2 รุ่นแรกพัฒนาบนพื้นตัวถัง Ultium ภายใต้ชื่อ Acura – ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แม้ฮอนด้าจะมีรุ่น e ทำตลาดอยู่ แต่ทว่าก็ยังไม่ใช่ผลผลิตที่หวังผลในเชิงปริมาณได้เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าใหม่อีก 2 รุ่นที่จะเปิดตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า

ข่าวที่ถือว่าน่าสนใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ การประกาศกระโดดเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัวและจริงจังมากขึ้นของฮอนด้าด้วยการขยายแนวรุกออกสู่ตลาดอเมริกาเหนืออย่างเป็นรูปธรรมและเป็นเรื่องเป็นราว โดยร่วมมือผ่านทางเจ้าถิ่นอย่าง จีเอ็ม หรือ General Motors และผลผลิตนี้ว่ากันว่าจะเตรียมเปิดตัวในปี 2567 แต่ตอนนี้ทางฮอนด้าได้นำเสนอผ่านทางแคมเปญที่เรียกว่า Prologue ผ่านทางช่องทางออนไลน์





มีอยู่แล้วแต่ยังไม่จริงจัง ฮอนด้า กับรถยนต์ไฟฟ้า ?

หลายคนอาจจะสงสัยในข้อความข้างต้นว่า ทำไมถึงพูดว่าอย่างเต็มตัวและจริงจังมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ฮอนด้ามีรถยนต์ไฟฟ้าวางขายอยู่ในตลาดหลายรุ่นแล้ว

Cadiilac Lyriq รถยนต์ต้นแบบรุ่นแรกที่ถูกพัฒนาบนพื้นตัวถัง Ultium ซึ่งถูกใช้ในการพัฒนาเอสยูวี 2 รุ่นที่จะจำหน่ายผ่านแบรนด์ของฮอนด้า และ Acura ในปี 2567



ตรงนี้คงต้องอธิบายว่า ถึงฮอนด้าจะมุ่งมั่นในเรื่องของการผลิตรถยนต์ที่ปลอดมลพิษออกสู่ตลาดอย่าง ZEV มาตั้งแต่ปี 2540 กับรุ่น EV Plus เพียงแต่ภายใต้บริบทในช่วงนั้น เทคโนโลยีใหม่ชนิดที่ปฏิวัติวงการยังถือว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในการยอมรับจากคนกลุ่มใหญ่ที่คุ้นเคยกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน อีกทั้งประเด็นเรื่องราคาน้ำมันยังถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ณ ตอนนั้น

อย่างไรก็ตามช่วงทศวรรษที่ 2000 ฮอนด้ายังเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ที่ปลอดมลพิษ แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขามุ่งเน้นกลับพุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีที่เรียกว่า Fuel Cell Vehicle หรือ FCV ซึ่งใช้ไฮโดรเจนในการสร้างกระแสไฟฟ้ามากกว่า โดยต้นแบบรุ่นนั้นใช้ชื่อว่า FCX

แม้ว่า FCX จะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่ในเรื่องของการใช้งานแล้วกลับไม่สะดวกเมื่อเปรียบเทียบกับพวก Mainstream ในปัจจุบันอย่าง BEV หรือ Battery Electric Vehicle นั่นเลยทำให้รูปแบบการจำหน่ายจะเป็นแบบเช่าใช้ในช่วงแรกสำหรับองค์กรหรือหน่วยงานทางภาครัฐ ก่อนที่จะขยายมาสู่คนทั่วไปในเวลาต่อมา และแม้ว่า Honda Clarity ในรุ่นหลังๆ จะมีทั้งเวอร์ชัน Fuel Cell รวมถึง Hybrid และ BEV แต่ก็ยังถือว่า Clarity ยังเป็นรถยนต์ที่ไม่ใช่ Mass Production อย่างที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับ Honda e รถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กที่วางขายทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น เมื่อเปรียบเทียบกับโปรเจ็กต์ที่พวกเขากำลังจะร่วมกับ GM

พื้นตัวถังรุ่น Ultium ของจีเอ็มที่นอกจากจะใช้กับรถยนต์ในเครือแล้ว ยังจะนำมาใช้ในส่วนหนึ่งของการรุกตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าของฮอนด้าด้วย

เปิดตลาดผ่านความร่วมมือกับเจ้าถิ่น

เอาเข้าจริง ๆ Prologue ยังเป็นแค่กระแส เพราะตัวรถจริงยังไม่มีการเปิดเผยออกมาให้เห็นแบบเต็มเนื่องจากผลผลิตจากโครงการนี้จะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในแถบอเมริกาช่วงปี 2567 โดยผลผลิตจากแคมเปญ Prologue จะเป็นผลผลิตที่ทำตลาดผ่านทั้งแบรนด์ Honda และ Acura โดยที่ตลาดกลุ่มใหญ่ที่เน้นในการจำหน่ายจะอยู่ที่อเมริกาเหนือ

ข่าวนี้มีจุดเริ่มต้นมาช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยืนยันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในเดือนเมษายน 2563 โดยทางสื่ออเมริกันที่ระบุว่า ฮอนด้า และจีเอ็ม จะทำงานร่วมกันในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งฮอนด้า จะใช้พื้นตัวถังรุ่น Ultium ของจีเอ็ม ซึ่งทางยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกาเหนือเปิดตัวแพล็ตฟอร์มนี้ขึ้นเมื่อต้นปี 2563 และจะถูกใช้ในการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าให้กับแบรนด์ในเครืออย่าง Cadillac และ Chevrolet

Ultium เป็นพื้นตัวถังที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานกับรถยนต์อเนกประสงค์ในสไตล์ SUV ขนาดคอมแพ็กต์ แต่ก็มีความยืดหยุ่นในการดัดแปลงสำหรับการใช้งานกับปิกอัพได้ด้วยเช่นกัน

Honda EV Plus ที่เปิดตัวในปี 2540 ถือว่าเป็นการบุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้าในยุคที่เทคโนโลยีนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดี

‘การผนึกกำลังร่วมกันของเราและจีเอ็มถือว่าเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและที่สำคัญคือ สามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพในด้านจำนวนการผลิตที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตที่ทำให้สามารถเข้าถึงได้จากทางลูกค้า ซึ่งการลดต้นทุนในการผลิตด้วยแนวคิดตามหลักการ Economies of scale นั้นจะถือเป็นส่วนที่ช่วยเร่งให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด และสอดคล้องกับ Roadmap ในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเรา เช่นเดียวกับการลดการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ’ Rick Schostek รองประธานบริหารของ American Honda Motor เคยกล่าวเอาไว้เมื่อตอนที่มีการประกาศความร่วมมือเมื่อปี 2563ถือเป็นการเปิดศักราชให้กับฮอนด้า ในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในแบบ BEV อย่างเต็มตัว

2 รุ่นพลังไฟฟ้าพร้อมลุยตลาด

จากการเปิดเผยของ Detroit Bereau ระบุว่าฮอนด้าจะใช้พื้นตัวถังของจีเอ็มในการพัฒนารถยนต์พลังไฟฟ้าออกสู่ตลาด 2 รุ่น และทั้งคู่จะเป็นเอสยูวี ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายภายใต้แบรนด์ฮอนด้าและ Acura ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับหรูหรา โดยที่ตัวรถจะได้รับการปรับปรุงและปรับแต่งเพื่อให้มีบุคลิกที่สอดคล้องกับ Honda’s Driving Character หรือรูปแบบที่รถยนต์ของฮอนด้าได้ตอบสนองให้กับลูกค้า

FCX ผลผลิตใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2545 แต่ใช้เทคโนโลยี Fuel Cell ที่มีไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างกระแสไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารูปลักษณ์และบุคลิกของตัวรถจะเปลี่ยนไป แต่ทว่าเอสยูวี พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้จะมีการติดตั้งเทคโนโลยีของจีเอ็มมาด้วย เช่น ระบบ On Star และระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือ Driver’s Assist แบบที่ผู้ขับสามารถละมือจากพวงมาลัยในระหว่างเดินทางเพื่อปล่อยให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยระบบนี้จะถือเป็น Semi-Autonomous ซึ่งเป็นประตูบานแรกในการเปิดเข้าสู่โลกของการขับเคลื่อนอัตโนมัติที่สามารถเปลี่ยนจากสิ่งที่อยู่ในฝันให้กลายมาเป็นความจริงได้ เหลือเพียงอย่างเดียวว่าระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะมาจากที่ไหนจีเอ็ม หรือฮอนด้า เป็นแม่งาน ซึ่งตรงนี้ต้องรอการยืนยันจากทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีขึ้นในช่วงใกล้การเปิดตัว

ส่วนการผลิต แน่นอนว่าจีเอ็มจะรับหน้าที่เป็นแม่งานหลักในส่วนนี้ เพียงแต่ยังไม่ระบุว่าจะใช้โรงงานในส่วนไหนรับหน้าที่ในการดำเนินงาน

การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า ในระลอกแรกที่จะเริ่มขึ้นปี 2567 นั้นเป็นไปตามแผนงานที่ฮอนด้าตั้งเป้าเอาไว้ว่าพวกเขาจะต้องผลิตรถยนต์แบบ Zero Emission ในรูปแบบต่าง ๆ ออกขายในตลาดภายในปี 2583 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ โดยตัวเลขนี้ถือเป็นการกระโดดเพิ่มขึ้นจากปี 2573 และ 2578 ในระดับ 40 และ 80% ตามลำดับ

Clarity แรกเริ่มถูกผลิตในฐานะรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง แต่ในปัจจุบันมีจำหน่ายหลากหลายเวอร์ชันของขุมพลัง ซึ่งก็มีทั้ง Fuel Cell, Plug-in Hybrid และ BEV

แน่นอนว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่เราจะได้เห็นกันอย่างต่อเนื่องสำหรับทศวรรษที่ 2020 ซึ่งยุคนี้ต้องบอกว่าเป็นการเข้ามาอย่างจริงจังและแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะทัดทานกระแสความเปลี่ยนแปลงนี้ เพียงแต่ในแต่ละที่จะเริ่มต้นเมื่อไรเท่านั้นเอง…ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง