ฮอนด้า อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล

พบกับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง กับสารพันเรื่องราวยานยนต์ (อีกแล้ว) ในสัปดาห์นี้ อ้วนซ่า ขอนำเสนอเรื่องราวของ รถใหม่ที่พึ่งเปิดตัวในงาน “มอเตอร์โชว์ 2021” ที่กำลังจัดอยู่ที่เมืองทองธานี ในเวลานี้

ศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 เวลา 15.12 น.

ฮอนด้า อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล

นั่นก็คือ “ฮอนด้า CB1300 ซุปเปอร์โฟร์” (Super Four) และ “CB1300 ซุปเปอร์ โบล ดอร์” (Super Bol D’or) รุ่นปี 2021 รถทั้งสองคัน โดยเฉพาะตัวของ ซุปเปอร์โฟร์ และ ซุปเปอร์ โบล ดอร์ นั้นเป็นบิ๊กไบค์สไตล์ที่เรียกว่า “อนุรักษนิยม” อย่างเต็มรูปแบบ แม้เมื่อแรกเห็น จะเกิดความรู้สึกว่า “รถคันนี้มันคุ้นตาเหลือเกิน” ก็ไม่ต้องแปลกใจนะขอรับ เพราะฮอนด้านั้นพัฒนารถทั้งสองรุ่นขึ้นภายในแนวคิด “The Ultimate Legacy ที่สุดของตำนาน บนทุกเส้นทาง” รักษาสูตรของรูปทรงของรถรุ่นนี้มา นับตั้งแต่ปี 1992 หรือ 30 ปีที่ผ่านมานั่นเอง

This image is not belong to us

โดยสไตล์ของ ซุปเปอร์โฟร์ นั้นก็คือรถที่เราเรียกกันว่า  รถเปลือย หรือ Naked (เน็กเก็ด) นั่นก็คือ ไม่มีชุดแอโร่พาร์ท หรือ แฟริ่ง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ และอานหรือเบาะนั่งของ ซุปเปอร์โฟร์ นั้นถูกออกแบบให้นั่งได้สบายทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย เป็นรถที่อเนกประสงค์ ทั้งขี่ท่องเที่ยว และขับขี่เพื่อความเร้าใจ สามารถทำได้ดีทั้งคู่ ส่วนคำว่า ซุปเปอร์โฟร์ นั้นก็บ่งบอกว่า มันใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ นั่นเอง

This image is not belong to us

ส่วนตัวของ ซุปเปอร์ โบล ดอร์ นั้น คำว่า “Bol D’or” นั้นแปลตรงตัวว่า “ถ้วยทอง” ซึ่งเป็นชื่อของรายการแข่งจักรยานยนต์ประเภท “แข่งอึด 24 ชั่วโมง” หรือ “Endurance” (เอนดูรานซ์) ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคล้ายกับการแข่งรถยนต์ “เลอมังส์” นั่นเอง เป็นการแข่งที่ใช้นักบิดถึง 3 คน ผลัดกันขับให้ครบ 24 ชั่วโมง ใครทำระยะทางได้มากที่สุด ก็จะคว้าถ้วยรางวัลไป โดยเอกลักษณ์ของรถฮอนด้า ที่ใช้ชื่อ “ซุปเปอร์ โบล ดอร์” นี้ก็คือ รถที่ใช้องค์ประกอบของรถเปลือย อย่าง “ซุปเปอร์โฟร์” แต่ใส่ แฟริ่ง (Fairing) เพื่อความลู่ลม แค่ส่วนด้านบนของรถ แต่ด้านล่างของรถเปิดโล่งเหมือนรถปกติ อันเป็นสไตล์ของ รถแข่งในรายการ โบล ดอร์ ในอดีต นั่นเอง

This image is not belong to us

แต่ภายใต้หน้าตาที่ “เดิมๆ” ของรถทั้งสองรุ่น ที่คนอาจจะสงสัยว่า “นี่ไม่คิดจะทำอะไรใหม่บ้างหรือไง?” คำตอบนั้นไม่ยาก ที่ไม่เปลี่ยนภาพลักษณ์ก็เพราะรถตระกูลนี้มีแฟนคลับเหนียวแน่นทั่วโลกนั่นเอง พวกเขาต้องการขี่รถในตำนาน ที่ไม่มีวันล้าสมัย และมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เช่นนี้ทั่วโลก


           


เครื่องยนต์ที่ใช้นั้นเป็นรุ่นเฮฟวี่เวท 1,284 ซีซี แคมคู่ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI เอกสิทธิ์ของฮอนด้า มีกำลัง 113 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที เป็นเครื่องรอบไม่จัดแต่มีพละกำลังให้ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือในช่วงรอบกลางๆ โดยสิ่งที่ใหม่จริงๆ ก็คือ ระบบคันเร่งเป็นแบบสัญญานไฟฟ้า (Throttle-by-Wire) ซึ่งมาพร้อมโหมดการทำงานของคันเร่ง 3 รูปแบบแตกต่างกัน คือ สปอร์ต, มาตรฐาน และฝนตก ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่รถสมรรถนะสูงในขณะถนนลื่นทำได้ปลอดภัยมากขึ้น

This image is not belong to us

นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบจัดการแรงบิดของเครื่องยนต์ ระบบรักษาความเร็วเดินทาง (Cruise Control) ระบบป้องกันยกล้อ และระบบป้องกันล้อล็อก หรือเครื่องกระตุกจากการเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างรวดเร็วในรอบที่สูง หรือ “Assist Slipper Clutch” เนื่องจากรถที่มีเครื่องใหญ่ จะมี Engine Brake หนักกว่ารถเครื่องเล็ก สรุปก็คือ มีการรองรับในเรื่องความปลอดภัยในการควบคุมรถ มากกว่ารถในอดีต เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ที่เชื่อได้เลยว่า “นานๆ จะขับที” ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่สามารถหลีกเลี่ยงได้

This image is not belong to us

ส่วนภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็นนั้น ทั้งสองรุ่นโดดเด่นด้วย เฟรมรถสีแดงสด และแครงค์เครื่องยนต์ซ้าย-ขวา เป็นสีทอง ไฟหน้าเป็นแอลอีดี และนอกจากนั้นยังติดตั้งพอร์ท USB type C สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน งานนี้ ฮอนด้า เปิดราคาสำหรับทั้ง 2 รุ่น ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน โดย ซุปเปอร์โฟร์ อยู่ที่ 575,000 บาท และ ซุปเปอร์ โบล ดอร์ อยู่ที่ 600,000 บาท เรียกว่าไม่เว่อร์วังเกินไป สำหรับการที่จะครอบครองรถคลาส 1,300 ซีซี เอามาขี่ให้เพื่อนอิจฉา นะขอรับ!

เรื่อง : ภัทรกิติ์ โกมลกิติ


 

คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่

  • เห็นด้วย

    0%

  • ไม่เห็นด้วย

    0%