หลีกทางหน่อย! เอ็มจี5 มาแล้ว – เดลีนีวส์

“ป้ายแดงชวนขับ” ประจำการต้นเดือน ก.ย. นี้ด้วยรถซีดานหน้าตาดี เอ็มจี5 มาพร้อมคอนเซปต์ “BEYOND” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตคูเป้ พร้อมพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน สมรรถนะการขับขี่มาพร้อมระบบความปลอดภัยรวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยโดย “เดลินิวส์ยานยนต์” ได้นำรุ่นเอ็กซ์ ตัวท็อปมาทดสอบในครั้งนี้

• จัดเต็มไม่มีกั๊ก •

ในเรื่องของงานออกแบบนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่านักออกแบบของค่ายเอ็มจีนี้ จัดหนักชนิดเทหมดหน้าตักให้กับเอ็มจี5 ให้ดูเป็นรถระดับพรีเมียมชนิดที่คู่แข่งในพิกัดราคาเดียวกันเครียดจนนอนไม่หลับได้เลยทีเดียว เริ่มต้นที่ขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน (ในราคานี้คือ ฮอนด้า ซิตี้ และ โตโยต้า วีออส) โดยเอ็มจี5 มีฐานล้อยาวกว่าฮอนด้า ซิตี้ เกือบ 100 มิลลิเมตร ส่งผลให้ห้องโดยสารโดยเฉพาะของผู้โดยสารแถวหลังนั้นโอ่อ่าเกินตัว

ส่วนเรื่องหน้าตานั้น ด้วยการที่มันเป็นรถที่ยาวที่สุดในคลาส นักออกแบบของเอ็มจีจึงสามารถฉีกกรอบรูปทรงของรถในพิกัดนี้ที่ส่วนใหญ่จะดูป้อม ๆ สั้น ๆ ให้เอ็มจี5 เป็นรถเพียงรุ่นเดียวในคลาสที่มีรูปทรงดูยาวเพรียวทำให้ “ดูแพง” กว่าคู่แข่ง ซึ่งเมื่อดูพิกัดความยาวตัวถังจะต้องแปลกใจเพราะมีความยาว “เท่ากับ” ฮอนด้า ซีวิค รุ่นปี 2022 (เอ็มจี5 ยาว 4,675 มิลลิเมตร ส่วนซีวิคใหม่ ยาว 4,674 มิลลิเมตร) ที่เป็นรถที่อยู่คลาสสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ จนสามารถเรียกได้ว่าจ่ายเงินน้อยกว่า “ฮอนด้า ซิตี้” แต่ได้รถขนาดเท่า “ฮอนด้า ซีวิค”

เมื่อมองทางด้านข้างนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ความยาวเพรียวของเอ็มจี5 นอกจากจะเกิดจากการจัดการเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ลากยาวจากไฟหน้าไปจดประตูท้าย และเมื่อถึงมือจับประตูท้ายก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกเส้นหนึ่งที่โก่งขึ้นจนไปรับกับไฟท้ายอย่างงดงาม ยังเกิดจากการใช้หลังคาทรงลาดสไตล์ ฟาสแบ๊ก ที่ทำให้รถดูเพรียวลม ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในกลุ่มซีดานพรีเมียมจากยุโรป ซึ่งก็เป็นสไตล์เดียวกับฮอนด้า ซีวิค ที่เพิ่งจะคลอดออกมาก็นำไปใช้เช่นกัน ทำให้ต้องยกนิ้วให้เอ็มจี5 ที่สามารถเดินเกมการออกแบบไปได้ไกลกว่าเจ้าตลาด

ส่วนด้านของสไตล์การออกแบบก็ต้องยกนิ้วให้ เพราะแม้ว่าใครจะค่อนแคะว่ามันเลียนแบบรถยุโรปหรูมาก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มานั้นต้องบอกเลยว่า “เฉียบ” โดยเฉพาะกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่กว้างซ้ายจดขวานั้นช่วยทำให้รถดูดุดันมีพลัง ส่วนด้านในของกระจังหน้าออกแบบเป็นลวดลายเรขาคณิตทรงเปลวไฟที่ทางเอ็มจีเรียกว่าดิจิทัล เบิร์นนิ่ง กริล (Digital Burning Grille) เป็นพื้นหลังที่สวยงามรับกันดีกับโลโก้ทรง 8 เหลี่ยมขนาดใหญ่ของเอ็มจี

ภายในห้องโดยสารก็นับว่าเป็นหมัดเด็ดเช่นกันเนื่องจากออกแบบมาได้ดูดีเกินราคาไปไกล เริ่มด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าที่นุ่มสบายและมีให้เลือก 2 สไตล์ด้วยกันคือเบาะสีดำขลิบแถบแดง สำหรับรุ่นพื้นฐานและรุ่นเอ็กซ์ ที่เลือกตัวถังสีเหลือง และอีกแบบคือเบาะสองสีดำ-แดง พร้อมผ้าหุ้มเพดานสีดำให้อารมณ์สปอร์ต ซึ่งมีเฉพาะรุ่นท็อป

ส่วนพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันนั้นน่าเสียดายปรับเข้า-ออกไม่ได้ ทำได้เพียงปรับสูง-ต่ำเท่านั้น แต่มีจุดเด่นที่สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้หนัก-เบาได้ถึง 3 ระดับ ในด้านแผงคอนโซลมีการเอียงรับไปทางผู้ขับขี่เล็กน้อย ให้สะดวกกับการใช้งานจอแบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างสวยงามมีรสนิยมและรองรับภาษาไทยอีกด้วย โดยบริเวณฐานของจอทัชสกรีน นั้นเป็นพื้นที่ของปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศที่ออกแบบให้เป็นสีเงิน รับกับพื้นสีเทาได้อย่างงดงาม

ส่วนจอหน้าปัดหลักหน้าตาคล้ายกับของค่ายบีเอ็มดับเบิลยูคือเป็นกราฟความเร็วและวัดรอบเครื่องยนต์ รวมถึงปริมาณเชื้อเพลิงและอุณหภูมิระบบหล่อเย็นให้วิ่งขึ้นทางขอบจอซ้ายและขวา โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางจอไว้เป็นจอแอลซีดี สำหรับการแสดงข้อมูลนานาชนิดซึ่งทำได้สวยงามมีรสนิยม แต่อาจจะดูเข้าใจยากไปสักนิดก็ตาม ซึ่งความแตกต่างกับรถที่มีราคาสูงกว่านี้ก็คือส่วนที่สามารถแสดงผลได้หลากหลายนั้นจำกัดอยู่เพียงกลางหน้าปัดเท่านั้น (ในขณะที่รถยนต์หรูนั้น พื้นที่ทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้) เพราะด้านซ้ายและขวาที่เป็นพื้นที่ของมาตรวัดความเร็วและวัดรอบเครื่องยนต์นั้น เป็นหน้าจอที่ปรับเปลี่ยนไปไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วดูเหมือนของรถยนต์ราคาแพงนั่นเอง

นอกจากนั้นเอ็มจี5 ยังมาพร้อมระบบไอ-สมาร์ท (i-SMART) รุ่นใหม่ ที่นอกจากจะสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงฟังเพลงออนไลน์พร้อมข้อมูลเสริมสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นพยากรณ์อากาศยังสามารถหาร้านอาหาร หรือที่พักได้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนในแบบดิจิทัลคีย์ (Digital Key) ซึ่งนอกจากจะสามารถล็อกหรือเปิดรถได้จากระยะไกล ยังสามารถใช้แทนกุญแจในการสตาร์ตรถ รวมถึงส่งรหัส (โค้ด) ไปให้ผู้อื่นใช้ในการเปิดและขับรถของเราได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดขอบเขตในการใช้งานรถยนต์ได้ไม่ให้รถยนต์วิ่งออกจากขอบเขตที่กำหนดในรัศมี 500 เมตร-10 กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานในลักษณะของการเป็นรถเช่าหรือรถใช้งานในองค์กรนั่นเองเรียกได้ว่าทั้งสวย ทั้งใหญ่ แถมยังอัดแน่นไปด้วยความล้ำสมัย แบบนี้จะไม่ให้คู่แข่งหนักใจได้อย่างไร?

• สวยดีคุ้มค่าด้วย •

ต้น หรือ มานัต กุละปาลานนท์ นักแข่งมืออาชีพระดับโลกที่เพิ่งคว้าชัยการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ นูร์เบอร์กริง 24 ชั่วโมง ที่ประเทศเยอรมนี นักทดสอบขาประจำ “ป้ายแดงชวนขับ” ได้ทดสอบเอ็มจี5 บอกว่าครั้งแรกที่เห็นต้องร้องว้าว! ด้วยรูปลักษณ์สวยเป็นรถ 4 ประตูสไตล์คูป (คูเป้) ไฟหน้าแอลอีดี 2 เส้น เลนส์แอลอีดี กระจังหน้าขนาดใหญ่ มีรูทั้งด้านบนและด้านล่างที่มีการดักอากาศเข้าไปข้างในและระบายอากาศระบายความร้อน ดีไซน์ด้านล่างใช้แคปล่ามีกล้องด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง 360 องศาเข้ากันด้านหน้าโดยรวมมีเสน่ห์ด้วยเส้นสายต่าง ๆ สวยงาม ด้านข้างลาดแบบคูเป้ หลังคาซันรูฟคล้ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังคาสีดำ กระจกข้างไฟฟ้าพับได้ ใช้รีโมตพับเก็บได้จากกุญแจคีย์เลท ส่วนล้อขนาด 17 นิ้ว มีลายตรงใบพัด ส่วนด้านท้ายมีโลโก้ไอ สมาร์ท และแต่งท่อไอเสียสปอร์ต พร้อมมีกล้องซ่อน มีเซ็นเซอร์ถอยจอด

เมื่อเข้ามาภายใน ต้นบอกว่าสะดวกสบายไม่ลำบากอย่างที่คิด ช่วงขามีระยะห่างนั่งสบาย กระจกกว้างมองจากด้านข้างไม่อึดอัดโปร่งแสง ความชันของเบาะปกติ มีที่ชาร์จ มีแอร์ มีที่วางของ แต่ไม่มีที่เท้าแขนมาให้กลับมาดูด้านหน้าดีไซน์สวยมีเท้าแขน วางแขน พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตแต่แข็งไปนิด และปรับได้แค่สูงต่ำเท่านั้น ถ้าสามารถปรับเข้าหาตัวได้อีกจะดีมาก โดยเฉพาะเมื่อขับนาน ๆ หรือขับทางไกลจะเมื่อย กระจกหน้ากว้างเสาเอไม่หนามากทำให้การมองเห็นชัดเจน

เบาะนั่งโอบกระชับแต่ไม่อึดอัด หนังไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป หน้าจอโดยรวมมีฟังก์ชันแสดงผลขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนแบบดิจิทัล มีปุ่มปรับใช้งานง่าย ส่วนตำแหน่งของแอร์นั้นค่อนข้างต่ำ เกียร์รุ่นใหม่สวยงามเอียงเข้าหาคนขับคล้าย ของบีเอ็มดับเบิลยูเลื่อนใช้งานดี มีเกียร์สปอร์ตมาให้ด้วย ที่สำคัญมีเบรกออโต้โฮลเวลาขับในเมืองรถติดบ่อย ๆ ระบบเบรกนี้ช่วยให้ขับสบายมาก

มาถึงการทดสอบขับในสนามแบบธรรมดาและแบบดุดัน โดยรวมดี ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป การเลี้ยว ขับสลาลอมให้ตัวดีควบคุมอยู่ ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ทำงานได้ดี แต่เครื่องยนต์ช่วงต้น ถึงช่วงปลายอืด ๆ ซึ่งในรอบสูงก็อืดการออกตัวอืดเช่นกัน มีการคิกดาวน์ของเกียร์สักครั้งสองครั้งในลักษณะเดียวกัน หรือเปลี่ยนโหมดสปอร์ตก็ไม่ได้มีแอ๊คชั่น มากขึ้นชัดเจนนัก ส่วนการโคลงเคลงของรถมีการเอนนิด ๆ แต่ไม่ได้ย้วย พวงมาลัยตอบสนองได้ดี ด้านท้ายไม่ค่อยมีอาการปัด มีแค่หน้าไถซึ่งการแก้แค่ยกคันเร่ง ระบบจะช่วยให้กลับมาทำงานไม่หวาดเสียว โดยรวมดี เสียอย่างเดียวตรงเครื่องยนต์กับคันเร่งที่แข็งไปนิดนึง

“ขับสบายดีกว่าที่คิด พอถึงช่วงเปลี่ยนเลนและยูเทิร์นก็โอเค ตรวจสอบระบบช่วยเลี้ยวระบบกระจายแรงเบรก อัตราเร่ง วงเลี้ยวใช้ได้ เมื่อกดคันเร่งอืด ๆ ต้องรอรอบ แต่คันเร่งหนัก ๆ แข็ง ๆ ไปสักนิดทำให้เมื่อย ในส่วนการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที 8 สปีดไหลลื่นดี ช่วงล่างไม่แข็งอย่างที่คิด นิ่มสบายแต่ไม่ย้วย แต่เสียงเครื่องยนต์ดัง ต่างจากตอนสตาร์ตเงียบมาก เวลาเร่งได้ยินเสียงครางเครื่องยนต์ไม่หวานหูสักเท่าไร ด้วยเครื่องยนต์ขนาด1,500 ซีซี แรงม้า 114 ตัว กับอัตราเร่ง 150 นิวตัน-เมตรทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว”

นักทดสอบระดับโลกบอกว่าระบบตัวช่วยต่าง ๆ ตอบสนองดีแม้ว่าช้าไปนิดนึง อัตราเร่งของเครื่องอืดไปนิด แม้แต่รอบปลายก็ยังอืดอยู่ถ้าใช้งานปกติก็โอเค เบรกเอบีเอสทำงาน ความคมพวงมาลัยหักเลี้ยวได้ดี มั่นใจได้ในกรณีที่เจอเหตุการณ์สำคัญ ๆ หักหลบได้ดี ติดอยู่แค่เครื่องยนต์กับเกียร์ที่ยังตอบสนองช้าไปนิด หากใช้งานปกติการเปลี่ยนธรรมดามีความนุ่มนวลช่วงล่างดี ไม่ว่าจะเป็นการโยน เลี้ยว หรือไถนับว่าเป็นรถที่มีแฮนเดิลลิ่งดี แต่มีเสียงภายนอกเข้ามาบ้างรับได้ การปรับโหมดอยู่ที่เกียร์สปอร์ต อัตราเร่งและจังหวะเกียร์เปลี่ยนน้อยลงเทียบกับโหมดธรรมดาที่คิกดาวน์มารอไว้ก่อน

ปิดท้ายนักแข่งระดับโลกให้ดาวเอ็มจี5 ว่า ภายนอกให้ 5 ดาวเต็ม เพราะดีไซน์สวยโดดเด่น ฉีกแนว ไฟแอลอีดี กระจังหน้า ที่ดักลม มีกล้องหน้า กล้องข้าง กล้องหลัง ข้างนอกดูดีสไตล์คูเป้ ข้างในดีไซน์ดีซึ่งบางคนอาจติฟังก์ชัน วัสดุ แต่ไม่ได้มีปัญหาผมให้ 5 ดาวเหมือนกัน ส่วนอัตราเร่ง ช่วงล่างต่าง ๆ อัตราเร่งเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ไม่หวือหวากลาง ๆ อืดเล็กน้อยจริง ๆ ควรมีรอบปลายให้ดึงความเร็วได้อีกสักนิด แต่คันนี้ไม่ดึง แต่ขับไปได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบปลายขอให้ 3.5 ดาวครับ.