แม้เดือนสิงหาคมของทุกปีมักจะเป็นเดือนที่เป็นช่วงพักเบรกซัมเมอร์ของ F1 แต่ถึงจะไม่มีการแข่งขัน เรื่องราวกลับไม่ได้เงียบตาม
เพราะนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญของการเปิดฟลอร์เก้าอี้ดนตรี นักแข่งคนเก่าโบกมือลา นักแข่งคนใหม่เข้ามาแทนที่ และสำหรับตลาดนักแข่งปี 2023 มันดราม่าเสียจนมีคนโดนหักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
Main Stand ขอพาทุกท่านไปชมเรื่องราวในตลาดนักแข่ง F1 ที่มีเรื่องราวมากมายไม่แพ้ตลาดซื้อขายนักฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย
Silly Season
Silly Season คือคำแสลงที่มีความหมายหลากหลาย โดยในทางกีฬาหมายถึง ช่วงที่ไม่มีการแข่งขันที่จะมีข่าวลือต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การย้ายสังกัดของนักกีฬา
F1 ก็เป็นอีกรายการที่นำคำนี้มาใช้ ซึ่งข่าวลือบางข่าวก็ดูเวอร์วังเกินจริง ทว่าในหลายครั้งหลายหนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็เหลือเชื่อกว่าข่าวลือเสียอีก และความจริงอันเหลือเชื่อเหล่านั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงพักเบรกซัมเมอร์ของ F1 ฤดูกาล 2022
แต่โพสต์แรกบน IG กลายเป็นเรื่องใหญ่กว่า เมื่อเจ้าตัวอัดคลิปเป็นภาษาอังกฤษและเยอรมัน ประกาศว่าจะเลิกแข่ง F1 หลังจากที่ฤดูกาล 2022 จบลง โดยให้เหตุผลว่า เป้าหมายในชีวิตได้เปลี่ยนไป เพราะเขาต้องการใช้เวลากับครอบครัวและดูแลลูกๆทั้ง 3 คนของเขาอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยเวลาที่หายไปจากการแข่งขันก่อนหน้านี้
และหลังจบการแข่งขันที่ฮังกาโรริงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม วันต่อมา 1 สิงหาคม ซัมเมอร์อันบ้าคลั่งของ F1 ก็เปิดฉากอย่างเร้าใจ เมื่อทีม แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) ประกาศว่าพวกเขาได้ตัวคนที่จะมาแทนเฟทเทลแล้ว นั่นคือ เฟร์นานโด อลอนโซ่ (Fernando Alonso) แชมป์โลก 2 สมัยวัยเก๋าชาวสเปน ที่จะย้ายมาจากทีม อัลพีน (Alpine)
วันต่อมา อัลพีนตอบสนองกับการเสียนักแข่งมากประสบการณ์ ด้วยการประกาศว่า ออสการ์ พิอาสตรี (Oscar Piastri) นักซิ่งหนุ่มออสเตรเลีย ดีกรีแชมป์ F2 ฤดูกาล 2021 ที่เป็นทั้งเด็กปั้นของอัลพีนเองและเป็นมือขับสำรองของทีมอยู่แล้ว ได้รับการโปรโมตสู่เวทีการแข่งขันรุ่นใหญ่ .. เพื่อถูกหักหน้าในไม่กี่อึดใจต่อมา เพราะพิอาสตรีใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของเขาชี้แจงว่า เจ้าตัวไม่เห็นชอบด้วยกับแถลงการณ์นี้
นั่นทำให้ตลาดนักแข่ง F1 ปั่นป่วนอย่างที่ไม่ได้เห็นกันมานาน ..
วางยาใส่ทีมเก่า
F1 ถือเป็นเวทีการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีกลุ่มคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะได้ลงแข่ง นั่นจึงทำให้การแย่งชิงที่นั่งยิ่งดุเดือด เพราะคนที่อยู่มาก่อนก็ต้องการแข่งต่อ ส่วนคนที่อยู่นอกวงก็ต้องการเข้าสู่การแข่งขัน ราวกับสำนวน “คนในไม่อยากออก คนนอกอยากเข้า” อย่างไรอย่างนั้น
เนื่องจากหากไม่มีอะไรพลิกผันจริงๆ อย่างไรเสียก็ต้องสงวนโควตา 1 คนให้กับ แลนซ์ สโตรลล์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ลอว์เรนซ์ สโตรลล์ เจ้าของทีม โควตาที่เหลือของ แอสตัน มาร์ติน จึงต้องการคนที่จะมายกระดับทีมได้อย่างรวดเร็วทั้งในและนอกสนาม ซึ่งอลอนโซ่คือคนที่เหมาะสมที่สุด
จริงอยู่ที่ในปี 2022 นักแข่งจากเมืองโอเบียโดผู้นี้อายุอานามปาเข้าไป 41 ปี ซึ่งกับหลายคนคงเลิกแข่งไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว แถมยังหายหน้าจากกริด F1 ไปถึง 2 ปีในช่วงปี 2019-2020 แต่ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด อลอนโซ่ยังทำผลงานได้ดีชนิดที่รุ่นน้องยังต้องคารวะ ผ่านไป 13 สนามในฤดูกาล 2022 เขาเก็บแต้มได้ถึง 9 สนาม และโพเดียมล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในศึกกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อปี 2021 นี้เอง ไม่เพียงเท่านั้น ลีลาการขับยังคงเก๋าจนกลายเป็นหัวขบวนรถไฟในกลุ่มกลางของการแข่งขัน ชนิดที่หากไม่แน่จริงก็แซงไม่ได้
นโยบายของแอสตัน มาร์ติน ชัดเจนมาตั้งแต่การรีแบรนด์จาก เรซซิ่งพอยต์ (Racing Point) ลูกชายเจ้าของทีมยืนหนึ่ง อีกคนคือนักแข่งมากประสบการณ์ที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำมาตั้งแต่ฤดูกาล 2021 กับการคว้าตัวเฟทเทลมาร่วมทัพ
และเมื่อเฟทเทลกำลังอยู่ในจุดที่ต้องเลือกว่าจะแข่งต่อหรือเลิก แอสตัน มาร์ติน จึงได้เริ่มทาบทามอลอนโซ่ นักแข่งที่มีโปรไฟล์ใกล้เคียงกับเฟทเทลที่สุดแบบลับๆ พร้อมขอให้นักซิ่งชาวเยอรมันตัดสินใจให้ชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งเมื่อเฟทเทลขอเลิกแข่ง แอสตัน มาร์ติน จึงเดินหน้าปิดดีลอลอนโซ่ได้อย่างรวดเร็วเสียจน ออตมาร์ ซาฟนาวเออร์ (Otmar Szafnauer) บอสของทีมอัลพีนคนปัจจุบัน และอดีตบอสของทีมแอสตัน มาร์ติน กับเรซซิ่ง พอยต์ ยอมรับว่า กว่าจะรู้ถึงการตัดสินใจของอลอนโซ่ก็คือวันที่แอสตัน มาร์ติน แถลงคว้าตัวเขาไปแล้ว เพราะจากที่คุยกันก่อนหน้านี้ ทีมยังมั่นใจว่าจะเก็บเขาไว้ต่อไปได้
เมื่อ อลอนโซ่ ย้ายออกไป หลายคนคงคิดว่าแบบนี้ก็เข้าทางอัลพีนที่จะดัน พิอาสตรี ซึ่งการเป็นแชมป์ F2 ปี 2021 กลายเป็นยาขม เมื่อมันทำให้เขาไม่สามารถแข่งขันในรุ่นรองได้อีกตามกฎ จนจำต้องพักการแข่งขันเพื่อรอโอกาสขึ้นสู่ F1 เวทีการซิ่งในฝันที่เขาโหยหามานาน
แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งนี่คือแทคติกการวางยาใส่ว่าที่อดีตต้นสังกัดตัวเองอย่างแยบยลของอลอนโซ่ เพราะแม้อัลพีนอยากดันพิอาสตรีขึ้นมามากแค่ไหนแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อ 2 นักขับตัวจริงยังมีสัญญากับทีมอยู่ เอสเตบัน โอคอน (Esteban Ocon) มีสัญญาถึงปี 2024 ส่วนอลอนโซ่ แม้สัญญาจะสิ้นสุดแค่ปี 2022 แต่ด้วยประสบการณ์และภาพลักษณ์ของนักซิ่งชาวสเปนผู้นี้ทำให้ทีมจำต้องเสนอสัญญาให้เขาก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าพิอาสตรีจะยังไม่ได้ขับรถ F1 ให้กับทีมต่อไป
แม้อัลพีนมีแผนสองคือการเสนอพิอาสตรีให้ทีมแข่งอื่นๆยืมตัวไปใช้งานก่อน และมีการเจรจากับ วิลเลียมส์ (Williams) อดีตยักษ์ใหญ่ผู้หลับไหลในปัจจุบันเพื่อให้พิอาสตรีไปร่วมทีมแทนที่ใครสักคนระหว่าง อเล็กซ์ อัลบอน (Alex Albon) นักแข่งสัญชาติไทย และ นิโคลัส ลาติฟี (Nicholas Latifi) มือซิ่งชาวแคนาดา แต่ข้อเสนอดูไม่เป็นที่พอใจของฝั่งพิอาสตรีนัก
ที่สุดแล้ว มาร์ค เว็บเบอร์ (Mark Webber) อดีตนักซิ่งฝีมือดีชาวออสเตรเลีย ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้จัดการให้นักแข่ง ซึ่งพิอาสตรีที่เป็นรุ่นน้องร่วมชาติก็อยู่ในการดูแลของเขา ตัดสินใจงัดแผนลับออกมาใช้ เนื่องจากในสัญญาระหว่างอัลพีนกับพิอาสตรีระบุว่า หากอัลพีนหาที่นั่ง F1 ให้กับพิอาสตรีไม่ได้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2022 นักซิ่งผู้นี้จะเป็นอิสระและสามารถเจรจากับทีมไหนก็ได้ทันที และเขาได้เดินเรื่องด้วยการซุ่มเจรจากับทีมอื่น ซึ่งหนึ่งในทีมที่มีข่าวลือคือ แมคลาเรน (McLaren) เพื่อให้พิอาสตรีมาแทนที่ แดเนียล ริคคาร์โด้ (Daniel Ricciardo) ที่แม้สัญญาจะหมดปลายปี 2023 และเป็นผู้คว้าชัยชนะล่าสุดให้ทีมที่ มอนซา ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2021 แต่ผลงานระยะหลังไม่เป็นที่พอใจนัก สู้เด็กปั้นของทีมอย่าง แลนโด นอร์ริส (Lando Norris) ที่มีสัญญาถึงปี 2025 ไม่ได้เลย
เมื่ออัลพีนออกแถลงการณ์ว่า พิอาสตรีจะได้ขับ F1 ให้กับทีม ความเคลือบแคลงสงสัยจึงตามมามากมาย เพราะในแถลงการณ์ ไม่มีโควตคำพูดจากเจ้าตัวเลย ก่อนที่สุดแล้วพิอาสตรีจะทิ้งระเบิดลูกที่สองด้วยการบอกว่าจะไม่ไปขับให้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาอาจได้ทีมใหม่ไปแล้ว
แต่ในขณะที่แคมป์ของอัลพีนกำลังร้อนระอุ อีกซีกโลกในสหรัฐอเมริกา คนในวงการความเร็วที่นั่นอาจรู้สึกคุ้นๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นใน F1 ตอนนี้ พวกเขาเพิ่งเจอมาเมื่อไม่นานก่อนหน้า ..
Deja Vu
ข้ามฟากไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ความนิยมของ F1 จะสู้ NASCAR รวมถึง IndyCar อันเป็นการแข่งขันรถภายในประเทศไม่ได้ แต่ F1 กับ IndyCar กลับมีความใกล้ชิดกันกว่าที่คิด เพราะนักซิ่งหลายคนในเวทีดังกล่าวคืออดีตนักแข่ง F1 และหลายคนก็เป็นดาวรุ่งจากเวทีรองที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาโกยเงิน และหวังลึกๆว่าจะมีทีมใน F1 หมายตา
ดราม่าเก้าอี้ดนตรีก็เกิดขึ้นในเวที IndyCar ไม่นานมานี้เช่นกัน เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา ชิป กานาสซี่ เรซซิ่ง (Chip Ganassi Racing) ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาได้ใช้ออปชั่นต่อสัญญา อเล็กซ์ พาโล (Alex Palou) แชมป์ประจำปี 2021 ให้อยู่กับทีมต่อในปี 2023
และสถานีต่อไปของพาโลก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อ แมคลาเรน ที่ทำทีมลงแข่งใน IndyCar ด้วย ประกาศว่าพาโลจะมาเป็นนักแข่ง IndyCar ของทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีโบนัสคือการได้ลงทดสอบรถแข่ง F1 ของแมคลาเรนอีกด้วย ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พาโลย้ายทีม เพราะด้วยวัย 25 ปีในปี 2022 ยังไม่มากเกินไปที่จะเข้าสู่เวที F1 และแมคลาเรนจะเป็นเส้นทางที่สานฝันของเขาให้เป็นจริง
เมื่อดราม่ากลายเป็นมีม
ดราม่าเรื่องสัญญาไม่เป็นสัญญาใน IndyCar กลายเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล เมื่อ ชิป กานาสซี่ เรซซิ่ง ตัดสินใจยื่นฟ้องพาโล ที่กำลังจะเป็นอดีตลูกทีมของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย
แต่สำหรับดราม่าลักษณะเดียวกันใน F1 มันกลายเป็นมีมที่ไม่ได้เล่นกันเฉพาะในวงการตัวเองเท่านั้นอีกต่อไป
และคนที่เปิดประเดิมเอาดราม่าไปทำเป็นมีมในครั้งนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อเล็กซ์ อัลบอน ที่หลังจากเหตุการณ์ปั่นป่วนตลาดนักแข่ง F1 เกิดขึ้นเพียงวันเดียวก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวกลายเป็นพาดหัวข่าวเองบ้าง ทว่าสถานการณ์ลงเอยในทางที่ดี เมื่อ วิลเลี่ยมส์ ประกาศต่อสัญญากับเขาแบบหลายปี จากผลงานที่สามารถเค้นรถซึ่งถูกขนานนามว่าแย่ที่สุดบนกริดจนเก็บคะแนนให้ทีมได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ฉลองด้วยการหยิบทวีตของพิอาสตรีมายำใหญ่ จนแม้แต่คนต้นเรื่องยังชอบใจ
และทวีตทิ้งบอมบ์ของพิอาสตรีก็กลายเป็นต้นฉบับของมีมที่ลามไปถึงวงการฟุตบอล เมื่อ เซบียา ดัดแปลงไปเล่นกับข่าวการย้ายมาร่วมทีมของ อเล็กซ์ เตลเลส แบบยืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่โหมโรงก่อนเปิดฤดูกาล 2022-23 ด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับเรื่องราวดราม่าเก้าอี้ดนตรี F1 ในครั้งนี้น่าจะได้บทสรุปในอีกไม่นาน เมื่อมีรายงานว่า คณะกรรมการรับรองสัญญาของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ CRB (FIA Contract Recognition Board) ได้ตรวจสอบสัญญาของพิอาสตรี ทั้งที่ทำไว้กับอัลพีนและแมคลาเรนแล้ว ก่อนจะมีคำตัดสินว่าออปชั่นการลงแข่ง F1 ปี 2023 ในสัญญาที่อัลพีนทำไว้กับพิอาสตรีไม่ได้ถูกใช้งานในเวลาที่กำหนด ทำให้ตัวนักแข่งมีอิสระที่จะไปเจรจากับทีมใดก็ได้ ขณะที่สัญญาซึ่งแมคลาเรนทำไว้กับพิอาสตรีนั้นถูกต้องสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น คำตัดสินของ CRB ยังถือเป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากทุกทีมได้มอบอำนาจให้ CRB มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตรวจสอบและพิจารณาสัญญานักแข่ง
จากจุดนี้เหลือเพียงแค่แมคลาเรนต้องเจรจาฉีกสัญญากับริคคาร์โด้ให้ได้ เพื่อเคลียร์ตำแหน่งนักขับรอการเปิดตัวของพิอาสตรีในเร็วๆนี้
จะมีฝ่ายที่เสียประโยชน์ ก็คงเป็น อัลพีน ที่ถูกหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียทั้งนักแข่งจอมเก๋า เสียดาวรุ่งที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวตายตัวแทน แถมต้องหามือซิ่งคนใหม่อีกครั้ง รวมถึง ริคคาร์โด้ ซึ่งอาจต้องตกงานแบบไม่รู้ตัว เพราะยังเดาลำบากว่าสถานีต่อไปจะลงเอยที่ใด? จะได้กลับไปทีมเก่าอย่าง อัลพีน ที่เจ้าตัวเคยลงแข่งระหว่างปี 2019-2020 สมัยใช้ชื่อ เรโนลต์ (Renault) หริอต้องอำลา F1 ไปตลอดกาล?
และเชื่อเถอะ ตลาดนักแข่ง F1 จะยังมีเรื่องให้ฮือฮาได้อีกต่อเนื่องอย่างแน่นอน
This website uses cookies.