1.“น้องเทนนิส” คว้าเหรียญทองโอลิมปิก สร้างประวัติศาสตร์ให้เทควันโดไทย ด้าน “โค้ชเช” ดีใจ รอเหรียญนี้มา 20 ปีแล้ว!
หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 “โตเกียวเกมส์” เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการที่สนามกีฬาแห่งชาติใหม่ โอลิมปิก สเตเดียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. และเปิดฉากชิงเหรียญทองวันแรกรวมทั้งหมด 11 เหรียญทองเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ปรากฏว่า ในส่วนของไทย “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวไทย รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง วัย 24 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิก ริโอ 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งกวาดมาหมดทุกแชมป์ทุกรายการแล้ว เหลือเพียงก้าวไปสู่จุดสูงสุดในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์รายการนี้เพียงรายการเดียวเท่านั้น
ซึ่งในที่สุด “เทนนิส” ก็สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ หลังเอาชนะ เอเดียนนา เซเรโซ อิเกลเซียส ม้ามืดวัย 17 ปีจากสเปน ไปอย่างสนุกตื่นเต้น โดยยกแรก สาวแดนกระทิงดุ มาดีกว่า นำไปก่อน 4-2 จากนั้นยก 2 พาณิภัคค่อยๆ หาจังหวะเตะหัวสลับกับลำตัวกลับมาแซงนำ 9-6 และยกสุดท้าย สเปนฮึดสู้เตะแซงอีกครั้ง 10-9 ก่อนที่ช่วงท้าย “เทนนิส” ที่พลาดไม่ได้อีกแล้ว จะพลิกออกอาวุธแซงเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิด ก่อนหมดเวลาเพียง 7 วินาที ด้วยสกอร์ 11-10 คะแนน
ทั้งนี้ เหรียญทองของ “เทนนิส” ไม่เพียงเป็นเหรียญทองแรกของทัพไทย ในโตเกียวเกมส์ ครั้งนี้ แต่ยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแรกให้กีฬาเทควันโดได้สำเร็จและเป็นเหรียญทองที่ 10 ของทัพไทย ตั้งแต่ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน โดย “เทนนิส” รับอัดฉีดไปรวม 13 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขเงินอัดฉีดได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะ 22 ล้านบาทแล้ว
ด้าน “เทนนิส” กล่าวว่า ชัยชนะครั้งนี้ขอมอบให้กับคนไทยทั้งประเทศ เป็นชัยชนะที่ตอบแทนความพยายามที่เหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมมาอย่างยาวนาน ต้องต่อสู้กับอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง นี่คือสิ่งที่ปรารถนามาโดยตลอดกับชัยชนะอันสำคัญในครั้งนี้ ตั้งใจในทุกวินาทีของการแข่งขัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ยังไม่หมดเวลา เรามีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะได้ ที่สำคัญก็คือไม่ได้กดดันตัวเอง โค้ชและผู้บริหารไม่ได้กดดันแต่อย่างใด ทุกคนบอกแต่เพียงว่า ลงสนามแข่งขันให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด จะได้เหรียญหรือไม่ได้เหรียญไม่เป็นไร ทำให้ไม่กดดันอะไรเลย “วินาทีที่คว้าชัยชนะนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไร คิดแต่เพียงว่าตั้งสติแล้วก็จะทำคะแนนให้ได้ ไม่รู้ด้วยว่าเวลาเหลือแค่ 7 วินาที …ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ ก่อนจะบรรลุถึงความฝันของตัวเองได้ แต่ตั้งเป้าว่า ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งต่อไป จะลงแข่งขันและอยากได้แชมป์โลกสมัยที่ 3 ให้จงได้”
หลัง “เทนนิส” คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับเรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) ด้วย
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “Tennis panipak wongpattanakit” ของ “เทนนิส” ได้โพสต์ภาพ “โค้ชเช” หรือ เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย คู่กับ “เทนนิส” และเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญทองโอลิมปิก 2020 พร้อมระบุข้อความคำพูดของโค้ชเชว่า “ผมรอเหรียญนี้มา 20 ปีแล้วครับ”
ทั้งนี้ เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่น้องเทนนิสคว้ามาได้ ถือเป็นหนึ่งในผลงานและความพยายามของโค้ชเช ที่ทุ่มเทให้กับเทควันโดไทย ซึ่งในอดีต โค้ชเช เดินทางมาประเทศไทยด้วยความยากลำบาก และในช่วงเวลานั้น ไทยยังไม่มีทีมเทควันโดเลย เมื่อโค้ชเชหมดสัญญาระยะสั้นฉบับแรก นักกีฬาลูกศิษย์ทุกคน อยากรั้งเขาไว้เพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย คือการไปโอลิมปิก จึงเป็นการจุดไฟและความฝันให้กับโค้ชเชเช่นกัน กระทั่งสามารถพาทีมเทควันโดไทยได้เหรียญทองแดง โอลิมปิก 2004 จาก วิว เยาวภา บุรพลชัย นับเป็นการจุดกระแสฟีเวอร์ กีฬาเทควันโดในประเทศไทย โค้ชเชจึงถือเป็นบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์เทควันโดไทย
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้รับทราบจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยว่า ปัจจุบัน “โค้ชเช” ถือสัญชาติเกาหลีใต้ และได้แสดงความประสงค์ที่จะเปลี่ยนมาเป็นสัญชาติไทย แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเอกสารและหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมากอาจยังรวบรวมได้ไม่ครบถ้วน จึงได้ชะลอการยื่นขออย่างเป็นทางการไว้ก่อน แต่ทราบว่าในขณะนี้ได้เตรียมเอกสารไว้จนเกือบครบแล้ว ดังนั้น เมื่อ “โค้ชเช” เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วจะเตรียมยื่นเอกสารพร้อมหลักฐานขอสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อส่งต่อให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ “น้องเทนนิส” พร้อมด้วย “โค้ชเช” ได้เดินทางกลับไทยโดยเข้าพักที่ จ.ภูเก็ต ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้แทนพระองค์ฯ นำแจกันดอกไม้พระราชทานมอบแก่ นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนากิจ นักกีฬาเทควันโด เจ้าของเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2020 และเลขานุการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย คณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้บริหาร สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่นักกีฬาและสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยอย่างหาที่สุดมิได้
โดยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินภูเก็ต น้องเทนนิสและคณะ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการเดินทางเข้าภูเก็ต ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนที่จะออกมาพบปะและรับช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากหน่วยงานต่างๆ ที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยได้ก้มกราบคุณพ่อ ทีมโค้ช และนายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย
2.โควิดพุ่งไม่หยุด!! “บิ๊กตู่” ยัน รัฐบาล-ศบค.ไม่ได้รวบอำนาจ ไม่ได้ทำงานล้มเหลว พร้อมรับฟังทุกฝ่าย!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตยังพุ่งสูง โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15,335 ราย ผู้เสียชีวิต 129 ราย วันที่ 26 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15,376 ราย ผู้เสียชีวิต 87 ราย วันที่ 27 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,150 ราย ผู้เสียชีวิต 118 ราย วันที่ 28 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16,533 ราย ผู้เสียชีวิต 133 ราย วันที่ 29 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,669 ราย ผู้เสียชีวิต 165 ราย วันที่ 30 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,345 ราย ผู้เสียชีวิต 117 ราย ล่าสุด วันที่ 31 ก.ค. ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,912 ราย ผู้เสียชีวิต 178 ราย
สำหรับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากสุด 10 อันดับ ณ วันที่ 31 ก.ค. ประกอบด้วย 1. กรุงเทพมหานคร 3,668 ราย 2. สมุทรสาคร 1,178 ราย 3. ชลบุรี 1,062 ราย 4. สมุทรปราการ 872 ราย 5. ระยอง 670 ราย 6. นนทบุรี 577 ราย 7. นครปฐม 538 ราย 8. ฉธเชิงเทรา 437 ราย 9. ศรีสะเกษ 369 ราย 10. ปทุมธานี 351 ราย
ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังมีการพบคลัสเตอร์ใหม่ ได้แก่ กทม. พบคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง คือ ศาสนสถานแห่งหนึ่ง เขตมีนบุรี, ชุมชนนูรุ้ลยากีน เขตจอมทอง / สมุทรสาคร พบคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทเครื่องสำอาง อ.เมือง / ระยอง พบคลัสเตอร์ใหม่ แคมป์ก่อสร้าง อ.บ้านฉาง ติดเชื้อแล้ว 248 ราย / นครปฐม พบคลัสเตอร์ใหม่บริษัทยางรถยนต์ อ.บางเลน / ปทุมธานี พบคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทชิ้นส่วนอิลเคทรอนิกส์ อ.คลองหลวง / สระบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ โรงงานผลิตภัณฑ์ไก่ อ.เมือง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือร่วมกับผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนที่ดูแลหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) โรงพยาบาลสนาม ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 20 แห่งเมื่อวันที่ 30 ก.ค. โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมหารือด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณโรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลและ ศบค.ทำงานทุกวันต่อเนื่อง มีการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน โดยยึดหลักการสำคัญ คือ การร่วมมือร่วมใจภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประเทศของเราปลอดภัยจากโรคโควิด-19 โดยเร็ว
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญจากการประชุมดังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียืนยัน รัฐบาลและ ศบค.ทำงานแบบบูรณาการ เพราะวันนี้ประเทศกำลังอยู่ในภาวะสงครามโรค โดยมีความพยายามลดจำนวนผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตให้มากที่สุด ยืนยันว่า รัฐบาลจัดเตรียมงบประมาณ จาก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 5 แสนล้านไว้รองรับแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเตรียมพร้อมจัดหาเวชภัณฑ์ไว้เพียงพอ ทั้งยาฟาวิฟิราเวียร์ ตอนนี้ไทยสามารถผลิตได้ 200,000 เม็ด เดือนหน้าผลิตได้ 3,000,000 เม็ด ที่เหลือจะนำเข้าจนครบ 60,000,000 เม็ดในเดือน ก.ย.
ส่วนของการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เป็นไปตามแผนการจัดหาและการกระจายวัคซีนโควิด-19 คือมีการจัดหาวัคซีนโดยรัฐเพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย วัคซีนทางเลือก และวัคซีนที่ได้รับบริจาค ขอยืนยันว่า ทุกจังหวัดจะต้องได้รับวัคซีนตามสัดส่วนประชากรและกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ ขอยืนยันว่า วัคซีนของรัฐ ไม่มีตกหล่นหรือหายไป ที่สำคัญขอให้มั่นใจว่า ทุกยี่ห้อที่นำเข้าโดยรัฐบาลมีความปลอดภัย สามารถช่วยลดอาการรุนแรงของโรคได้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถจัดหาได้เอง เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก ขอยืนยัน นายกรัฐมนตรีและ ศบค. ไม่มีการรวบอำนาจ แต่ทำงานโดยรับฟังข้อเสนอแนะจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ไขให้ตอบสนองกับสถานการณ์ให้มากที่สุด
นอกจากนี้นายกฯ ยังได้รับทราบข้อห่วงใยของโรงพยาบาลเอกชนในเรื่องต่าง ๆ อาทิ เรื่องการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายและการคุ้มครองการทำงานของแพทย์ การตรวจคัดกรอง การจัดส่งผู้ป่วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขทำงานทุกวัน เพื่อให้กระบวนการอนุมัติสำหรับ Hospitel เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อสามารถดึงบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล จากโรงพยาบาลเอกชนและเครือข่ายให้มาร่วมดูแลผู้ป่วยให้มากยิ่งขึ้นได้ ขณะเดียวกันมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สปสช. เข้ามาดูแลกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น ให้ความมั่นใจกับบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลคนไข้ให้มากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันด้วยว่า การบริหารงานของรัฐบาลและ ศบค.ที่ผ่านมาไม่ได้ล้มเหลว มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อและผู้หายป่วยกลับบ้านแล้วก็มาก ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยกำลังทำงานให้กับประชาชนทั้ง 70 ล้านคนใน 77 จังหวัด นายกรัฐมนตรีและ ศบค. เป็นเพียงผู้กำหนดนโยบายที่เป็นผลจากการหารือของทุกฝ่าย นายกรัฐมนตรียังเผยด้วยว่า พร้อมลงไปพบปะให้กำลังใจคนทำงาน แต่ไม่ใช้ไปหาเสียง แต่เกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนทำงาน จึงขอให้คนไทยหันหน้าร่วมมือกัน จะสามารถเอาชนะโควิด-19 ได้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ระหว่างการหารือนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวด้วยว่า “ผมรักทุกคนนะครับ”
3. “ผบ.ทบ.” สั่งแจ้งความจับเพจเฟกนิวส์ กุข่าวทำรัฐประหาร ด้าน “พปชร.-ปชป.” แจ้งจับม็อบ “ทะลุฟ้า” ป้ายสี-เผาหุ่นหน้าพรรค!
จากกรณีที่ได้มีการปล่อยข่าวเผยแพร่ลงในโซเซียลมีเดีย อ้างว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้ทํารัฐประหาร และนํากําลังทหารเข้าควบคุมบุคคลสําคัญแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าว “เป็นข่าวเท็จ” เป็นการสร้างเรื่องหวังให้เกิดความวุ่นวายในสังคม เป็นการกระทําที่ผิดกฎหมาย ทําลายชื่อเสียงของกองทัพและรัฐบาล มีรายงานว่า ทาง พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อํานวยการสํานักงานพระธรรมนูญทหารบก (ผอ.สธน.ทบ.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จ
โดย พล.ต.บุรินทร์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมื่อวันที่ 30 ก.ค. หลังกองทัพบกได้ตรวจสอบพบว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กระบุชื่อ “Nathapong Akkara” ได้กระทำการนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2) และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าแจ้งความให้มีการดำเนินคดีกับทางเจ้าของเพจเฟซบุ๊กระบุชื่อ “Nathapong Akkara” และหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด เช่น การแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป
ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวานนี้(30 ก.ค.) กลุ่มผู้ชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ได้รวมตัวชุมนุมตระเวนไปป้ายสีพรรคร่วมรัฐบาล โดยเริ่มจากบริเวณหน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยได้ใช้สีป้ายบริเวณตัวป้ายชื่อพรรค เผาหุ่นฟาง และใช้อุปกรณ์อื่น ๆ บริเวณลานจอดรถด้านหน้าของพรรค
มีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารและผู้ที่เกี่ยวข้องรวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งความเอาผิดกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวแล้ว เพราะถือเป็นการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่และทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน เนื่องจากพรรคได้ทำการเช่าอาคารสถานที่เป็นที่ทำการพรรค จึงให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของอาคารเป็นผู้ดำเนินการ
วันเดียวกัน (30 ก.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ถึงกรณีผู้ชุมนุมกลุ่ม “ทะลุฟ้า” เดินทางไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยระบุว่า “…นี่คือการ “แสดงเชิงสัญลักษณ์” เหรอครับ? “บ้านผม ผมก็รัก” “ให้กระบวนการยุติธรรมลากคอมารับโทษ”
“ผมได้เข้าตรวจความเสียหายที่ทำการพรรค ขอย้ำนะครับ เกินกรอบกฎหมาย และจะแจ้งความดำเนินคดีถึงที่สุด การแสดงออกของผู้ชุมนุมมกลุ่ม “ทะลุฟ้า” ที่ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าไม่ใช่การเดินทางมาชุมนุมโดยสงบ การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก การปาสีใส่ทรัพย์สินของพรรคไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าพรรค ฝาผนัง กระจก ทุกอย่างเกิดความเสียหาย”
“นี่ไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง การมาเพื่อพูดคุย ปราศรัย สามารถทำได้ พรรคพร้อมรับฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่มากระทำการทำลายทรัพย์สินของพรรคแบบนี้ อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันว่าวันหนึ่งถ้ามีคนมาทำลายข้าวของในบ้านคุณ คุณจะยอมหรือไม่”
“พรรคมีความจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ต่อไป”
ทั้งนี้ หลังจากที่นายราเมศเข้าแจ้งความแล้ว ยังได้โพสต์อีกครั้งว่า “…มาตราที่น่าสนใจมากที่สุดในหลายข้อหา คือ มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท วรรคสอง ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 218 มาตรา 220 เคยเห็นแต่คำพิพากษาศาลฎีกา ลองของมาตรานี้สักหน่อย ณ สน. บางซื่อ”
4. ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “ประยุทธ มหากิจศิริ-จนท.รัฐ” ทุจริตออกโฉนดที่ดินรุกป่าไปทำสนามกอล์ฟ!
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ได้พิจารณากรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทุจริตเกี่ยวกับการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบ โดยที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานที่ดินนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก ประมาณ 5-6 ราย เช่น หัวหน้าฝ่ายรังวัด ช่างรังวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกลุ่มบริษัทเอกชน คือ บริษัท ไทยน็อคซ์ สเตนเลส โดยมีชื่อของนายประยุทธ มหากิจศิริ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาถูกชี้มูลด้วย ซึ่งพบพฤติการณ์ว่า กลุ่มเอกชนได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ นครราชสีมา ถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มเอกชนได้ไปซื้อที่ดินที่มีโฉนด และซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐานก่อนจะนำมาสอบเขต เพื่อนำที่ดินที่ไม่มีหลักฐานนั้นเข้าไปรวมด้วย ซึ่งที่ดินที่ไม่มีหลักฐานมีทั้งอยู่ในเขต ส.ป.ก. และเขตป่าสงวน เพื่อนำไปจัดทำสนามกอล์ฟดังกล่าว ถือว่าร่วมกันการกระทำความผิด แต่เนื่องจากเอกชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมีบางรายโดนมาตรา 149 ด้วย รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 149 และมีความผิดวินัยร้ายแรง
สำหรับอัตราโทษในมาตรา 149 นั้น ระบุให้จำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และระวางโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา 151 จำคุก ตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา 157 จำคุก 1-10 ปี หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 และส่งให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายประพันธ์ คูณมี ทนายความของนายประยุทธ มหากิจศิริ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่กรณีว่านายประยุทธ มหากิจศิริ ไปครอบครองป่าสงวน หรือบุกรุกที่ป่าแล้วนำไปออกโฉนดเพื่อจะมาทำสนามกอล์ฟ หรือไปยึดที่หลวงเพื่อเอามาออกโฉนด เล่นแร่แปรธาตุแล้วมาทำสนามกอล์ฟ ที่ดินที่ซื้อมาทำสนามกอล์ฟนี้ไม่ได้ซื้อในนามส่วนตัวของนายประยุทธ แต่ซื้อในนามบริษัท ไทยน็อคซ์ สเตนเลส ที่เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟเมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ นครราชสีมา โดยเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที่ดินทั้งหมด 2,300 ไร่นี้เป็นที่ดินมีโฉนด มี นส. 3 อยู่แล้ว เป็นที่ดินของสมาคมม้าแข่งแห่งประเทศไทย 1,200 กว่าไร่ โดยสมาคมไปซื้อต่อมาจากชาวบ้าน มีโฉนดตั้งแต่ปี 2517 ซื้อขายต่อกันมา สมาคมนำไปจำนองธนาคารปี 2540 ที่ดินเหล่านี้ถูกยึดไปอยู่ในธนาคาร ในบริหารสินทรัพย์ แล้วบริษัทไทยน๊อก จึงไปซื้อต่อมาโดยไม่ได้ไปรุกที่ป่า ทั้งหมดนี้เป็นที่มีโฉนดเกือบทั้งหมด และ นส.3 บางส่วน
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาของเรื่องไม่ใช่ว่าเป็นการบุกรุกที่ป่า แต่เป็นเรื่องที่ซื้อมาแล้วต้องการมาพัฒนาทำเป็นสนามกอล์ฟ จึงต้องมีการแบ่งแปลง มีการรังวัด สอบเขต มีการรวมโฉนด เพื่อสร้างสนามกอล์ฟ เส้นทางสาธารณะ จัดสรรเป็นหมู่บ้าน เพื่อขายทำเป็นรีสอร์ท อย่างไรก็ตามคดีนี้เกิดจากมีการรังวัดสอบเขตหรือแบ่งแยกที่ดินของผู้ซื้อ แต่ต่อมามีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานที่ดินที่ไปรังวัด สอบเขตแบ่งแยกให้นั้น ปฏิบัติหน้าที่มิชอบที่ออกโฉนดให้กับบริษัท เพราะมีที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูป หรือป่าสงวนบางส่วนเข้ามาอยู่ในโฉนดที่ดิน บางแปลงมีที่ดินเพิ่มขึ้น บางแปลงมีที่ดินลดลง ซึ่งส่วนที่มีเพิ่มขึ้น ประมาณไม่เกิน 100 ไร่
นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถูกตรวจสอบมาหลายครั้ง มีทั้งกรมป่าไม้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อสอบสวนว่า ที่ดินที่งอกออกมานั้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ และรุกป่าเลย เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบ พบเพียงส่วนเกินเข้าไปในที่ดินปฏิรูปหรือป่าสงวนเพียง 1 ไร่เศษ ทางหน่วยตรวจสอบจึงเสนอไปกรมที่ดินว่าในส่วนที่เกินที่เกิดจากการรังวัดคลาดเคลื่อนนั้น ให้กรมที่ดินมีคำสั่งมีให้มีการเพิกถอนและแก้ไขสิทธิ จึงมีหนังสือแก้ไขโฉนดมา แต่บริษัทเห็นว่าซื้อมาโดยชอบ เจ้าของที่ดินข้างเคียง อบต. อบจ. นายอำเภอรับรองถูกต้องหมดเมื่อครั้งรังวัดแนวเขต จดทะเบียนจ่ายเงินซื้อจากโฉนด จะมาถอนที่ดินคงไม่ถูกต้อง จึงไปฟ้องศาลปกครองขอเพิกถอนคำสั่งของกรมที่ดิน ซึ่งต่อมามีผู้ไปร้องเรียนยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เมื่อ ป.ป.ช. มาตรวจสอบ อธิบดีกรมที่ดินได้ทำหนังสือมาถึงเรา และหน่วยงานราชการปราบทุจริตด้วยว่า ตรวจสอบการออกเอกสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดของทั้งโครงการนี้แล้ว ที่น่าจะมีปัญหารังวัดคลาดเคลื่อนในพื้นที่นี้ผิดไปหรือล้ำไปในที่ป่าสงวนหรือที่ปฏิรูปที่ดินทั้งหมดมีเพียง 4 แปลง ประมาณ 70-80 ไร่ เราก็ต้องสู้ตามข้อกฎหมายไปอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหา ยืนยันว่า สนามกอล์ฟไม่ได้ไปรุกที่ป่า ซื้อมาโดยถูกต้องเป็นโฉนดตรวจสอบได้
สำหรับคดีใน ป.ป.ช.เป็นการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดิน ช่างรังวัด ว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะแจ้งข้อกล่าวหาพนักงานที่ดินปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และนายประยุทธ ฐานสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าหน้าที่ ทางบริษัท จึงคิดว่า เกี่ยวเนื่องมาจากคดีที่อยู่ที่ศาลปกครอง จึงได้ไปถอนฟ้อง และทำหนังสือยืนยันไปว่า หากที่ดินส่วนไหนรุกที่ป่า ก็ยินยอมคืนให้
5. “มนัส บุญจำนงค์” อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เข้ารับทราบข้อหาฉ้อโกง หลังถูกแจ้งจับฐานหลอกขายลอตเตอรี่!
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายมนัส บุญจำนงค์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2004 พร้อมทนายความ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง คดีหลอกขายลอตเตอรี่ โดยเจ้าตัวไม่ขอพูดหรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชน
ด้านนายอานนท์ (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย เผยว่า รู้จักกับนายมนัสผ่านเพื่อนๆ ที่เป็นกลุ่มเตะบอล ซึ่งเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2563 นายมนัสชักชวนเพื่อนคนอื่นซื้อสลาก โดยอ้างว่า ได้โควตาสลากมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นโควตาของนายสมรักษ์ คําสิงห์ เพื่อนนักมวย ตนจึงสนใจและติดต่อซื้อสลากกับนายมนัส และมีการซื้อกันมาจำนวน 3 งวด
งวดแรก มีการจ่ายเงินและได้สลากจริง ต่อมางวดที่ 2 และ 3 มีการจ่ายเงินไปรวมกว่า 1,452,000 บาท แต่นายมนัส อ้างว่า หาสลากไม่ได้ และไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่าถูกโกงจนไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ แต่ก็จะพยายามหาเงินมาคืนให้ ก่อนหน้านี้ มีการผลัดการคืนเงินหลายครั้ง จนตนต้องเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง ซึ่งในตอนนั้นมีการไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งนายมนัสยอมที่จะคืนเงินให้ โดยมีการจ่ายเช็คจำนวน 3 ใบ แต่เช็คที่จ่ายออกมาไม่สามารถขึ้นเงินได้
ด้านนายเอกไท ผู้เสียหายอีกราย เผยว่า กรณีของตนก็คล้ายกับเคสแรก ซึ่งเหตุที่เชื่อถือและร่วมลงทุนด้วยนั้น มาจากการที่นายมนัส ถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง ประกอบกับมีการอ้างถึงบุคคลคนที่มีชื่อเสียงอีกคน และมีการส่งรูปสลากจำนวนหนึ่งมาให้ดู เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือว่ามีสลากจริง แต่พอตกลงซื้อขายมีการโอนเงินให้นายมนัสจำนวน 632,000 บาท ภายหลังเกิดเรื่อง นายมนัสโอนเงินคืนกลับมา 172,000 บาท เพื่อทำให้เชื่อว่าจะได้เงินที่เหลือคืนและเพื่อไม่ให้แจ้งความ แต่กลับเบี้ยวจ่ายส่วนที่เหลือ เมื่อทวงถามก็มีการผลัดวันไปเรื่อยๆ จนต้องเดินทางเข้าแจ้งความ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหานายมนัส 2 ข้อหา คือ ฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยภายหลังรับทราบข้อหา พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากนายมนัสเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกด้วยตนเอง