วัดใจ “บิ๊กตู่” สู้การเมืองรุมบีบตีไพ่ใบสุดท้าย : ล้มกระดาน สู้เกมนับแต้ม – ไทยรัฐ

ในจังหวะที่ตัวเลขแข่งกันทำสถิตินิวไฮ พุ่งทะลักรายวัน ระหว่างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเบนซินจ่อลิตรละ 50 บาท ขณะที่ผู้ติดเชื้อโรคระบาดโควิด–19 สายพันธุ์โอมิครอน ทั้งการตรวจ RT–PCR และการตรวจแบบ ATK รวมแล้วปาเข้าไป 5–6 หมื่นรายต่อวัน

สัญญาณลบทั้ง “สงครามโรค–สงครามโลก” ศึกรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่มีทีท่าจะสงบง่ายๆต่างฝ่ายต่างตั้งป้อมแลกอาวุธหนัก เสียหายยับทั้งคู่ และยังพานมา กระทบกระเทือนกันทั้งโลก ผลพวงจากการสู้รบที่ลามไปถึงมาตรการแซงก์ชัน การกดดันทางเศรษฐกิจ

แบบที่สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรประกาศบอยคอตธุรกิจทางเงิน ที่สำคัญคือการกดดันไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ฝั่งของรัสเซียเองก็ไม่ยี่หระ แถมยังขู่กลับหากนานาชาติแบนน้ำมันจากรัสเซีย

อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะลักเกิน 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นั่นหมายถึงกระอักกันทั้งโลก สั่นสะเทือนเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ไม่ได้ผลิตน้ำมันใช้ได้เองมีหวังบักโกรกหนัก

รวมถึงประเทศไทยที่กำลังสำลักมหาวิกฤติโควิด อาการหนัก คลังถังแตก กองทุนน้ำมันกระเป๋าฉีก ได้แค่ประคองกลุ่มดีเซล ไม่เหลืออุ้มกลุ่มเบนซิน ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ทะยานขึ้นไปจ่อครึ่งร้อยบาทต่อลิตร

คนใช้รถหน้าซีด เงินแบงก์พันบาทเติมน้ำมันได้ไม่ถึงครึ่งถัง

หันไปพึ่งทาง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ก็ทำได้แค่ขอร้องให้ประชาชนงดใช้รถยนต์ส่วนตัวโดยไม่จำเป็น ให้ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะแทน

คิดได้แค่แผนแก้ผ้าเอาหน้ารอดในภาวะฉุกเฉินเท่านั้น

ตามสภาพคงหมดปัญญาจริงๆ ผู้นำทหารอาชีพเจอโจทย์หินทางเศรษฐกิจรุมเร้า แบบวิกฤติซ้ำวิกฤติซ้อน รับเผือกร้อนกันไม่ทัน การบริหารติดล็อก ปั่นเนื้องานไม่ออก กู้สถานการณ์ไม่ได้

แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับความพยายามลากอำนาจไปต่อ ผู้นำขุมอำนาจ 3 ป. ยังจดจ่ออยู่กับการแก้สมการ กู้สถานภาพทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี

ที่กำลังโดนนักการเมืองอาชีพรุมขี่คอ บีบไข่หน้าเขียวหน้าดำ

และก็เหมือนหนังฉายซ้ำ ฉากเก่า มุกเดิม พล.อ.ประยุทธ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตั้งวงข้าว รับประทานอาหารร่วมกัน โดย “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” ลงมือปรุงกุ้งผัดกระเทียมเลี้ยงน้องด้วยตัวเอง

ภาพตั้งใจปล่อยให้เป็นข่าว ตอกย้ำสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.

ต่อเนื่องกันเลยกับโปรแกรมที่ “บิ๊กตู่” เป็นเจ้าภาพ ส่งเทียบเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลระดับหัวหน้าและแกนนำพรรคสำคัญ ทั้ง “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มาพร้อมกับ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาพร้อมนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มาคู่กับนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคร่วมวงรับประทานอาหารค่ำ “ขันนอต” กระชับความแน่นของรัฐบาล

และเป็นอะไรที่คาดเดาได้ไม่ยาก ตามเงื่อนไขสถานการณ์ วงข้าวของทหารเฒ่า 3 ป. กับนักการเมืองอาชีพพรรคร่วมรัฐบาล ต้องพูดจากันอันดับแรกเลยก็คือ การประคององค์ประชุมสภา ประคองเสถียรภาพรัฐบาล ประจานผู้นำกุมสภาพเสียงข้างมากไม่ได้

สอดรับกับการที่ “บิ๊กป้อม” ประกาศกลางวง พรรคเศรษฐกิจไทยของ “ก๊วนกบฏ” พลังประชารัฐจะยกมือสนับสนุนรัฐบาล ยกเว้นรายของ “ผู้

กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ คนเดียวตามฟอร์มทหารเฒ่า “ควบแน่นอำนาจ” โชว์นักการเมืองอาชีพ

ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก็ประสานเสียง ยืนยันความเป็นปึกแผ่น พร้อมจะลากเรือเหล็กสนิมเกรอะไปจบครบเทอม 4 ปี ไม่มีการถอนสมอ สละเรือ

แต่ในสายตาประชาชนทางบ้านจะเชื่อหรือไม่ นั่นอีกเรื่องหนึ่งเพราะตามสภาพอย่างที่รู้ๆกัน ในบรรดา 17 เสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย เชื่อได้เลยว่าเกินครึ่งเป็นพวกที่พร้อมเป็นพร้อมตายกับ “ผู้กองนัส” ไม่เช่นนั้นคงไม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแหกค่ายออกจาก พปชร.

และก็เป็นอะไรที่ “ไต๋โผล่” ทันควัน แบบที่ยังไม่ทันคุยเรื่องเสียงหนุนของทีมกบฏจบ ก็มีกระแสข่าวโยนหินออกมาโครมคราม การปรับ ครม.สูตร “กุ้งผัดกระเทียม” สลับดอก ให้ “บิ๊กป้อม” เป็นรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย โยก “บิ๊กป๊อก” มานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม

ยก 2 โควตารัฐมนตรีเป็นของกำนัลให้พรรคเศรษฐกิจไทย

“ปาหี่” ปล่อย “ผู้กองนัส” ตายเดี่ยว ว่ากันขนาดนั้นเชียว

แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ก็มีสัญญาณการขยับ “โชว์ของ” สวนกันทันควัน ร.อ.ธรรมนัส นัด ส.ส.พรรคเล็ก พวก “ต่ำเอี่ยว” กินข้าว เลี้ยงกล้วย “ผูกเสี่ยว” กันแน่น

สรุปการควบแน่นอำนาจของทีม 3 ป. ยังไม่ชัวร์ เสียงในสภายังแกว่งไปแกว่งมา

เรื่องของเรื่อง ประเมินกันตามเงื่อนไข ปมสำคัญจริงๆบนโต๊ะดินเนอร์ทีมทหารเฒ่ากับนักการเมืองอาชีพพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่การประคองเสถียรภาพ ลากถูลู่ถูกังเรือเหล็กให้ตลอดรอดฝั่งจนครบเทอม เสริมโอกาสให้ “บิ๊กตู่” ได้โชว์ฟอร์มอินเตอร์บนเวทีเจ้าภาพประชุมเอเปกปลายปี เป็นเกียรติยศแค่นั้น

ไฮไลต์จริงๆมันเกี่ยวพันกับเดิมพันเส้นทางลากอำนาจต่อหลังเลือกตั้งรอบหน้า

จากเค้าลางที่เห็นกันเลยว่า ผู้นำทหารเฒ่าส่อ “หมดโปรโมชัน”

สัญญาณอันตรายแบบที่พลาดท่าเสียที ขุมอำนาจ 3 ป. ไม่สามารถหามนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยึดแป้นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง

หัวทิ่มคะมำ เพราะโดนขาใหญ่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งค่ายภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ รวมหัวไปแท็กทีมกับฝ่ายค้านดันนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คนค่ายปชป.ปาดหน้าคว้าเก้าอี้ไป

โดยไม่สนตั๋วใบใหญ่ของ “บิ๊กป้อม” ที่ส่งซิกคุณขอมาสะท้อนชัดเลยว่า ขุมอำนาจ 3 ป. เสื่อมมนต์ขลัง

ทหารเฒ่าโดนนักการเมืองขี่คอ จากที่โดนรุมบีบไข่หน้าเขียวหน้าดำ ผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” อยู่ในสภาพโดนต้อนเข้ามุมอับขยับตัวลำบากมากขึ้นทุกขณะ

อย่าว่าแต่จะอยู่ครบเทอม โรดแม็ปไปต่อรอบหน้าเจอสะพานขาด โอกาสฟาวล์สูง

ตามเงื่อนไขภาคบังคับ ภายใต้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบตามรัฐธรรมนูญล็อกไว้ ไม่ต้องระดับเซียนการเมืองก็แทงหวยได้ โอกาสมันไหลเข้าเหลี่ยมบาทา “นายห้างดูไบ” อาการอย่างที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กล้าตีปี๊บแบบไม่กลัวหน้าแหก รอบหน้าเพื่อไทยมาแบบ “แลนด์สไลด์” ชัวร์

ล่าสุดเจ้าตัวบินโฉบมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีแค่ลูกหาบระดับนายเกรียง กัลป์ตินันท์ กับนายชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี ไปนั่งคลอเคลียพะเน้าพะนอ

แค่นี้ก็ทำให้ทีมทหารเฒ่าสะดุ้งแล้ว แนวโน้มอีสาน พปชร.แพ้ราบแน่

กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบยี่ห้อ “ทักษิณ” โกยส.ส.เขตกระจาย แล้วถ้าระบบบัญชีรายชื่อเอาคะแนนรวมหารด้วยร้อย นับแต้มแบบรัฐธรรม นูญ 2540 ก็แทบไม่ต้องลุ้น มีหวังสถาน การณ์ไหลกลับไปแบบที่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย โกยแต้มชนะขาดแบบม้วนเดียวจบ

แนวรบเลือกตั้งรอบหน้าอยู่ในชัยภูมิที่ทีมดูไบได้เปรียบทุกประตู ยิ่งในสภาพที่ “บิ๊กตู่” ต้นทุนหน้าตักหดหาย ต้องอาศัยปะผุบ้านเก่าค่ายพลังประชารัฐที่กระแสต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

อย่าว่าแต่ลุ้นแชมป์ โอกาสเข้าป้ายที่สองยังยาก มีเค้าหลุดไปอันดับสามอันดับสี่

ศักดิ์ศรี “นายกฯในบัญชี พปชร.” โดนโห่ฮาแน่

จุดนี้คือไฟต์บังคับ โอกาสเดียวที่เหลืออยู่ของ “บิ๊กตู่” และทีมอำนาจ 3 ป. คือการกู้เกมนับแต้มปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้ไหลเข้าเหลี่ยมทีมดูไบ ต้องลากสถานการณ์กลับมาให้เข้าทาง พปชร.มากที่สุด นั่นคือการนับแต้มแบบจัดสรรปันส่วนผสมเหมือนการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

แม้ฟังจากนายสาธิต ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ จะออกตัวเลยว่า ทำได้ยาก เนื่องจากรัฐธรรมนูญล็อกไว้ เกี่ยวโยงกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

จับทางเป็นนัย “นักการเมืองอาชีพ” ได้ทีรุมบีบ “ตัดตอน” ทหารเฒ่าลากยาวอำนาจ

แต่นั่นก็ต้องไม่ลืม โอกาสยังมีอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถือ “ไพ่ตาย” ใบสุดท้ายอยู่ในกำมือ นั่นคือ การยุบสภา ชิงตัดหน้าในจังหวะที่กฎหมายลูกยังคาราคาซัง แท้งคาสภา ใช้การออก พ.ร.ก.เลือกตั้ง โดย ครม.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกกติกานับแต้มปาร์ตี้ลิสต์แบบปัดเศษ คะแนนไม่ตกน้ำ

นี่คือหมากต่อรองระหว่างทหารอาชีพกับนักเลือกตั้งอาชีพ

ถ้าคุยกันรู้เรื่อง ก็เจอกันครึ่งทาง บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ นับแต้ม ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบจัดสรรปันส่วนผสม แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ นักเลือกตั้งอาชีพตีธงสกัดเส้นทางไปต่อของผู้นำทหารเฒ่า

ก็ล้มกระดาน ยุบสภา “บิ๊กตู่” ออกแบบกติกาเล่นเอง.

“ทีมการเมือง”