‘วัดรอยเท้าคาร์บอน’อภิมหาเศรษฐีโลก

‘วัดรอยเท้าคาร์บอน’อภิมหาเศรษฐีโลก โดยในปี 2561 ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐรวมทั้งเศรษฐีพันล้านปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คนละประมาณ 15 ตัน

ปี 2563 ที่ผ่านมา ทั้งอีลอน มัสก์ จากเทสลา และเจฟฟ์ เบซอส จากอเมซอน แข่งกันรวยอันดับ 1 ของโลกตลอดทั้งปี ความมั่งคั่งของมัสก์พุ่งขึ้นถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้แย่งตำแหน่งเบซอสมาได้ครู่หนึ่ง แต่อย่าลืมว่า ยิ่งรวยมากเท่าใดก็ยิ่งทิ้งรอยเท้าคาร์บอน (คาร์บอนฟุตปรินท์) มากกว่าคนธรรมดาสามัญหลายพันเท่า

เว็บไซต์ theconservation.com รายงานว่าพวกอภิมหาเศรษฐีมีทั้งเรือยอชท์ เครื่องบิน และคฤหาสน์หลายหลัง ทั้งหมดล้วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโลก ตัวอย่างเช่น เรือซูเปอร์ยอชท์ที่มีลูกเรือประจำการถาวร มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เรือดำน้ำ และสระว่ายน้ำ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปีละประมาณ 7,020 ตัน ถือเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ควรครอบครองมากที่สุดในแง่ของสภาพแวดล้อม การขนส่งและอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนสูงสุดในรอยเท้าคาร์บอนของคนกลุ่มนี้

ในปี 2561 ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐรวมทั้งเศรษฐีพันล้านปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คนละประมาณ 15 ตัน มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่แค่คนละ 5 ตัน แต่อภิมหาเศรษฐีกลุ่มตัวอย่าง 20 คนที่ theconservation.com ศึกษา กลับปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 8,190 ตัน และบางคนก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าคนอื่นๆ

เว็บไซต์นี้สุ่มตัวอย่างจาก 2,095 มหาเศรษฐีพันล้านประจำปี 2563 ของฟอร์บส แต่การจะหารอยเท้าคาร์บอนจากพวกเขาทำไม่ได้ จึงใช้วิธีศึกษาการบริโภคที่เหล่าเศรษฐีเผยต่อสาธารณะ ไม่นับพวกซูเปอร์ริชในเอเชียและตะวันออกกลาง

จากนั้นรวบรวมข้อมูล 82 ชุดที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ระบุรายการบ้าน รถยนต์ เครื่องบิน และเรือยอชท์ของมหาเศรษฐีพันล้าน หลังจากค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ได้อภิมหาเศรษฐีที่คนรู้จักกันดี 20 คน ครอบครองทรัพย์สินที่สามารถตรวจสอบได้ ขั้นตอนต่อไปเว็บไซต์ theconservation.com

ใช้แหล่งข้อมูลหลากหลาย เช่น สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ และข้อมูลรอยเท้าคาร์บอน ประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบ้านแต่ละหลัง เครื่องบิน รถยนต์ และเรือยอชท์แต่ละลำ ในบางกรณีต้องประเมินขนาดของบ้านจากภาพถ่ายดาวเทียม หาข่าวจากสื่อเรื่องการใช้เรือยอชท์หรือเครื่องบินส่วนตัว วิเคราะห์การใช้สินทรัพย์แต่ละชนิดตามขนาดและข้อมูลทุกอย่างที่หาได้

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ปล่อยมลพิษรายใหญ่สุดบางคนรวยน้อยกว่ามัสก์และเบซอส สองคนนี้ปล่อยคาร์บอนค่อนข้างน้อย

โรมัน อับราโมวิช

อภิมหาเศรษฐีรัสเซีย เจ้าของสโมสรเชลซีในลอนดอนมั่งคั่ง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ส่วนใหญ่มาจากการค้าน้ำมันและก๊าซ เป็นผู้ปล่อยมลพิษรายใหญ่สุดจากการศึกษาครั้งนี้

อับราโมวิชท่องเมดิเตอร์เรเนียนด้วยเรือซูเปอร์ยอชท์ชื่อ “อีคลิปส์” หัวเรือขนาด 162.5 เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เดินทางรอบโลกด้วยเครื่องบินโบอิง 767 ออกแบบพิเศษ มีห้องอาหารขนาด 30 ที่นั่ง ถ้าทริปสั้นๆ ก็เดินทางด้วยกัลฟ์สตรีม จี650เฮลิคอปเตอร์ 1 ใน 2 ลำที่มีในครอบครอง หรือใช้เรือดำน้ำจากเรือยอชท์

เขายังมีบ้านในหลายประเทศ ทั้งแมนชันในเคนซิงตันพาร์คการ์เดน กรุงลอนดอน ชาโตว์ในแคปดงธีบส์ ฝรั่งเศส คฤหาสน์ 175 ไร่ในเซนต์บาร์ตส ที่เคยเป็นของเดวิด ร็อกกีเฟลเลอร์

ปี 2561 เขาออกจากสหราชอาณาจักรไปตั้งรกรากในอิสราเอล โดยถือสองสัญชาติและซื้อบ้านราคา 64.5 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน ประเมินว่า ปี 2561อับราโมวิช ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 33,859 ตัน กว่า 2 ใน 3 มาจากเรือยอชท์ ที่สแตนด์บายพร้อมใช้ตลอดทั้งปี

บิล เกตส์

ปัจจุบันมั่งคั่งเป็นอันดับ 4 ของโลก 1.24 แสนล้านดอลลาร์ เป็นผู้ปล่อยมลพิษเล็กน้อย ถ้าเทียบกับมาตรฐานเศรษฐีพันล้านด้วยกัน ซึ่งเป็นแบบฉบับของคนที่ไม่มีเรือยอชท์ลำใหญ่ แต่มีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำเป็นตัวปล่อยคาร์บอน

ทศวรรษ 90 เกตส์สร้าง “ซานาดู” คฤหาสน์ขนาดมหึมา 6,131 ตารางเมตร ราคา 127 ล้านในเมดินา รัฐวอชิงตัน ที่จอดรถ 23 คัน โรงภาพยนตร์จุคนดู 20 คน และห้องนอน 24 ห้อง

เขายังเป็นเจ้าของบ้านอีก 5 หลังเป็นอย่างน้อยที่เซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย, ซานฮวนไอส์แลนด์ รัฐวอชิงตัน, นอร์ทซาเลม, นิวยอร์ก และที่นิวยอร์กซิตี้ มีฟาร์มม้า 1 แห่ง เครื่องบินส่วนตัว 4 ลำ เครื่องบินทะเล 1 ลำ และคอลเลคชันเฮลิคอปเตอร์ชุดหนึ่ง ประเมินได้ว่าเขาปล่อยคาร์บอนปีละ 7,493 ตัน ส่วนใหญ่มาจากการใช้เครื่องบินส่วนตัวมาก

อีลอน มัสก์

ซีอีโอเทสลามอเตอร์และสเปซเอกซ์ สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คน เพราะมีรอยเท้าคาร์บอนต่ำ ทั้งๆ ที่มั่งคั่งเป็นอันดับสองของโลก 1.77 แสนล้านดอลลาร์ และดูเหมือนเขาจะตั้งใจทำให้เป็นตัวอย่างซูเปอร์ริชคนอื่นๆ ด้วย

มัสก์ ไม่มีเรือซูเปอร์ยอชท์ เขาบอกเองว่าไม่เคยลาพักร้อน คำนวณดูแล้วรอยเท้าคาร์บอนของเขาในปี 2561 ค่อนข้างต่ำ จากบ้าน 8 หลัง เครื่องบินส่วนตัว 1 ลำ ปีนี้น่าจะต่ำลงอีกเพราะในปี 2563 มัสก์ขายบ้านทั้งหมดไปแล้ว และรับปากว่าจะขายทรัพย์สินที่เหลืออยู่

แม้คาร์บอนฟุตปรินท์ของมัสก์ยังสูงกว่าคนทั่วไปหลายร้อยเท่า แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่า อภิมหาเศรษฐีสามารถเลือกใช้ชีวิตที่่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำได้ ประเมินว่า คาร์บอนฟุตปรินท์จากทรัพย์สินของมัสก์อยู่ที่ 2,084 ตันในปี 2561