ลองของแรง ทดสอบ FORD MUSTANG GT V8 5.0L – ไทยรัฐ

Ford Mustang 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,899,000 บาท

Ford Mustang 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,699,000 บาท


Mustang ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ

สีส้ม ทวิสต์ ออเรนจ์ (Twist Orange)

สีน้ำเงิน เวโลซิตี้ บลู (Velocity Blue)

สีแดง เรซ เรด (Race Red)

สีใหม่ สีเทา คาร์บอนไนซ์ เกรย์ (Carbonized Grey) คันทดสอบ

Ford Mustang มาพร้อมเรือนร่างที่ใหญ่โตตามสไตล์ของรถมัสเซิลคาร์ เป็น Mustang รุ่นที่ 6 เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2013 และเป็นรถสปอร์ตในตำนานรุ่นแรกที่มีการผลิตเวอร์ชันพวงมาลัยขวา ที่ออกขายหรือวางจำหน่ายไปทั่วโลก รวมถึงไทยที่ Ford Thailand นำเข้ามาขายพร้อมสีตัวถังใหม่ Carbonized Grey ในราคา 4,899,000 บาท รุ่นแรงสุด GT V8 คุณจะได้รถสองประตูคันโตที่มีส่วนหน้ายาวเหยียดและส่วนท้ายที่สั้นกุด ท่านั่งขับที่แสนสบาย ท่ามกลางงานตกแต่งที่แสดงออกถึงความเป็นอเมริกัน พร้อมเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผ่านท่อระบายไอเสีย ที่สามารถปรับแต่งระดับความดังของเสียงได้ เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5 ลิตรของ Mustang GT V8 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ขึ้นชื่อในเรื่องของแรงบิดและการรับประทานน้ำมันเชื้อเพลิงคล้ายถังรั่ว เกียร์ใหม่ 10 สปีดมีส่วนในการเพิ่มสมรรถนะไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วที่ต้องการอัตราทดตีนต้นจิ๊ดๆ รวมไปถึงการวิ่งด้วยความเร็วคงที่ในเกียร์ 10 ซึ่งทำให้มันกินน้ำมันน้อยลงเมื่อขับออกทางไกล Ford Mustang GT V8 ยังเป็นรถสปอร์ตที่ขับได้ดีกว่าเดิมจากการปรับปรุงระบบรองรับและระบบเบรก รูปลักษณ์ สมรรถนะและเสียงเครื่องยนต์เป็นไปตามแบบฉบับของรถสปอร์ตระดับตำนาน ผสมกับความทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพของการขับแบบรถยนต์ยุคใหม่ ทำให้ใครก็ตามที่ชอบขับรถทางไกลรู้สึกหลงใหลไปกับงานวิศวกรรมของอเมริกัน 

รุ่น 2.3 EcoBoost 310 แรงม้า ราคา 3,699,000 บาท เป็นม้าป่าที่ไม่ค่อยจะแรงเท่าไร แต่ควบคุมง่ายและปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ไม่เน้นกำลังแต่เน้นที่รูปทรงความลงตัว ส่วนรุ่นสูงสุด GT V8 คันทดสอบ ที่มีม้าตุนอยู่ใต้ฝากระโปรงมากถึง 449 ตัวพร้อมแรงบิดระดับทะลุมิติที่ 529 นิวตันเมตร ถือเป็น Mustang ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะกับการขับทางไกล บนทางตรงยาวสุดลูกหูลูกตา Ford เป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตที่เคยเป็นตำนานในสนามแข่งอย่าง GT40 รวมถึงรถแรลลี่ที่ดิบโหดอย่าง Ford RS200 รถแข่งทางฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง และที่ลืมไม่ลงก็คือ ชัยชนะในสนามแข่ง F1 จากทีมงานของ Ford Cosworth การสั่งนำเข้าม้าป่า Mustang ทั้งสองรุ่นสองเครื่องยนต์มาขายในประเทศไทย จึงเป็นเรื่องที่ดี เช่นเดียวกับ Mustang รุ่นแรกๆ ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ GT V8 แปะตราสัญลักษณ์ม้าที่กำลังพุ่งทะยาน เป็นรถที่มีกล้ามมัดโตเบิ้มจากเครื่องยนต์ไซส์ยักษ์ที่มีความจุมากถึง 5,000 ซีซี ฝากระโปรงหน้ายาว บั้นท้ายถูกหั่นให้สั้นกุดพร้อมไฟท้ายสไตล์เดิมที่เรียกร้องความสนใจของนักเลงรถด้วยแรงบิดมหาศาลจากเครื่อง V8

Mustang ใหม่ มีเส้นสายที่สวยงามดุดัน และมีความอนุรักษ์นิยมในด้านเอกลักษณ์ โดยเลียนแบบรูปทรงของ Mustang รุ่นแรกๆ ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต รูปทรงของมันผสมผสานกันระหว่างความเรียบง่ายและความทันสมัยของรถสปอร์ตยุคใหม่ แต่ก็ยังมีบางจุดบางตำแหน่งที่แปลกตาและแตกต่างจากรถสปอร์ตของฝั่งยุโรป ไฟหน้า LED พร้อมกลไกการทำงานของระบบไฟแบบอัตโนมัติ ฝากระโปรงหน้ายาวเหยียด มีช่องอากาศสองช่องอยู่บนฝากระโปรง ช่องดังกล่าว ออกแบบให้เชื่อมโยงกับแนวเส้นของฝากระโปรงหน้า เสาหน้าลาดเอียงพร้อมแนวโค้งของหลังคาสไตล์รถสปอร์ต

ไฟท้าย LED ออกแบบอย่างสวยงาม สปอยเลอร์หลังพร้อมครีบรีดอากาศและวิงหลัง รวมถึงครีบดริฟฟูเซอร์สำหรับรีดอากาศและสร้างแรงกดส่วนท้ายเมื่อทำความเร็ว มิติตัวถังของ Mustang มีความยาวถึง 4,879 มิลลิเมตร กว้าง 2,097 มิลลิเมตร สูง 1,382 มิลลิเมตร ความกว้างล้อคู่หน้า 1,584 มิลลิเมตร ความกว้างล้อคู่หลัง 1,653 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,720 กิโลกรัม ล้ออัลลอย Performance pack wheel สีดำ คู่หน้าขนาด 19 x 9″ ยางล้อหน้า ขนาด 255/40 ZR19 ส่วนล้อหลังขนาด 19 x 9.5″ ยัดยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงของ Michelin รุ่นยอดฮิต Pilot Sport 4 S ขนาด 275/40 ZR19 คาร์ลิปเปอน์เบรก Brembo หน้า 6 พอต หลัง ซิงเกิลพอต จานเบรกแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมตัวช่วยเบรกที่เข้ามาทำให้การหยุดยั้งพลัง 446 แรงม้า ดีกว่ารถรุ่นเก่าแบบเทียบกันไม่ติด!

ห้องโดยสารของ Mustang ยุคใหม่ อุดมไปด้วยพลาสติกเกรดกลาง อุโมงค์เกียร์ขนาดยักษ์ แบ่งพื้นที่ของคนขับและผู้โดยสารออกจากกันอย่างชัดเจน เป็นสไตล์ของรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังที่นิยมทำกันแบบนี้มานานแล้ว แดชบอร์ดทันสมัยและสวยงาม ใช้พลาสติกสีเงินเลียนแบบงานอะลูมิเนียมคาดตรงกลาง ช่องแอร์ทรงกลมที่อยู่กึ่งกลางของคอนโซล จอมอนิเตอร์ระบบสัมผัสของ Ford หน้าตาคุ้นๆ คล้ายกับ Everest Ranger และ Raptor สั่งงานด้วยการแตะสัมผัสบริเวณหน้าจอภาพอย่างง่าย เบาะแบบสปอร์ตนั่งนิ่มสบายทั้งก้นและแผ่นหลัง เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้าเฉพาะการเดินหน้าและถอยร่นตัวเบาะ ถ้าจะปรับเอียงพนักพิงหลังก็ต้องปรับด้วยมือ ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่คับแคบเหมาะกับเด็กตัวเล็กมากกว่าจะให้ผู้ใหญ่ตัวโตเข้าไปนั่ง

จอภาพมาตรวัดแบบ TFT LCD ขนาด 12 นิ้ว ใหญ่โตมองเห็นได้อย่างชัดเจน มาตรวัดแบบทรงกระบอกที่ปรับเปลี่ยนจากการใช้เข็มวัดรอบและวัดความเร็วมาเป็นจอภาพที่มีความคมชัด พร้อมลูกเล่นแพรวพราว มีการใส่ฟังก์ชั่นใช้งานแบบรถซิ่ง พ่วงด้วยการปรับตั้งค่าได้อย่างหลากหลาย ซุ้มเกียร์กับที่วางแก้วมีตำแหน่งที่ค่อนข้างขัดแย้งเมื่อใช้งานจริง ลองเอาแก้วกาแฟไปวาง จากตำแหน่งที่ใกล้กับคันเกียร์ทำให้การเอื้อมมือไปโยกคันเกียร์จะมีแก้วกาแฟที่เกะกะอยู่พอสมควร หน้าจอมอนิเตอร์ระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ติดตั้งระบบให้ความบันเทิง Ford SYNC 3 ต่อเชื่อมกับ Bluttooth, Wi-Fi รองรับ Apple CarPlay/Android ใต้จอมอนิเตอร์มีช่องใส่แผ่น CD ช่องเสียบ USB ระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียม ใต้จอภาพเป็นชุดควบคุมของระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกฝั่ง หรือ Dual-zone สวิตช์ปรับตั้งโหมดการขับเคลื่อน และสวิตช์สตาร์ตเครื่องยนต์

พวงมาลัยทรงสามก้านพร้อมสวิตช์ปรับตั้งระบบต่างๆ เต็มไปหมด พวงมาลัยให้อารมณ์ย้อนๆ ตอนมองไปที่รูปม้า แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เล็กไปนิด ถ้ามีขนาดเท่ากับ Raptor จะดีงามกว่านี้มาก พวงมาลัยไฟฟ้าปรับตั้งได้ 4 ทิศทาง ควบรวมกับน้ำหนักที่ดีจากมอเตอร์ตัวเล็กๆ ที่คอยควบคุมน้ำหนักของพวงมาลัยให้แปรผันไปตามความเร็วกับโหมดของการขับเคลื่อน พวงมาลัยสามก้านแบบสปอร์ต มีตราสัญลักษณ์ม้าป่า เพื่อบ่งบอกว่าคุณกำลังควบรถสปอร์ตระดับตำนานของ Ford พวงมาลัยหุ้มหนังแท้จับได้อย่างกระชับมือ ก้านวงตกแต่งด้วยพลาสติกโครเมี่ยมสีเงิน มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ก้านวงด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของสวิตช์ปรับแต่งระบบอินโฟเทนเมนท์ กลุ่มสวิตช์ด้านล่างคือการปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ก้านวงด้านขวา ติดตั้งสวิตช์ปรับตั้งโหมดการขับเคลื่อน การปรับแต่งเสียงท่อ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมการแสดงผลบนจอภาพมาตรวัด ปุ่มรับหรือวางสายโทศัพท์บลูทูธ

เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 5.0 ลิตร V8 Ti-VCT การปฏิวัติครั้งใหม่ของเครื่องยนต์ในตำนาน V8 แบบหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ มาพร้อมแรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้น เครื่อง V8 มีปริมาตรความจุ 5,038 ซีซี. ติดตั้งหัวฉีดตรงแรงดันสูง High-Pressure Direct Injection กับหัวฉีดที่ท่อไอดีแรงดันต่ำ Low-Pressure Port Fuel Injection ความกว้างกระบอกสูบ 93.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.7 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0:1 กำลังสูงสุด 460 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 556 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อม Limited Slip Differential ตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.8 วินาที

สำหรับโหมดการขับเคลื่อนนั้น Ford Mustang มีมาให้อย่างครอบคลุมเพื่อการขับขี่ที่หลากหลาย เริ่มจาก Normal Mode เป็นโหมดเริ่มต้นของการสตาร์ตเครื่องยนต์ Sport mode สำหรับการตอบสนองที่รวดเร็วของเครื่องยนต์และเกียร์ 10 สปีด รวมถึงพวงมาลัย Track mode ใช้สำหรับขับเล่นในสนามแข่ง ระบบควบคุมการทรงตัวจะถูกยกเลิก Snow-Wet mode เหมาะกับการขับบนถนนที่อาจเกิดการลื่นไถลในขณะที่ฝนตก Drag Strip Mode สำหรับการขับแบบควอเตอร์ไมล์ และโหมดสุดท้าย My Mode เลือกปรับค่าต่างๆ ของการตอบสนองแบบแยกย่อย ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัยและระบบควบคุมการทรงตัวว่าจะปิดหรือเปิดการทำงานเอาไว้ แต่แนะนำให้เปิดไว้ตลอดจะดีกว่าปิด พวงมาลัยตั้งค่าได้ 3 ระดับการตอบสนอง เริ่มจาก แบบนุ่มนวล ใช้ขับในเมืองที่ย่านความเร็วต่ำ แบบธรรมดา เป็นการขับแบบผสม ช้าสลับเร็ว ขับออกทางไกล หรือขับบนเส้นทางที่ส่วนใหญ่ มีแต่ทางตรงยาว และแบบสปอร์ต การตอบสนองก็จะขึ้นอยู่กับสปีดความเร็ว เมื่อขับเร็ว ปั๊มที่ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จะปรับการทำงานให้น้ำหนักของพวงมาลัยมากขึ้น เหมาะกับการขับในสนามแข่ง หรือขับบนเส้นทางภูเขาที่มีโค้งวกไปวนมา 

Mustang พร้อมฟังก์ชั่นการขับแบบสปอร์ต โดยเฉพาะนักเลงทางตรง มันมาพร้อมระบบ Electronic Line Lock ถ้าไม่กลัวเปลืองดอกยาง ก็เปิดเล่นกันได้เลย ระบบดังกล่าว ช่วยให้ผู้ขับเบิร์นยางคู่หลังได้อย่างง่ายดาย พร้อมสำหรับการแข่งทางตรง (Drag Strip) ซึ่งระบบนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์ Ecoboost 2.3 ลิตร และรุ่นเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร V8 GT Coupe โหมด Line Lock ที่สั่งให้คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าทำงานเต็มที่ เพื่อทำให้ล้อหลังปั่นฟรีทิ้งอยู่กับที่จนควันโขมง สามารถพลางตากระบะดันรางที่เข้ามาเล่นแบบไม่ดูตาม้าตาเรือได้ กลิ่นยางไหม้จะติดเสื้อผ้าของคุณนานหลายวัน พร้อมกับสภาพของยาง PS4 ที่โล้นจนแทบจะไม่เหลือดอกยาง ทำให้คุณไม่อยากใช้โหมดนี้บ่อยนัก Electronic Line Lock ทำมาให้เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานจริง ระบบจะล็อกเบรกเฉพาะล้อหน้า เปิดโอกาสให้ล้อหลังปั่นแรงบิดฟรีทิ้ง ในลักษณะเบิร์นยาง ควันจากยางและการสึกหรอของดอกยางคือผลลัพธ์ของความร้อนที่สะสมอย่างรวดเร็วจากแรงเสียดทาน นวัตกรรมของ Mustang ก็คือการใช้งาน Line Lock จะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับคนที่ควักเงินซื้อรุ่น 2.3 Ecoboost และ GT 5.0 ลิตร แค่กดปุ่มสองครั้งที่พวงมาลัย คุณก็สามารถละลายยางเล่นได้แล้ว Line Lock เปิดการทำงาน 15 วินาที แต่ควันและกลิ่นของยางไหม้ รวมถึงเสียงที่เกิดจากการเสียดสีของยางกับผิวถนน เหมือนมันจะร้องขอชีวิตว่าพอได้แล้ว คุณไม่ต้องรอจนครบรอบ 15 วินาที ซึ่งอาจจะทำให้ดอกยางหายไปจนน่าตกใจ 

ระบบรองรับหรือช่วงล่างของ Ford Mustang GT V8 ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Integral-link พร้อมเหล็กกันโคลง รุ่น GT V8 ติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป สำหรับชุดบังคับเลี้ยวยังคงใช้พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงหมุน เป็นพวงมาลัยไฟฟ้าที่สามารถปรับค่าการตอบสนองได้สามรูปแบบ ติดตั้งชุดเบรกหน้า Brembo® ประกอบด้วยคาลิปเปอร์ 6 สูบสีเทาดำ เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 มิลลิเมตร จานเบรก 380 x 34 มิลลิเมตร พร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนเบรกหลังแบบคาร์ลิปเปอร์เดี่ยวทำจากอัลลอยสีเงินพร้อมจานเบรกขนาด 330×25 มิลลิเมตร

โหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับการควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว การตอบสนองของคันเร่ง รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ พวงมาลัยไฟฟ้าและการทำงานโหมดปรับระดับความดังของชุดท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust System ให้เหมาะกับการขับขี่แบบต่างๆ ได้แก่

โหมดปกติ (Normal) สร้างความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและการตอบสนองที่ฉับไว เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

โหมดสปอร์ต (Sport) ปรับการทำงานของคันเร่งและระบบบังคับเลี้ยวให้ตอบสนองเร็วขึ้น รวมถึงปรับการเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สัมผัสสมรรถนะในการขับขี่บนเส้นทางที่คดเคี้ยวได้อย่างเต็มพลัง

โหมดแทร็ค (Track) ออกแบบมาเพื่อนักขับตัวจริงที่ต้องการนำฟอร์ด มัสแตง เข้าไปโลดแล่นในสนามแข่ง ซึ่งตัวรถจะต้องตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ระบบเสถียรภาพการทรงตัวจึงถูกปิดการทำงาน และมีการปรับคันเร่งให้ไวยิ่งขึ้น เพื่อสมรรถนะถึงขีดสุด

โหมดหิมะ/พื้นเปียก (Snow/Wet) ช่วยให้การควบคุมรถง่ายขึ้นเมื่อพื้นผิวถนนลื่น ระบบจะควบคุมให้การตอบสนองของคันเร่งช้าลงเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรีหรือลื่นไถล โดยที่ผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสกับสมรรถนะของฟอร์ด มัสแตง ได้อย่างเต็มที่

โหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) เพื่อการขับขี่อย่างเต็มที่บนทางตรง ระบบจะช่วยให้รถออกตัวได้เร็วกว่าปกติ ด้วยการลดช่วงเวลาการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้แรงบิดถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการยึดเกาะถนนขณะออกตัว

โหมด My Mode เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่และเสียงท่อไอเสียได้ตามต้องการ

สวิตช์ปรับน้ำหนักพวงมาลัยที่ปรับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่

แบบคอมฟอร์ต (Comfort) พวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบาขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกล เพื่อลดความเมื่อยล้าในการควบคุมพวงมาลัยเป็นระยะเวลานาน

แบบปกติ (Normal) เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน

แบบสปอร์ต (Sport) พวงมาลัยจะมีน้ำหนักมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ขณะใช้ความเร็วสูง

Quiet Mode ที่เป็นมิตรต่อเพื่อนบ้าน สามารถตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อลดการรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน โดยเฉพาะเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์วี 8 ขนาด 5.0 ลิตร อันทรงพลังในตอนเช้าตรู่เทคโนโลยีปรับระดับเสียงของชุดท่อไอเสียพร้อมเสียงคำรามอันน่าเกรงขามของ Ford Mustang ชุด ท่อระบายไอเสียคู่ 4 ท่อจาก Mustang GT พร้อมโหมด Quiet, Normal, Sport และ Track ชุด Performance Package ของ Ford Mustang GT V8 ติดตั้งชุดเฟืองท้าย Limited Slip Differential เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ช่วยให้รถมีการยึดเกาะและการทรงตัวที่ดีขึ้น 

ม้าป่าเครื่อง V8 สีเทาใหม่ Carbonized Grey คันทดสอบ มีความสวยงามและอาการพยศแอบแฝงอยู่ ตามสันดานของม้าป้าอเมริกันที่จะเชื่องมือก็ต่อเมื่อคุณเองก็ต้องมีฝีไม้ลายมือมากพอ ในการควบคุมจักรกลคันโต เมื่อออกตัวเร็วๆ ด้วยการกดคันเร่งแบบฉับพลันทันที หากผิวถนนมีทรายหรือยางยังไม่อยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนพอที่จะทำหน้าที่ยึดเกาะอย่างเต็มที่ ท้ายรถจะเริ่มต้นอาการกวาดออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วจนต้องระวังในจุดนี้ให้ดีๆ หากคิดจะปล่อยแรงบิดลงพื้นอย่างเต็มเหนี่ยว คุณต้องแน่ใจว่า ถนนข้างหน้าและด้านข้างนั้น มันโล่งมากพอรับมือกับแรงพุ่งทะยานอย่างดุเดือดของพี่ม้าได้ เครื่องยนต์ V8 มีกำลังล้นเหลือที่จะทำความเร็วทางตรงได้อย่างง่ายดาย ขับในเมืองพวงมาลัยให้ระยะของการหมุนดีเยี่ยมและมีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ในย่านความเร็วต่ำ พวงมาลัยไฟฟ้าจะเริ่มหน่วงน้ำหนักให้เพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อคุณขับมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ Mustang GT V8 มีอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับใช้งานในเมืองประมาณ 5 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าซดเอาเรื่องกันเลยทีเดียว ส่วนการขับออกทางไกลบนไฮเวย์ มันจะกินเชื้อเพลิงประมาณ 10 กิโลเมตรต่อลิตรในย่านความเร็ว 110 ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในจุดนี้ เกียร์ 10 สปีด เข้ามาช่วยในเรื่องของอัตราทดเกียร์สุดท้ายหรือเกียร์ 10 ที่เป็นเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ ด้วยการใช้รอบเครื่องในย่านความเร็วเดินทางที่ถูกกฎหมายแค่ 1,500-1,800 รอบต่อนาทีเมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 110 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mustang GT V8 เป็นรถที่มีเสียงท่ออย่างโหด แม้จะเข้าไปปรับตั้งให้เงียบลงในโหมด Quiet แต่เสียงคำรามจากท่อท้ายเมื่อกดคันเร่งลึกๆ ก็ยังดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ดี ส่วนโหมด Track กลไกของวาล์วบายพาสในท่อระบายท้ายจะเปิดออกจนสุด และสร้างเสียงท่อท้ายที่คำรามกระหึ่มไปตลอดทางราวกับรถแข่ง นับเป็นรถที่ไม่เงียบ แต่ก็ขับแบบราบเรียบได้ง่ายพอสมควรถ้าไม่ติดลูกบ้ามากจนเกินไป เครื่องยนต์ตอบสนองบนทางยาวแบบไฮเวย์ได้ดีทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะขับแบบเรื่อยๆ หรืออยู่ในโหมดท้ารบกับชาวบ้าน เทคโนโลยีของระบบควบคุมการทรงตัวทำให้คุณขับเจ้า Mustang เครื่องโตได้อย่างง่ายดาย มันสามารถจัดการกับขนาดที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มากถึง 1.7 ตันได้อย่างไม่มีปัญหา แค่คนขับไม่บ้ามากเท่านั้นเป็นพอ ไม่ว่าจะคลานไปเรื่อยๆในเมือง หรือซิ่งไปบนเส้นทางแบบภูเขา Mustang เป็นรถที่มีเสียงท่อท้ายดังสุดนับตั้งแต่ผมเริ่มหัดขับรถเมื่อปี 2525 ซึ่งเป็นเรื่องที่บ้าระห่ำเอามากๆ!

Mustang รุ่นที่ผ่านมาใช้พื้นฐานของช่วงล่างแบบเดียวกับ Mustang รุ่นคลาสสิกที่ค่อนข้างโบราณ มันใช้ช่วงล่างหลังแบบคานแข็งที่ตอบสนองได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรแต่มีราคาถูกและมีความคงทน ช่วงล่างในลักษณะดังกล่าวมีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับการทรงตัวที่เหนือชั้นกว่าของรถสปอร์ตจากฝั่งยุโรปไม่ว่าจะเป็น Audi S5 Quattro BMW M4 Mercedes-Benz E63 Coupe 4MATIC รวมถึงเฟืองท้ายของม้าป่ารุ่นเก่าก็ยังเป็นเหล็กชิ้นเดียวที่มีน้ำหนักมากเกินไป ตอบสนองไม่ละเอียดและไม่สามารถปรับมุมล้อให้มีความเหมาะสมเหมือนช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ใน Mustang รุ่นใหม่ล่าสุด การปรับเปลี่ยนช่วงล่างพร้อมๆ กับเซตอัพใหม่หมดทำให้ Mustang ยุคใหม่ทรงตัวได้ดีขึ้น การใช้สตรัทคู่หน้าแบบใหม่ ทำให้วิศวกรของ Ford สามารถติดตั้งชุดเบรกหน้า BREMBO® ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องใช้ล้อที่มีออฟเซตลึกเกินไป ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเลี้ยว การปรับเปลี่ยนช่วงล่างมาเป็นแบบอิสระเปรียบเหมือนการค้นพบทางออกที่ถูกวิธี ซึ่งทำให้ Mustang ในปัจจุบัน เป็นรถสปอร์ตที่พอเร็วแล้วก็ขับได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

ย่านความเร็วสูง พวงมาลัยจะตอบสนองได้ช้าลงเล็กน้อย จากการหน่วงน้ำหนักให้เพิ่มขึ้นไปตามสปีดความเร็ว เมื่อใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ V8 จะดูดกินน้ำมันราวกับคนที่อยู่กลางทะเลทรายแล้วไปเจอเข้ากับสเลอบี้แก้วโต! เมื่อกระหน่ำคันเร่งจนเพลิน เจ้าม้าจะซดเชื้อเพลิงอย่างดุเดือดเลือดพล่าน อาการขณะขับเคลื่อน มันทั้งโหดและดิบในบางจังหวะที่ท้ายเกิดดีดดิ้น เมื่อลงคันเร่งจนสุดในช่วงออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ก็ต้องระวังว่าพี่ม้าจะมีอาการดีดกลับให้ดีๆ อัตราทดของเกียร์ 10 สปีดที่ไหลลื่นเกินไปจนขาดความรู้สึกแบบกลไก ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์กับพลังที่แปรเปลี่ยนมาเป็นแรงดึงแบบไม่รู้จักจบสิ้น พร้อมเสียงท่อที่กระหึ่มกึกก้องนั้นยอดเยี่ยมจนทำให้คุณลืมเรื่องความเร็วที่ใช้ จนต้องคอยมองมาตรวัดให้ดีๆ ช่วงล่างที่มั่นคง ช่วยทำให้คุณสามารถควบคุมรถได้ง่ายและเป็นธรรมชาติ แต่อย่าลืมพี่ม้าเป็นรถที่มีส่วนท้ายอ่อนไหวเอาเรื่อง ซึ่งทำให้มือดริฟต์ระดับเทพ มีความสุขกับการได้เปลี่ยนยางใหม่ ม้าป่า Mustang รุ่น GT V8 5.0 ลิตร เป็นรถสปอร์ตที่เรียบง่าย แต่โหดในเรื่องของอัตราเร่ง แรงดึงและการยกซดเชื้อเพลิงแบบไม่เกรงอกเกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น รูปทรงที่คลาสสิกกับความเป็นรถสปอร์ตอเมริกันอาจทำให้หลายคนจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ห้องโดยสารใช้วัสดุธรรมดาสามัญ พลาสติกของมัน ไม่ได้ดูแพงเหมือนภายในของสปอร์ตจากเยอรมนี การทรงตัวก็ยังเป็นรองสปอร์ตฝั่งยุโรป ในความเป็นจริงแล้ว ค่าตัว 4.8 ล้าน กับของที่ให้มารวมกับสมรรถนะของย่านกำลังและการขับขี่ที่ดีขึ้นมากก็ถือว่าคุ้ม เป็นรถที่ให้ความสนุกกับความเสียวไปพร้อมกันเมื่อกดคันเร่งเต็มเหนี่ยว คุณจะพบกับมิติใหม่ของการเร่งความเร็วที่แตกต่างไปจาก BMW และ Mercedes-Benz เป็นรถสปอร์ตคันโต ที่ให้ความสบายเมื่อขับแบบไปเรื่อยๆ ไม่เร็วมาก แต่ก็ต้องระวังให้ดีตอนออกตัวแรงๆ กับการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง คุณจะต้องนึกอยู่เสมอว่าม้าล่ำๆ ทั้ง 450 ตัวนั้นสามารถที่จะพรั่งพรูออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าใช้คันเร่งกันอย่างไม่ระวัง บนถนนที่เปียกลื่น มือของคนขับจะเป็นระวิงในการแก้อาการท้ายปัดเมื่อกดกันหนักข้อมากเกินไป แต่พวกขาโหดก็มักจะชอบสันดานดิบๆ แบบมัสเซิลคาร์ที่แสนจะพยศ สรุปสุดท้าย Mustang GT V8 เป็นรถที่สุดขั้วในทุกมุมมอง ส่วนจะชอบมันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของคุณว่าเยอะพอที่จะเติมน้ำมันโดยไม่คิดอะไรมาก เท่านั้นก็พอแล้วละครับสำหรับการเป็นเจ้าของ Mustang

Mustang GT V8 เป็นรถสำหรับนักขับที่ไม่เรื่องมากและไม่ค่อยสนใจอะไรมากนักนอกจากความแรงและความสวยงามคลาสสิก ห้องโดยสารของมันมีพื้นที่เบาะคู่หน้ามากพอที่จะทำให้คุณและผู้โดยสารนั่งสบายไปตลอดทาง เบาะหนานุ่มแบบอเมริกัน เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V8 แบบหายใจเองที่ปราศจากอาการรอรอบ อัตราเร่งระห่ำและความสามารถพิเศษในการทำลายยางล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนด้วยการปั่นฟรีจากพละกำลังที่ให้มามากถึง 460 แรงม้า โดยภาพรวม ซุปเปอร์คาร์ที่สวยงามแต่คับแคบนั้นเป็นรถที่ฉาบฉวย ราคาแพงลิบโลก และไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เมื่อคุณต้องขับทางไกลไปค้างหลายๆ คืนพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโตๆ ถ้าไม่ชอบใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกันเป็นเวลาติดต่อกันหลายวันเมื่อเดินทางไกลด้วยรถสปอร์ตสองที่นั่งคันเล็ก เจ้า Mustang คือคำตอบที่ดีเพราะมันมีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายมากพอๆ กับ BMW Series-5 G30

Mustang มีเกียร์ 10 สปีดที่ประจำการอยู่ใน Everest Ranger FX4 MAX และ Raptor รุ่นท็อปสุด แต่อัตราทดของ Mustang ถูกปรับจูนให้มีความจัดจ้าน เพื่อสอดรับกับการทดแรงบิดมหาศาล เป็นกลไกของอัตราทดแบบใหม่ที่ครอบคลุมการใช้งาน คุณสามารถปล่อยให้เกียร์ทำงานของมันในโหมด Auto หรือชิฟผ่านแป้น Paddle Shift การเปลี่ยนเกียร์เองผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยเหมาะกับเส้นทางที่คดเคี้ยวและให้ความรู้สึกที่ดี วิศวกรของ Ford ออกแบบอัตราทดของเกียร์ลูกใหม่ให้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยมีการทำงานที่ไหลลื่นปราศจากรอยต่อหรืออาการกระตุกกระชากให้เสียอารมณ์แต่นักขับบางคนก็ชอบเกียร์ที่กระชากให้พอรู้สึกมากกว่าเกียร์ที่ไหลขึ้นลงอย่างเนียนแบบนี้ Mustang ในทุกวันนี้ ถูกพัฒนาจนทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ต่อให้คุณชอบ BMW Audi หรือ Mercedes-Benz แต่ในใจก็ยังแอบหวังว่าจะได้ขับม้าป่าสักครั้งในชีวิตก่อนตาย เหตุผลของการควักเงินเฉียด 5 ล้านเพื่อถอยรุ่น GT มีแค่ข้อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความหลงไหลไปกับตำนานและรูปลักษณ์ของเจ้าม้าป่า มันเป็นรถสปอร์ตที่มีความเป็นอเมริกันอย่างแรงกล้า เป็นเสน่ห์ที่หาได้ยากบนถนนในประเทศไทย เป็นรถที่มีรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร พร้อมการขับที่มีให้คุณทั้งความเสียวสยองและสนุกไปพร้อมกัน สุดท้าย ถ้าจะซื้อ Mustang กรุณาเดินไปที่ GT V8 ครับ. 

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง (Powertrain)

แบบเครื่องยนต์ (Engine Type) เครื่องยนต์เบนซิน 5.0L V8 Ti-VCT

กำลังสูงสุด 460 แรงม้า (339 กิโลวัตต์) ที่ 7,000 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด 556 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที

ระบบเกียร์ (Transmission) เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดพร้อม Paddle Shift

แชสซีและระบบกันสะเทือน (Chassis & Suspension)

ระบบกันสะเทือนหน้า (Front Suspension) อิสระแบบเมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง (Double-ball-joint MacPherson strut with stabilizer bar)

ระบบกันสะเทือนหลัง (Rear Suspension) อิสระแบบอินทิกรัลลิงก์พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง (Integral-link independent with coil springs and stabilizer bar)

ระบบเบรกหน้า (Front Brake) BREMBO® 6 พอต เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 มม. จานเบรกหน้า 380 x 34 มม.

ระบบเบรกหลัง (Rear Brake) 1 สูบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 45 มม. จานเบรก 330 x 25 มม.

ระบบพวงมาลัย (Steering System) พวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า (Electronic Power Assist Steering)

ล้อ (Wheels)

ล้ออัลลอยหน้า 19″ x 9″

ล้ออัลลอยหลัง 19″ x 9.5″

ยาง (Tires) ล้อหน้า Michelin Pilot Sport 4 S ขนาด 255/40 ZR19

ยาง (Tires) ล้อหลัง Michelin Pilot Sport 4 S ขนาด 275/40 ZR19

สมรรถนะการขับขี่ (Performance)

ระบบปรับโหมดการขับขี่ (Selectable Driving Mode)

แอปพลิเคชันสนามแข่ง Track AppsTM (Track AppsTM)

ระบบช่วยเบิร์นยาง Line Lock (Electronic Line Lock)

ระบบปรับโหมดพวงมาลัย (Selectable Steering Mode)

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (Advance-Driving Assist Technology)

ระบบเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Autonomous Emergency Braking System withPedestrian Detection)

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)

ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)

ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)

อุปกรณ์ภายนอก (Exterior)

ไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ (LED Headlamps)

ไฟท้ายแบบ LED (LED Tail Lamps)

ไฟหรี่กลางวันแบบ LED (LED Day Time Running Lights)

ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (Auto Headlamps)

ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensing Wipers)

กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมฮีตเตอร์และไฟเลี้ยว (Power Adjustable & Foldable Side Mirrors with Heater and Turning Indicators)

ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ (Pony Puddle Lamps)

ท่อไอเสีย (Exhaust) ท่อไอเสีย 4 ท่อพร้อมโหมดปรับระดับความดัง (Active Valve Exhaust System)

สปอยเลอร์หลัง (Rear Spoiler)


อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย (Interior & Convenience)

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา (Dual Zone Automatic Climate Control)

ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ต Keyless Entry & Push Start Button

หน้าปัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว (12.4″ Screen Cluster)

ช่องต่อไฟ 12V (12V Outlet)

เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง (6-way Power Driver & Passenger Seat)

กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror)

ไฟตกแต่งห้องโดยสาร (Ambient Lighting)

ชุดชายบันไดสเตนเลสแบบ LED

กระจกแบบเปิด–ปิดสัมผัสเดียวทุกบาน (Global Open One Touch Up/Down Window)

ระบบเครื่องเสียง (Audio System)

เครื่องเสียง ShakerTM Pro ลำ โพง 12 ตำ แหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟายเออร์

วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD และ USB 2 ตำ แหน่ง (Radio with CD player and 2 USB Ports) S S

ระบบ SYNCTM 3 หน้าจอ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว พร้อม Bluetooth และ Wi-Fi (SYNCTM3 8 inch Multi-Touch Touchscreen with Bluetooth and Wi-Fi รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

ระบบแผนที่นำทาง (Navigation System)

ความปลอดภัย (Safety)

ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance)

ถุงลมนิรภัย 8 จุด คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านถุงลุมนิรภัย/และหัวเข่า (8 Airbags Front, Sides, Curtains, Knees)

ระบบควบคุมการทรงตัว พร้อม ESP, TC และ HLA

จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก (ISOFIX) S S

ระบบตรวจจับลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)

ระบบกันขโมย (Burglar Alarm System)

กล้องมองหลังขณะถอยจอด (Rear View Camera)

สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง (Rear Parking Sensors)