ลองของดี ขับสี่มีความสบาย ทดสอบ AUDI Q3 40TFSI QUATTRO S LINE BLACK EDITION – ไทยรัฐ

Audi Q3 40 TFSi Quattro S line Black Edition ราคา 2,750,000 บาท ส่วน Q3 รุ่นหลังคาลาด Sportback 40 TFSi Quattro S line Black Edition ราคาพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 2,990,000 บาท เมื่อเทียบราคากับรถคู่แข่ง Audi Q3 40TFSi Quattro S Line Black Edition เป็นรถนำเข้ามาจากเยอรมนีทั้งคัน ทำให้มีค่าตัวสูงโด่งและต้องทำการต่อสู้กับรถคู่แข่งประกอบไทยและมาเลเซีย มีการตัดออปชั่นบางอย่างออกไป เพื่อไม่ให้ราคาแรงมากจนเกินเอื้อม และเพื่อกดให้ค่าตัวลดต่ำลงมา แต่ดูตัวเลขเปรียบเทียบแล้วก็ยังคงสูงอยู่ดี ราคา 2,750,000 บาท ของ Q3 40TFSi ตัวถังมาตรฐาน ขับเคลื่อนสี่ล้อ คือค่าตัวที่สูงกว่ารถคู่แข่งอย่าง BMW X1 sDrive 20d M Sport ที่มีราคา 2,529,000 บาท ถึง 221,000 บาท ส่วน Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic มีราคา 2,399,000 บาท ทำให้ Q3 Quattro แพงกว่าถึง 351,000 บาท สำหรับ MINI Cooper S Countryman Hightrim 2021 ราคา 2,529,000 บาท ถูกกว่า Q3 221,000 บาท Volvo XC40 T5 R Design ราคา 2,390,000 บาท ถูกกว่า Q3 40TFSi Quattro S Line Black Edition ถึง 360,000 บาท มีแค่ Lexus NX 450h+ Grand Luxury ราคา 3,590,000 บาท เท่านั้นที่แพงกว่า Q3 ถึง 840,000 บาท พูดง่ายๆ ว่า NX รุ่นต่ำสุด ออปชั่นน้อยสุด ก็ยังมีราคาแพงกว่ารถคู่แข่งจากยุโรปทั้งหมดอยู่ดี!     

Audi Q3 เจเนอเรชันล่าสุด มีรูปลักษณ์ที่สปอร์ตกว่ารุ่นก่อน Singleframe ที่โดดเด่นในด้านงานออกแบบ กระจังหน้าดีไซน์แปดเหลี่ยมซึ่งแบ่งออกด้วยแถบแนวตั้ง พร้อมกับช่องรับอากาศขนาดใหญ่ Q3 แสดงลักษณะเฉพาะของ front-end แบบรถออฟโรดกะทัดรัด ด้วยการวางเหลี่ยมมุมเพื่อการตกกระทบของแสงและเงาที่เข้มข้นขึ้น ไฟหน้า LED แคบวิ่งเข้าด้านในด้วยรูปทรงลิ่ม น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ Q3 40TFSI Quattro S Line Black Edition ไม่มีออปชั่นเทคโนโลยี Matrix LED ซึ่งไฟสูงแบบปรับได้และส่องสว่างบนถนนมืดๆ ได้อย่างชาญฉลาด ส่วนไฟ Daylight LED ทำให้ด้านหน้าของ Q3 สีดำดูดุดันมากกว่ารุ่นที่ผ่านมา มุมมองด้านข้างของ Q3 รุ่นตัวถังมาตรฐาน แสดงถึงความสมดุลของการออกแบบภายนอก กราฟิกชุดไฟแบบสมมาตรของงานออกแบบไฟหน้าและไฟท้าย LED ประสานกับเส้นด้านข้างเชื่อมโยงมุมมองของการจัดวางสไตล์ และมอบความประทับใจโดยรวมแบบนักวิ่งโอลิมปิกทีมชาติเยอรมนี ด้วยกล้ามเนื้อของโป่งล้อที่แข็งแกร่ง การออกแบบโป่งเหนือซุ้มล้อ รูปทรงได้รับแรงบันดาลใจจาก DNA ของรถ quattro ในอดีต โป่งตัวถังทำให้ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่คันนี้ดูกว้างขึ้น ส่วนขอบซุ้มล้อที่มีสีเดียวกับตัวถัง เน้นรูปลักษณ์ออฟโรดหรู สปอยเลอร์ขอบหลังคาทรงยาว ซึ่งขนาบข้างกระจกบานหลังด้านข้าง เสา D ที่ลาดเอียงและสูงชันของเส้นตัวถังยังสร้างรูปลักษณ์ของแรงขับเคลื่อนแบบพุ่งทะยานไปข้างหน้า

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน Audi Q3 ใหม่โตขึ้นในแทบทุกมิติ มีความยาว 4,485 มิลลิเมตร กว้าง 1,856 มิลลิเมตร และสูง 1,585 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อซึ่งขยายออกไป 77 มิลลิเมตร นั่นทำให้พื้นที่วางเท้าของเบาะหลังกว้างขวางกว่าเดิม และใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เบาะหลังสามารถเคลื่อนไปข้างหน้า/ท้ายได้ 150 มม. (5.9 นิ้ว) พนักพิงแยกสามทางในอัตราส่วน 40:20:40 สามารถปรับเอียงได้เจ็ดระดับ ความจุช่องเก็บสัมภาระอยู่ระหว่าง 530 ถึง 1,525 ลิตร (18.7-53.9 ลูกบาศก์ฟุต) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเบาะหลังและพนักพิง พื้นโหลดสามารถปรับได้สามระดับ และสามารถเก็บชั้นวางสัมภาระไว้ใต้พื้นได้หากไม่ต้องการ ไฟท้าย LED มีรูปทรงที่เฉียบคมตามสไตล์ของ Audi ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบของรถยุคใหม่มาตั้งแต่ปี 2018 ฝาท้ายแบบไฟฟ้าซึ่งสามารถเปิดและปิดด้วยการเตะเท้าเป็นออปชั่นเสริม ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว ยาง hankook ventus s1 evo2 suv ไซส์ 255/45R19 104Y

องค์ประกอบของเส้นสายภายในห้องโดยสารที่มีทั้งเหลี่ยมุมและความโค้งมนส่งสไตล์สามมิติออกมาให้เห็น ด้วยทรงเหลี่ยมที่ตัดเข้ามุมอย่างจงใจ ภายในของ Q3 สะท้อนถึงโมเดลที่มีความเชื่อมโยงกับ A3 Sportback ในหลายๆ ด้าน สถาปัตยกรรมงานดีไซน์ที่เป็นเอกเทศ ต่างจาก BMW และ Mercedes-Benz อย่างเห็นได้ชัดและเข้ากันได้อย่างลงตัวกับแนวคิดการใช้งานแบบใหม่ องค์ประกอบหลักคือหน้าจอสัมผัส MMI ที่ล้อมรอบด้วยกระจกสีดำมันวาวสูง วัสดุพวกอะลูมิเนียม พลาสติกเกรดสูง หนังแท้และไวนิลดูดีมีคุณภาพและให้ความกลมกลืนเชื่อมโยงกันทั่วทั้งห้องโดยสาร เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะหลังอเนกประสงค์พับราบกับพื้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ เบาะนั่งหุ้มหนังแท้มีการเดินขอบด้วยหนังกลับสีเทาที่สวยงาม เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports พร้อมตราสัญลักษณ์ S line ที่พนักพิงหลัง จุดที่ทำออกมาได้ดีและเอื้ออำนวยต่อการใช้งานก็คือ ปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศด้านล่าง ออกแบบให้เอียงไปทางคนขับสิบองศา จอแสดงผล ปุ่ม และส่วนควบคุมทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งตามหลักสรีรศาสตร์ เบาะนั่งหุ้มหนังที่สะดวกสบายให้ท่านั้งแบบสปอร์ต พวงมาลัยทำมุมสูงชันตามลำดับ ปรับได้สี่ระดับทั้งไกล-ใกล้และสูง-ต่ำ

แผงหน้าปัดมาตรวัดที่คมชัดแบบดิจิทัลที่มีหน้าจอขนาด 10.25 นิ้วในแนวทแยง เอียงเข้าหาคนขับแบบทำมุมสมมาตร สามารถสั่งงานบนปุ่มควบคุมของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นด้านขวาเพื่อปรับเปลี่ยนการแสดงผลของมาตรวัด อุปกรณ์ของระบบ MMI อยู่ในระดับแนวหน้า จอแสดงผลกลางมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม ด้วยหน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมแนวคิดการออกแบบฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย โครงสร้างเมนูหลักเสริมด้วยการควบคุมเสียง เป็นมอนิเตอร์ของการปรับตั้งค่าต่างๆ กล้องมองหลังเมื่อถอย พร้อมเซนเซอร์รอบคันที่คอยแจ้งเตือนด้วยสัญญาณเสียงเมื่อถอยเข้าใกล้กับสิ่งกีดขวาง น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ระบบนำทางด้วยดาวเทียมอันชาญฉลาดของ Audi MMI ถูกตัดออกไป

ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Audi Q3 มีฟังก์ชั่นทางเทคนิค โมดูลการถ่ายโอนข้อมูลรองรับ LTE Advanced พร้อม Wi-Fi hotspot ในตัวสำหรับอุปกรณ์พกพาของผู้โดยสาร การเชื่อมต่อของ Audi กับ Apple CarPlay เหมาะสำหรับการนำทางการนำทางใน Google map พร้อมข้อมูลการจราจรออนไลน์เรียลไทม์ การค้นหาจุดสนใจ และข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่จอดรถและสถานีเติมน้ำมันที่ปรากฏโดยตรงในแผนที่นำทางของ Google map หรือแม้แต่ Google Earth วิทยุ FM/AM ไฮบริด ซึ่งจะสลับระหว่าง FM, DAB และสตรีมออนไลน์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการรับสัญญาณที่ดีที่สุดตลอดเวลา ฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียงสั่งงาน เข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในรถ ตลอดจนความรู้โดยละเอียดในระบบคลาวด์เพื่อตอบกลับ รวมกับแอป myAudi เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับรถยนต์ สามารถโอนเส้นทางการนำทางและปฏิทินของสมาร์ทโฟนไปยังระบบ MMI และค้นหาตำแหน่งที่จอดรถของ Q3 ได้

โมดูลฮาร์ดแวร์เสริมพอร์ตโฟลิโอสาระบันเทิง เชื่อมโยงสมาร์ทโฟนของเจ้าของเข้ากับเสาอากาศของรถ อินเทอร์เฟซสมาร์ทโฟน Audi เชื่อมโยงโทรศัพท์มือถือ iOS และ Android รองรับ Apple Car Play หรือ Android Auto บนหน้าจอ MMI ระบบเสียงมาตรฐาน Audi Sound System แค่พอรับฟังได้ แต่ไม่ดีเท่ากับ Bang & Olufsen

พวงมาลัยสามก้านพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นและแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift เป็นพวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบฐานตัด เพื่อเปิดพื้นที่เข้า-ออกจากเบาะคนขับได้สะดวก พวงมาลัยหุ้มหนัง มีร่องกริ้บที่ออกแบบได้ดี ทำให้จับได้อย่างกระชับและมั่นคง หนังที่ใช้หุ้มแบบมีรูพรุนเล็กๆ เพื่อระบายความชื้นจากมือคนขับและทำให้จับได้อย่างถนัดมือ ซุ้มเกียร์เรียบง่าย หัวเกียร์โด่ขึ้นมาตั้งตรง ถุงหุ้มคันเกียร์ทำจากหนังแท้สีดำ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เชื่อมโยงกับด้ายที่ใช้เย็บรอบวงพวงมาลัย การออกแบบแผงประตูที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุม เดินเส้นคาดแผงประตูด้วยวัสดุคล้ายอะลูมิเนียม ส่วนมือจับที่เปิดประตูภายในออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการจับแล้วดันเพื่อเปิดหรือดึงเข้ามาเพื่อปิด กลไกของบานพับและจุดล็อกออกแบบดีมาก โดยเฉพาะเสียงความหนักแน่นของบานและกลอนเวลาปิด 

เครื่องยนต์รุ่น 40TFSi พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เป็นเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง สี่กระบอกสูบพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ เป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังใช้ได้ มีงานประกอบที่ประณีต และมีประสิทธิภาพด้านแรงบิด เกียร์ S tronic เจ็ดสปีดที่เปลี่ยนได้รวดเร็วส่งกำลังลงไปยังล้อทั้งสี่ ผ่านกลไกของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร Quattro แบบออฟโร้ด ระบบขับเคลื่อนของ Q3 40TFSi มอบความพึงพอใจในการขับใช้งาน ช่วงล่างเซตมาดีด้วยมือขั้นเทพที่จูนจนนิ่งแม้จะใช้ความเร็วสูง ด้วยการยึดเกาะและเสถียรภาพที่ไม่สั่นคลอนขณะทำความเร็ว ระบบควบคุมการลงเนินที่เป็นตัวเลือกจะรักษาความเร็วที่ตั้งไว้ล่วงหน้าบนทางลาดลงเขาที่สูงชัน ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของ Audi Q3 ได้โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่ สภาพถนน หรือความต้องการส่วนบุคคลโดยใช้ระบบขับเคลื่อนของ Audi ที่เลือกระบบจัดการไดนามิกที่มีโปรไฟล์ทั้งหมด 6 แบบ ตั้งแต่ Comfort Auto ไปจนถึงโหมดสูงสุดอย่าง Dynamic ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต มาตรฐานพร้อมแพ็กเกจตกแต่งภายนอก S line – พร้อมสปริงทอร์ท/จูนโช้คอัพและพวงมาลัยไฟฟ้าแบบโปรเกรสซีฟ อัตราทดของพวงมาลัย แปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วและมุมบังคับเลี้ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การควบคุมของ Audi Q3 ใหม่มีประสิทธิภาพด้านความคล่องตัวและเฉียบคม

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ ขนาด 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ปริมาตรความจุ 1984 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบ 16 วาล์ว กระบอกสูบ 82.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.6:1 กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีด มีคลัตช์ถึงสองชุดเพื่อทำให้การเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ไหลลื่นและรวดเร็ว ตอบสนองต่อการทดกำลังแรงบิดที่ขึ้นตรงต่อความสมดุลของรถผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมกันโคลง น้ำหนักรถทั้งคันอยู่ที่ 1,595 กิโลกรัม

Audi นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนที่ถ่ายเทแรงบิดได้อย่างหลากหลายในทุกสภาวะของการขับขี่ เทคโนโลยี quattro คือวิธีการทำงานของชุดควบคุมแรงบิดที่สามารถถ่ายเทไปยังล้อแต่ละข้าง พร้อมซอฟต์แวร์ Electronic Stabilization Control (ESC) ในระหว่างการเข้าโค้ง ระบบเบรกจะใช้เบรกเบาๆ กับล้อที่ไม่ได้โหลดที่ด้านในของโค้งก่อนที่รถจะเกิดอาการลื่นไถล อินพุตในจุดนี้ทำให้การจัดการค่าความเป็นกลางของรถ โดยเฉพาะไดนามิกมีความเสถียรสูงสุด

quattro พร้อมเทคโนโลยี Ultra ที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถ Audi ที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าแบบวางตามขวาง ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์คลัตช์คู่ S tronic ในการขับปกติบนถนนที่ราบเรียบ ระบบจะส่งกำลังเฉพาะล้อหน้า หรือถ่ายเทไปที่ล้อหน้า 70% ล้อหลังแค่ 30% หรือตัดกำลังล้อหลังลงด้วยการเทแรงบิดไปที่ล้อหน้า 100% ด้วยเหตุผลด้านประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนแบบใช้งานในย่านความเร็วต่ำ ขับในเมือง หรือขับด้วยความเร็วเดินทางที่ไม่สูงมากนัก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะพร้อมทำงานทันทีเมื่อมีความจำเป็น Quattro จะทำงานโดยใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับผ่านเซนเซอร์ หรือใช้การคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยโปรแกรมที่ผ่านการทำงานของสมองกลไฟฟ้า ในระหว่างการเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว หน่วยควบคุมจะตรวจจับว่าล้อหน้าด้านในที่กำลังจะถึงขีดจำกัดการยึดเกาะก่อนประมาณครึ่งวินาที ก่อนที่ล้อจะสูญเสียการยึดเกาะกับถนน ระบบจะทำการลดแรงบิดหรือเบรก เพื่อลดการสูญเสียแรงยึดเกาะกับผิวถนน การทำงานของ Ultra Quattro ช่วยเสริมทั้งในแง่ของเสถียรภาพ ไดนามิก และการจัดการกับแรงบิดที่ถูกต้องในแต่ละล้อทุกย่านความเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับระบบขับเคลื่อน quattro แบบตลอดเวลา

แนวคิดที่ใช้คลัตช์สองตัวในระบบส่งกำลัง S Tronic 7 สปีด ทำให้ชุดขับเคลื่อน quattro ต้องมีเทคโนโลยีพิเศษเพื่อความได้เปรียบด้านประสิทธิภาพการถ่ายเทแรงบิด ที่ให้ความสมดุลขณะขับเคลื่อน เมื่อระบบเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า คลัตช์หน้า คลัตช์หลายแผ่นที่เอาต์พุตเกียร์ จะตัดการเชื่อมต่อกับเพลากลาง คลัตช์แยกชิ้นส่วนปิดการทำงานที่เฟืองท้าย โดยจะปิดส่วนประกอบที่หมุนอยู่ ทำให้การสูญเสียเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็นมีค่าที่ลดลง และเมื่อขับเร็วขึ้นจน Quattro ตรวจพบ การกระจายแรงบิดทั้งสี่ล้อจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ผกผันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ความเนียนของระบบทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าล้อหน้าหรือล้อหลัง หรือทั้งสี่ล้อที่กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถ 

เมื่อสูญเสียการยึดเกาะ ความเร็วของเพลาอินพุตและเอาต์พุตจะเปลี่ยนไป ระบบ Haldex ในชุด Quattro จะตรวจจับความแตกต่างและปรับการกระจายแรงบิดไปยังเพลาหน้าและเพลาหลัง Ultra Quattro ยังกระจายแรงบิดไปตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงบิดเอาต์พุต และตำแหน่งคันเร่ง

ปัจจุบัน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Audi Quattro AWD ควบรวมการสั่งงานด้วยกลไกและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนซอฟต์แวร์อัจฉริยะและเซนเซอร์ที่ตรวจสอบมุมพวงมาลัย การยึดเกาะถนน การควบคุมการทรงตัว การเคลื่อนที่ของล้อ และมุมเอียง นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี quattro ของ Audi อีกห้าเวอร์ชัน รวมถึงรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงใน RS3 ที่จะตัดการเชื่อมต่อจากเพลาล้อหน้าเพื่อทำให้ล้อหลังส่งกำลังได้ 100% สำหรับการขับดริฟต์ และ Ultra Quattro ที่ช่วยทำให้การกระจายแรงบิดเป็นไปอย่างสมดุล ลื่นไหล นิ่มนวลและประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น Audi นำเสนอ Quattro AWD หลายเวอร์ชัน เนื่องจากรูปแบบการใช้งานขึ้นตรงกับระบบโดยรวม อ้างอิงตามแพลตฟอร์มรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน ระบบส่งกำลังของรถแต่ละรุ่นถูกปรับตั้งด้วยไดนามิกแบบเฉพาะเจาะจง มีการปรับแต่งการทำงานบางจุดที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีชุดแบตเตอรี่วางอยู่บนฐานของพื้นรถจะต้องมีการติดตั้งชุด Quattro ที่แตกต่างจากรถสันดาปภายในเครื่องยนต์ขวาง ซึ่งจะแตกต่างจากระบบในรถ SUV ขนาดใหญ่เช่นกัน

Quattro AWD ในรถรุ่นใหม่ ทำงานในลักษณะเดียวกับ Quattro ในอดีต แต่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ในการปรับการทำงานของระบบให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบสนองเร็วและเนียนมากกว่าเดิม จากการปรับแต่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียด เพื่อให้เข้ากับลักษณะการขับขี่ที่เป็นคาแลคเตอร์ของรถแต่ละรุ่น ทำให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการเข้าโค้ง รวมถึงประสิทธิภาพในการตอบสนอง และการจัดการด้านการยึดเกาะที่คาดหวังได้ของรถยนต์จากแบรนด์ Audi

Audi ปรับเซตรถให้มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการใช้งาน Q3 รุ่นใหม่ก็ยังเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ท่ีมีฃ่วงล่างดี การปรับจูนให้มีความลงตัว สอดรับกับความสบายท่ามกลางไดนามิกแบบรถเยอรมนี ห้องโดยสารกว้างกว่าที่คิด เหมือนกับเอา Q5 มาย่อส่วนให้เล็กลง มันเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความกระชับรัดกุมในเมือง เมื่อต้องใช้พวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางมากกว่าการขับบนไฮเวย์ คุณจะรู้สึกได้ถึงความคล่องแคล่วที่เหนือกว่ารถคู่แข่ง การเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ที่ไม่ค่อยจะดีก็คือออปชั่นบางอย่างที่ถูกถอดออกไปเพื่อกดราคา แต่อย่างที่บอกว่าถึงจะพยายามแล้วแต่ราคาของ Q3 ก็ยังคงสูงอยู่ดีและมีแค่ NX ใหม่เท่านั้นที่มีค่าตัวสูงกว่า นั่นคือสไตล์ของค่ายหัวลูกศรที่มักจะตั้งราคาให้โด่งกว่ารถคู่แข่งแม้แต่รุ่นเริ่มต้นก็ยังแพงกว่าอย่างชัดเจน 

ในโลกยานยนต์ที่เราทุกคนต่างต้องพบกับความเปลี่ยนแปลที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกวันนี้ เครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การขับขี่ แต่อีกไม่นาน ความรู้สึกนั้นจะถูกเปลี่ยนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เราคุ้นเคยกับเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยมที่ Audi พัฒนาและผลิตมาเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบัน Audi ขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องยนต์ 4 สูบ TFSI เทอร์โบเดี่ยวที่ปรับสมดุลของย่านกำลังได้อย่างหลากหลาย ส่วนเครื่อง 5 สูบกับระบบอัดอากาศสไตล์รถแข่งซึ่งเป็นเครื่องยนต์ของ Audi RS Q3 และ TT RS เครื่องยนต์ที่มีพัฒนาการยาวนานกว่า 30 ปี ของแบรนด์สี่ห่วงรุ่นนี้ สามารถคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมต่อเนื่องยาวนานหลายปี แบรนด์เยอรมันเจ้าของตราสัญลักษณ์รูปห่วงนี้ยังมีส่วนในการออกแบบพัฒนาที่น่าสนใจ ขุมกำลังบางรุ่นมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เช่น เครื่องยนต์เบนซิน V6 และ V8 ทวินเทอร์โบ ซึ่งส่วนหนึ่ง ประจำการอยู่ในรถตระกูล RS รุ่นใหญ่ เช่น RS6 RS7 RS Q8 บุคลิกภาพ การตอบสนองและลักษณะเฉพาะตัวของเครื่องยนต์เหล่านี้ดูเหมือนจะขึ้นตรงกับการออกแบบแคมชาร์ป กลไกลของชุดวาล์ว ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้า และระบบเชื้อเพลิง TFSI ไดเร็กอินเจคชัน แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ กำลังมุ่งสู่ความเป็นเนื้อเดียวกันในรูปแบบของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งให้ความแตกต่างด้านการขับเมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน แบรนด์ Audi สร้างเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของรถยนต์รุ่นนั้นๆ เมื่อมองดูอนาคตที่กำลังจะมาถึง เครื่องยนต์ชั้นดียุคสุดท้ายของแบรนด์สี่ห่วงยังสามารถพัฒนาไปไกลกว่านี้มาก แต่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาแทนที่ ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณกำลังเดินมาถึงทางตัน

Q3 รุ่น 40TFSi มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่ทำให้รถรุ่นนี้ ขับได้ดีกว่ารุ่น 35TFSi ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ความสมดุลของการขับเคลื่อน ขึ้นตรงกับชุดเฉลี่ยแรงบิดในกลไก Quattro ความสบายของเบาะนั่งและการจัดวางอุปกรณ์ที่เน้นการใช้งานของคนขับเป็นหลัก ออปชั่นที่ถูกหั่นออกไปเพื่อทำราคา ทำให้คู่ต่อสู้มีความได้เปรียบในด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความหลากหลายในการใช้งาน แต่ไดนามิกส์ที่เหนือกว่าของ Q3 40TFSi ทำให้มันเป็นรถที่ขับได้ดีสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า ด้วยชุดตกแต่งภายนอก Black Edition คุณจะได้ความดุดันของสีดำจากอุปกรณ์ภายนอกและความหลากหลายของงานตกแต่งภายใน ชุดแต่งภายนอกแบบ S line กันชนหน้า-หลัง ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีเงินด้านที่สวยงาม ราวหลังคาสีดำ กรอบกระจกรอบคันกับชิ้นงานที่ตกแต่งกันชนหน้า-หลังสีดำเงา ห้องโดยสารติดตั้งชุดแต่งภายใน S line ทั้งเบาะและพวงมาลัยรวมถึงแป้นคันเร่ง วัสดุลาย Matte Brushed Dark Aluminium ไฟหน้าและไฟท้าย LED พร้อมฟังก์ชั่นสัญญาณไฟเลี้ยวด้านหลัง dynamic ไฟหน้าไม่มีระบบอัตโนมัติของ Q3 นี่ก็น่าจะโดนตัดออกไปด้วยอีกเช่นกัน  

ความสามารถในการขับเคลื่อนของ Q3 40TFSi จากขนาดที่กะทัดรัด มันมีรูปลักษณ์ที่เล็กกว่า Q5 แต่ก็ใหญ่กว่า Q2 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 180 แรงม้า ไม่ได้มากเท่ากับ Q3 รุ่น 45TFSi ซึ่งไม่ได้เอาเข้ามาขาย Q3 รุ่นนี้มีความสามารถในการขับทั้งในและนอกเมือง การจูนเครื่องให้มีแรงบิดมากถึง 320 นิวตันเมตรทำให้การขับในเมืองมีความคล่องตัวสูง Q3 40TFSi ให้ความรู้สึกคล่องและเบา คันเร่งดูจะเบากว่ารถคู่แข่ง สัมผัสของพวงมาลัยไฟฟ้าเมื่อขับในเมืองด้วยโหมด Comfort มีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ในย่านความเร็วต่ำ Audi Drive Select โหมดการขับเคลื่อนมีให้เลือกมากถึง 5 โหมด เริ่มจาก Efficiency โหมดประหยัดที่เครื่องยนต์จะถูกซอฟต์แวร์จัดการบริหารเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น เพื่อลดอัตราสิ้นเปลือง เกียร์ S-Tronic 7 สปีด จะไหลขึ้นสู่เกียร์สูงเร็วกว่าโหมดอื่นเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ โหมด Auto เป็นการผสมผสานของทุกโหมด เพื่อการขับใช้งานที่หลากหลาย ส่วน Dynamic เป็นโหมดที่ Q3 จะถูกกระตุ้นด้วย ECU ให้มีความกระตือรือล้นมากกว่าทุกโหมด และโหมดสุดท้าย Off-road สำหรับการขับลุยทางวิบากแบบไม่โหดมาก โหมดนี้ ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเปลี่ยนระบบควบคุมการยึดเกาะถนนเป็นโหมดออฟโรด อีกทางเลือกหนึ่งคือ การควบคุมการลงเนินที่สามารถให้การสนับสนุนขณะขับลงทางลาดชัน โดยจะรักษาความเร็วตามที่ผู้ขับกำหนด (สูงสุด 30 กม./ชม.) Quattro จะติดตามองศาของรถ การใช้คันเร่ง องศาของพวงมาลัย รวมถึงองศาของตัวถังเพื่อปรับชุดกระจายแรงบิดให้มีความสมดุลสูงสุดขณะขับเคลื่อนบนเส้นทางวิบาก จุดเด่นที่น่าใช้งานอีกอย่างก็คือ ความสามารถของเกียร์ทวินคลัตช์ S-Tronic 7 สปีด เมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ เกียร์จะอยู่ในตำแหน่ง D และเมื่อจับหัวเกียร์โยกลงข้างล่างหนึ่งครั้ง เกียร์ S-Tronic จะเข้าสู่โหมด S หรือ Sport ซึ่งกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักขับที่ชอบลากรอบ และเมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย เกียร์ลูกนี้จะเข้าสู่โหมด Manual ในตำแหน่ง M จะชิปเกียร์ขึ้น-ลงด้วยการโยกคันเกียร์ในตำแหน่ง +/- หรือชิปเกียร์ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift ก็ได้ทั้งนั้น 

ขับออกไปทดสอบทางไกลในสถานที่คุ้นเคยอย่างสามร้อยยอด Q3 ทำตัวกลมกลืนไปกับถนนที่เต็มไปด้วยรถบรรทุกและรถกระบะติดคอก จังหวะโล่งๆ ผมดันเกียร์ลงไปที่ตำแหน่ง S เกียร์ S-Tronic ที่มีคลัตช์สองชุดตอบสนองทันทีด้วยการคาเกียร์ที่มีแรงบิดเยอะอย่างเกียร์ 3 และเกียร์ 4 การขับแบบลากรอบในตำแหน่งเกียร์ Sport ให้ความกระชับฉับไวในการเร่งแซงหรือไต่ระดับความเร็ว แรงบิด 320 นิวตันเมตรมีให้ใช้อย่างพอเพียงตั้งแต่ 1,700 รอบต่อนาทีเป็นต้นไปจนถึง 6,000 รอบต่อนาทีเมื่ออยู่กับพวกมือหินตีนโหด แม้จะเก็บเสียงได้ดี แต่เสียงของเครื่องเบนซิน 2 ลิตรเทอร์โบในรอบสูง 4,500 รอบต่อนาทีก็ครางเข้ามาให้ได้ยิน เป็นเสียงการทำงานในรอบสูงที่ให้ความรู้สึกเร้าใจแม้ท่อจะพยายามเก็บเสียงไม่ให้ดังมากจนเกินไป แต่ด้วยการที่ใช้รอบเครื่องที่สูงอย่างต่อเนื่อง เสียงเครื่องและเสียงท่อของ Q3 จึงคำรามออกมาเบาๆ พอให้ได้ยิน ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.8 วินาที เร็วกว่ารถคู่แข่งอย่าง BMW X1 และ GLA200 เล็กน้อย

การเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า เมื่อกดคันเร่งลงจนสุด Q3 ไม่ใช่รถที่จะพุ่งทะยานไปตามฝ่าเท้าอย่าง RS Q3 เครื่อง 2 ลิตร เทอร์โบทำงานอย่างราบรื่นและสุภาพ เป็นบุคลิกของพ่อบ้านที่ชอบพาครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดพร้อมกับสัมภาระเต็มคัน การไต่ระดับความเร็วขึ้นไปแบบเรื่อยๆ แต่มั่นคง คุณจะงงว่ามันวิ่งทะลุ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อาการทุกอย่างยังคงปกติ การทรงตัวที่ดีของ Q3 รุ่นขับสี่ เกิดขึ้นทุกครั้งที่ขับเร็ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีและช่วยทำให้เกิดความมั่นใจ ช่วงล่างพยายามรักษาการยึดเกาะของล้อ ส่วนยางเกาหลียี่ห้อ hankook รุ่น ventus s1 evo2 suv ไซล์ 255/45R19 104Y รับหน้าที่ถ่ายเทแรงบิดลงไปบนพื้นถนนพร้อมๆ กับการยึดเกาะในโค้งที่ใช้ได้เลยทีเดียว อาการในโค้งเมื่อขับด้วยความเร็วสูงค่อนข้างเป็นกลาง เมื่อใช้ความเร็วที่พอดีกับลักษณะของโค้ง หรือเติมคันเร่งให้ความเร็วเกินนิดๆ ยางก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีประสานไปกับความคมของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ผ่อนสั้นผ่อนยาวไปตามสปีดความเร็วและโหมดการขับเคลื่อนที่เลือกผ่าน Audi Drive Select

Q3 เป็นจักรกลเดินทางที่น่าประทับใจไม่ไร้สาระ ใช้งานได้จริงและมีความเหมาะสมกับครอบครัวขนาดเล็ก มันเป็นรถที่สมบูรณ์พร้อมด้วยชื่อเสียงของ Audi จากการจัดวางรายละเอียดต่างๆ เพื่อความลงตัวในการใช้งาน เครื่องยนต์ TFSi 180 แรงม้า ใช้เทอร์โบแบบแปรผัน อัตราส่วนกำลังอัดสูง เพื่อให้ได้ค่า Co2 ต่ำ แรงบิด 320 นิวตันเมตร โผล่มาตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที แบบนี้แล้วใครยังจะต้องการเครื่องดีเซลอีกมั้ย! การเซตเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้มีอาการรอรอบน้อยลง แค่ดันเกียร์ลงหนึ่งครั้งในตำแหน่ง S ไม่ว่าคุณจะคาอยู่ในโหมดไหนก็สามารถสนุกกับมันได้ทุกเมื่อ ที่เกียร์ 6 กับความเร็ว 2,000 รอบต่อนาที รถก็ยังพุ่งตัวดีกว่าเครื่องรุ่น 35TFSi อย่างเห็นได้ชัด มันอาจไม่ได้เด่นมากเท่ากับรุ่น 45TFSi ที่ถูกจูนให้มีเรียวแรงมากกว่า แต่ 40TFSI ก็ถือว่าเพียงพอต่อการขับใช้งานในชีวิตประจำวันที่มีรีบเร่งบ้างในบางครั้งและส่วนใหญ่จะขับแบบไปเรื่อยๆ กับครอบครัว มันดูเหมือนจะมีกำลังไม่พอก็ต่อเมื่อคุณได้ลองขับ RS Q3 เท่านั้นเองละครับ 

กลับมาที่เกียร์ S-Tronic กันอีกครั้ง ระบบเกียร์ Dual-clucth ที่ Audi ลงมือพัฒนาด้วยตัวเองทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวลเมื่อเดินทางด้วยความเร็วต่ำ แต่ก็พร้อมจะเปลี่ยนสันดานไปเป็นเกียร์ที่ทดกำลังได้อย่างว่องไวเมื่อโหมดขับเคลื่อนทั้ง Audi Drive Select ถูกเปลี่ยน และการผลักคันเกียร์ลงล่างหนึ่งครั้งในโหมด S มันก็พร้อมที่จะเปลี่ยนนิสัยเมื่อถูกคิกดาว์นแบบฉับพลันทันที รุ่น 35TFSi มีเกียร์แค่ 6 สปีด แต่รุ่น 40TFSi มีอัตราทดมาให้ 7 สปีด ไม่มากเท่ากับ BMW ที่มี 8 สปีด หรือแม้ GLA200 ที่มีเกียร์ 7G DTC แบบคลัตช์สองชุดเท่ากัน การเซตอัตราทดค่อนข้างครอบคลุมกับแรงบิด รวมถึงการจัดสรรแรงบิดลงไปในล้อขับเคลื่อนแต่ละข้างเพื่อสร้างความสมดุล เสถียรภาพของ Q3 คืออีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องพูดถึง อย่างท่ีบอกว่า Audi มีมือระดับเซียนคอยเซตองคาพยบของรถแต่ละรุ่นให้มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ทำให้ Q3 40TFSi เป็นรถที่มีพวงมาลัยคม ช่วงล่างแน่น เกาะถนนได้อย่างเหนือความคาดหมาย และมีความสบายเมื่อเอามาขับใช้งานทางไกล 

ตลาดครอสโอเวอร์หรูของไทย เติบโตเร็วเกินความคาดหมายไปไกลและมียอดขายดีกว่า SUV คันโต จากราคาที่พอจะจับต้องได้ รถเล็กอเนกประสงค์เหล่านี้รองรับการใช้งานได้ดี ผมชอบ Q3 ที่การทรงตัวและความสบาย มันสามารถใส่จักรยานเสือหมอบได้แต่ต้องพับเบาะหลัง Q3 ไม่เหมือนกับครอสโอเวอร์ของคู่แข่ง ตรงที่มีน้ำหนักเบากว่า กินเชื้อเพลิงตามความเป็นจริง (เฉลี่ย 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร) ออกแบบอย่างมีชั้นเชิงและทำตัวแตกต่างไปจากรถคู่แข่ง ด้วยการยึดเกาะที่เหนือชั้นกว่าของชุด Quattro เชื้อเพลิง 1 ถัง วิ่งไกลเฉียดๆ 500 กิโลเมตร ในโหมด Dynamic การออกแบบให้หลังคาต่ำลงมาเล็กน้อย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยเฉพาะตำแหน่งเบาะคู่หน้า เป็นรถครอบครัวที่มีสไตล์สวยงาม ปัญหาของครอสโอเวอร์ก็คือ มันไม่ได้มีความอเนกประสงค์อย่างแท้จริงเหมือน SUV 5-7 ที่นั่งอย่าง Q7 X7 หรือ GLS รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่เป็นเพียงแค่รถขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น (ยกเว้นบางรุ่น) มันใช้เครื่อง เกียร์ และช่วงล่างเหมือนกับรถแฮตชแบค เรื่องลุยก็แพ้ SUV อยู่วันยังค่ำ มีแค่ทรงของรถบวกกับความสูงเท่านั้นที่ทำให้ดูบึกบึนมากกว่ารถเก๋งเล็กทั่วไป แต่รถอย่าง Q3 พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro สามารถทำตัวเทียบเคียงกับ SUV คันโตได้อย่างไม่เคอะเขิน ขนาดตัวถังไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณไม่ได้บ้าใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนรถเพื่อขนของ บางคนคิดว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าคุณยังยึดติดกับขนาดมากจนเกินไป คุณจะใช้งานมันได้ไม่คล่องเท่ากับรถที่เล็กกว่าและต้องจ่ายแพงกว่าอีกตะหากเพื่อแลกกับ SUV หรูแบบ 7 ที่นั่งคันใหญ่ยักษ์ Q3 ถูกสร้างขึ้นมาบนความพอดีที่พอเพียง แต่ความพอเพียงนั้นจะตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ก็ต้องลองไปขับดูเอาเองละครับ.    

Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition

แบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบจ่าย

น้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection), เทอร์โบชาร์จ

จำนวนวาล์ว 4 วาว์ลต่อสูบ 16 วาล์ว

ปริมาตรกระบอกสูบ 1,984 ซีซี

แรงม้าสูงสุด 132 กิโลวัตต์ 180 แรงม้า ที่ 3,900-6,000 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร 1,400-3,940 รอบต่อนาที

ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ

ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)

อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 7.8 วินาที

ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 220 กม. / ชม.

ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system)

พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า Progressive Steering

เบรกหน้า ดิสก์เบรก

เบรกหลัง ดิสก์เบรก

พื้นที่เก็บสัมภาระ 530 – 1525 ลิตร

ความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร

ล้อ 19 นิ้ว ขนาด 8.5J x 19 พร้อมยาง ขนาด 255/45 R19

ระบบความปลอดภัย Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 

ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง 

ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย 

ระบบเบรกมือไฟฟ้า 

ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) 

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) 

ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution) 

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system) 

ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with

stabilization function)

ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน (Hill descent control) 

เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด 

กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด 

จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 

ชุดปฐมพยาบาล 

อุปกรณ์มาตรฐาน

ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select) 

ราวหลังคาตกแต่งด้วยสีดำ

ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black Edition 

ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line 

ชุดตกแต่งภายในแบบ S line 

ตกแต่งห้องโดยสารภายในลาย Matte Brushed Dark Aluminium 

ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมฟังก์ชันสัญญาณไฟเลี้ยวด้านหลัง

แบบ dynamic

ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED 

กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ 

ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ 

กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า, ไล่ฝ้า

ความสะดวกสบาย

เบาะนั่งหุ้มหนัง 

เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line 

เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับดันหลัง 

เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้ 

ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 2 โซน 

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line

และ paddle shift

ระบบข้อมูลและความบันเทิง Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition