รถโหลดเตี้ยล้อโต เกาะถนนจริงหรือ? – ไทยรัฐ

  • เจาะลึกข้อดีข้อเสียรถยนต์โหลดเตี้ย ไม่ใช่เอาแค่จะเท่ลูกเดียว
  • การลดความสูงแค่ 1-2 นิ้วด้วยการเปลี่ยนแค่สปริงแต่ง จะลำบากในการขึ้นลานจอดรถไม่มากเท่าไร 
  • ชั่งใจก่อนทำ เพราะรถโหลดเตี้ยมากเกินไป สิ่งที่บุบสลายง่ายสุดคือ ชายล่างของสปอยเลอร์ ซึ่งราคาก็ไม่ได้ถูกเลยนะ

แนวทางหรือความนิยมในการตกแต่งรถยนต์ของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัย นอกจากชอบท่อเสียงดังๆ โล่งๆ ตีเฮดเดอร์แล้วม้าโผล่มาอีกนิดหน่อยพร้อมเสียงดังกระหึ่มเวลากดคันเร่งจะรู้สึกสาแก่ใจมากกว่าการใช้ท่อแคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ นอกจากจะเปลี่ยนท่อระบายทิ้งทั้งเส้น จูนกล่องปรับเพิ่มแรงม้า เปลี่ยนท่อทางของระบบระบายความร้อนแล้ว

ช่วงล่างล้อและยางก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการตกแต่งรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ ไม่ว่าจะถอดสปริงกับโช้คเดิมๆ ออกแล้วแทนที่ด้วยโช้คหรือสปริงแต่งลดระดับความสูงซึ่งคิดว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าของเดิมๆ ติดมากับรถ ล้อเดิมจากโรงงาน แม้จะสวยแต่ยังไม่ถูกใจวัยแรง เนื่องจากล้อเดิมๆ นั้นมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้เหมือนรถจ่ายกับข้าว แทนที่จะเป็นรถแข่งพลังสูง! ก็เลยต้องมีการดิ้นรน ทั้งหาเงินเองและขอจากผู้ปกครอง เพื่อหาล้อและยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ล้อและยางประสิทธิภาพสูง จะมีราคาแพงเฉียดแสน หรือเป็นแสนๆ แล้วแต่ยี่ห้อของล้อและยาง ยิ่งใหญ่เท่าไรก็ยิ่งโดนใจมากเท่านั้น ถึงจะขับยากจนแทบจะคลานก็ยอมขอให้รถที่รักสวยไว้ก่อนเป็นพอใจ

เมื่อรถโหลดจนเตี้ยติดพื้นมากเกินไป อาจทรงตัวได้ดีแต่กระเด้งกระดอนจนนั่งไม่สบาย แต่ส่วนใหญ่ ถ้าได้ช่างที่ไม่มีความรู้ ความชำนาญ ทำออกมาแล้ว ดูสวยแต่มักทรงตัวไม่ได้เรื่อง ช่วงล่างของรถยนต์นั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เตี้ยจนกองติดพื้นเหมือนรถแข่ง ยิ่งวิ่งก็ยิ่งกระเด้งกระดอน หัวโยกหัวคลอนไปตลอดทาง รับญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายขึ้นรถแต่ละครั้งก็โดนสวดชยันโตทุกครั้งไป โดยเฉพาะคนที่เป็นริดสีดวงนั้น แทบจะนั่งกันไม่ลงเลยทีเดียว!!

โหลดเตี้ยมากจนเกินไปสิ่งที่จะกระจายเป็นอันดับแรกก็คือลิ้นหน้าหรือชายล่างของสปอยเลอร์หน้าราคาแพง ซึ่งบางคนแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ รับรองว่าขับได้ไม่นานจะต้องครูดจนหลุดหรือแตกกองอยู่กับพื้นอย่างแน่นอน

โช้คอัพและสปริงเดิมๆ จากโรงงานนั้นถูกคำนวณค่าทางวิศวกรรมให้มีความเหมาะสมกับประสิทธิภาพของรถคันนั้นๆ รถที่มีเครื่องยนต์สมรรถนะสูงจะมีช่วงล่างที่ค่อนข้างกระด้างแต่ไม่ได้แข็งโป๊กเหมือนซุปเปอร์คาร์แต่ก็จะแข็งกว่ารถทั่วไป ส่วนรถบ้านรถจ่ายกับข้าวที่มีเรี่ยวแรงไม่มาก มีม้าแค่ร้อยกว่าตัวพร้อมเครื่องยนต์กะทัดรัดตัวเล็กนิดเดียวมักจะมีช่วงล่างที่ยืดหยุ่นมากกว่ารถสปอร์ตพลังสูง ช่วงล่างของรถทั่วๆ ไปจะมีความนุ่มนวลเมื่อขับผ่านทางไม่เรียบก็ยังนั่งสบายไม่กระแทกจนแทบจะแยกออกทั้งคันเหมือนรถซิ่งโหลดเตี้ย ล้อและยางเดิมๆ ก็มีขนาดที่พอดีกับย่านของกำลังและการออกแบบช่วงล่าง

สมัยก่อนประมาณปี พ.ศ. 2525-2535 ในช่วงที่ยังไม่มีโช้คหรือสปริงแต่งแพร่หลายเหมือนตอนนี้ ในยุครถซิ่งหน้าเดอะพาเลซนั้นนักเลงรถบางคนหาสปริงแต่งไม่ได้ก็เล่นทางลัดด้วยการตัดสปริงทำให้รถเตี้ยลงทันตาเห็น แต่ค่าการยืดยุบของสปริงก็จะเพี้ยนตามไปด้วยโดยจะแข็งขึ้นมากจนแม้แต่วิ่งทางเรียบๆ ก็ยังกระเด้ง!! สำหรับล้อในยุคนั้นไม่มีล้อแต่งขายถึงมีก็แพงมาก จึงเล่นวิธีผ่าล้อกระทะเหล็กเอาเอง ส่วนโช้คอัพนั้น หากเป็นโช้คเดิมๆ ไม่ใช่โช้คแต่ง

เมื่อจับคู่กับสปริงที่ถูกตัดระยะทางเดินของปีกนกจะลดลงในขณะที่ความยาวของโช้คยังเท่าเดิม มีสิทธิ์ที่สปริงจะหลุดจากเบ้าเมื่อถูกกระแทกหรือตกหลุมแล้วรถลอยขึ้นจากการขับแบบซิ่ง การเปลี่ยนโช้คอัพพร้อมๆ กับสปริงแต่งที่เข้าคู่กันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแต่ก็ยังมีราคาแพงแรงเกินไปสำหรับสปริงกับโช้คอัพแต่งยี่ห้อดังๆ นั้น เล่นกันเป็นแสน เสียเงินเสียทองกันอีกเยอะ

โช้คอัพแต่งยี่ห้อดังๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นนั้นๆ ดูจะน่าใช้กว่าโช้คอัพและสปริงแบบสตรัทปรับเกลียวของรถแข่ง การปรับค่าความสูงและค่าความแข็งอ่อนให้เท่ากันทุกล้อนั้นทำได้ยาก ต้องให้ช่างที่มีความชำนาญทำการเซตช่วงล่างให้วิ่งได้ในแต่ละสภาพผิวถนน ส่วนใหญ่จะปรับตั้งแบบผสมไม่แข็งจนเกินไปคล้ายรถแข่ง แต่พอเจอทางขรุขระก็ไปไม่เป็นเหมือนกันจากความกระด้างคล้ายดามด้วยไม้กระดาน

โช้คอัพแบบสตรัทปรับเกลียวปรับตั้งได้ จึงเหมาะกับพวกเซียนรถที่ชอบขับเร็วและเอารถลงไปวิ่งในสนามแข่งบ่อยครั้ง ได้ช่างที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องของการปรับตั้งช่วงล่าง ส่วนพวกที่ไม่เป็นอะไรมาเลยก็ควรจะเลือกใช้โช้คและสปริงแต่งที่ไม่เตี้ยมากรวมถึงยังออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นที่ใช้อีกด้วย แบบนั้นก็จะขับสบายไม่เด้งหน้าเด้งหลังหัวโยกหัวคลอนนั่งไม่เป็นท่าเป็นทางหรือกระเด้งไปตลอดทางจนไม่มีใครอยากโดยสารไปด้วย! ถ้าขับเร็ว เงินถึง มีช่างดีและรับกับอาการกระด้างได้ ก็จัดเลย แต่ถ้าเงินไม่ค่อยมี ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอู่หรือช่างปรับตั้งช่วงล่างที่เชี่ยวชาญ ขับแบบเดิมๆ ก็สบายดีไม่ต้องไปจ่ายเพิ่มอะไรในยุคที่ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

ล้อและยางที่ใหญ่เกินไปนอกจากจะแพงขึ้นมากแล้วยังขับได้ลำบากยากเย็นแสนเข็ญอีกด้วย ล้อขอบ 20 นิ้วกับยางแก้มเตี้ยแค่ 30 นั้น หากวิ่งไปตกหลุมแรงๆ ก็จะคดหรือดุ้งทันที รวมถึงทำให้แก้มยางเกิดความเสียหาย แม้จะเป็นล้อแท้ราคาแพง ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง แก้มหนาปึกก็ไม่รอด ยางเส้นเขื่องก็เช่นกัน ขับไปเบียดกับขอบฟุตปาทเบาๆ แก้มยางก็ฉีกแตกถึงกับต้องทิ้งกันทั้งเส้น ก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย ยางขอบ 20-23 นิ้วนั้นมีราคาแพงกว่ายางขอบ 18 หลายเท่า บางเส้นแพงถึงเส้นละ 3-4 หมื่นบาท หรือมากกว่านั้นก็มี แก้มที่เตี้ยมากของยางไซส์ 19-20-21 นิ้ว หากวิ่งไปเจอเข้ากับผิวถนนแย่ๆ ก็แทบจะไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

ปัจจุบันเห็นว่ากระบะคันโตหรือพวกพีพีวี-เอสยูวียักษ์นิยมเอามาใส่โชว์ความหล่อ แต่ขอบอกเลยว่าขับใช้งานยากโคตรๆ สุดท้ายก็เห็นเปลี่ยนกลับมาใส่ล้อและยางเล็กลงกันทั้งนั้น ขาแรงที่ชอบแต่งแบบใส่ล้อโตๆ แล้วแบะเยอะๆ จูนช่วงล่างให้มีมุมแคมเบอร์ที่เป็นลบมากๆ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งชอบ ก็ยิ่งขับยากมากขึ้นเท่านั้น แถมมุมแคมเบอร์ที่ลบมากนั้นยังกินยางให้สึกไม่เท่า โดยจะกินยางด้านในมากกว่าขอบนอกของหน้ายางที่แทบจะไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน การเปลี่ยนล้อกับยางให้ใหญ่ขึ้นแต่ไม่มากนัก เช่น ล้อและยางเดิมๆ ขอบ 16 ก็เปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยแค่ 17 หรือ 18 นิ้วก็พอที่จะขับใช้งานได้ไม่ลำบากตรากตรำเหมือนล้อและยางวงโตที่เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวแตกน่ารำคาญ ก่อนจะเปลี่ยนก็ดูให้ดีๆ ว่าใส่ไปแล้วเลี้ยวได้หรือเปล่า หลายคนไม่ตรวจดูให้ดีๆ พอใส่เข้าไปก็สีเข้ากับแก้มข้างจนยางแหกยับเสียเงินหนักเข้าไปอีก

รถที่โหลดเตี้ยมากๆ ช่วงล่างจะเต้นมากขึ้น จนขาดการยึดเกาะที่ดี การบังคับควบคุมจะออกมาในแบบแย่หรือเลวร้ายกว่าช่วงล่างเดิมๆ ที่ยังไม่ได้ทำ แค่เปลี่ยนโช้คอัพที่ออกแบบมาสำหรับรถรุ่นนั้นๆ พร้อมล้อและยางที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไปก็พอ รถจะเกาะถนนดีขึ้นเห็นๆ แต่ก็จะมีความกระด้างมากกว่ารถเดิมๆ เนื่องจากความหนืดของโช้คแต่ง ล้อและยางที่โตขึ้นแถมยังยัดยางแก้มเตี้ยก็ช่วยทำให้สะเทือนขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับรถแข่งที่มักจูนช่วงล่างให้มีมุมแคมเบอร์แบบลบนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพของสนามแข่งในแต่ละสนามที่มีโค้งแตกต่างกันออกไป การทำให้มุมแคมเบอร์เป็นลบก็เพื่อทำให้หน้ายางยังตั้งฉากกับผิวแทรคเมื่อซิ่งผ่านโค้งจะได้ไปเร็วขึ้นได้

มุมลบของแคมเบอร์ในรถแข่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผังสนาม ความแข็งของสปริงและโช้คอัพ รวมถึงเหล็กกันโคลง เมื่อจูนรถแบบนั้นแล้วเอาออกมาวิ่งบนถนนปกติที่ไม่ได้เรียบเหมือนผิวแทรคก็จะเกิดปัญหาในการขับขี่ขึ้นมาทันที มากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่ว่าหุบหรือแบะมาขนาดไหน เล่นล้อหุบเข้าในซุ้มมากจนเกินไปเวลาวิ่งเหมือนรถพิการเข้าไปทุกที มุมแคมเบอร์ลบเพิ่มการสึกหรอของหน้ายางด้านใน ลดแรงฉุดลากบนทางตรง อัตราเร่งและประสิทธิภาพในการเบรกก็จะแย่ลงเนื่องจากการขับบนทางตรงไม่ได้เข้าโค้งเหมือนสนามแข่งไปจำกัดหน้าสัมผัสของยาง

ข้อดีของมุมแคมเบอร์ลบจะมีก็แค่การขับเข้าโค้งเท่านั้น ข้อควรระวังก็คือ ปรับเป็นลบให้น้อยเข้าไว้ สำหรับรถแต่งที่ไม่ใช่รถแข่ง ขับแบบเดิมๆ ก็ดีอยู่แล้วแต่ไม่ชอบต้องดิ้นรนเสียเงินเสียเวลาเรียนรู้กันอยู่นาน เป็นเรื่องของคนชอบแต่งรถที่ขึ้นอยู่กับวัย พอแก่ตัวไปก็จะเข้าใจได้เอง.


ผู้เขียน : อาคม รวมสุวรรณ

E-Mail [email protected]

Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

แท็กที่เกี่ยวข้อง

คุณอาจสนใจข่าวนี้