ภูเก็ต ออกประกาศปิดสถานที่เสี่ยง “ด่านฉัตรไชย” ห้ามเดินทาง 5 ทุ่ม-ตี 5 – ประชาชาติธุรกิจ

สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ออกประกาศปิดสถานที่เสี่ยง “ด่านฉัตรไชย” ห้ามเดินทาง 5 ทุ่ม – ตี 5

วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้เผยแพร่คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 2553/2564 เรื่อง ปิดสถานที่ และกำหนดมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีรายละเอียดทั้งหมด 7 ข้อหลัก ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ดังนี้

ข้อ 1 การห้ามการดำเนินการหรือจัดกิจกรรม หรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค อาทิ สถานศึกษาทุกแห่งทุกสังกัดในจังหวัดภูเก็ต, ห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 30 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, ห้ามรวมกลุ่มดื่มสุราในพื้นที่สาธารณะ ชายหาด สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ถนนริมคลอง

โควิดระบาดกลุ่ม “พนักงานบริษัท” 3 เขตใหญ่ “ราชเทวี-สาทร-ลาดพร้าว”
สมุทรปราการ เจอคลัสเตอร์พนักงานโรงงานอะไหล่รถยนต์ ติดโควิด 142 ราย

ข้อ 2 การปิดสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค อาทิ สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง, สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด และนวด สปา กิจการนวดเพื่อสุขภาพ เสริมความงาม เว้นแต่ เป็นการนวดเพื่อการรักษา, สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามแข่งนก สนามแข่งไก่ สนามมวย โรงเรียนสอนมวย, โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด หรือโต๊ะพูล,

ร้านเกมคอมพิวเตอร์ ออนไลน์, สถานที่หรือสำนักบริการสักผิวหนัง ดูดวงชะตา กิจกรรมอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน, ศูนย์พระเครื่องพระบูชา หรือสนามพระเครื่องพระบูชา, บ่อตกกุ้ง หรือบ่อตกปลา, สถานประกอบการสำหรับกิจการหรือธุรกิจนำเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และห้ามการจัดกิจการดำน้ำ ผิวน้ำ และดำเนินธุรกิจดำน้ำลึก,

ตลาดถนนคนเดิน ยกเว้น ตลาด ตลาดนัด ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ให้เปิดเฉพาะจำหน่ายอาหารสด แห้ง อาหารปรุงสำเร็จ และให้เปิดได้ไม่เกินเวลา 21.00 น., ปิดสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนทุกแห่งในจังหวัดชั่วคราว ยกเว้น สถานสงเคราะห์เด็กเอกชน และสถานแรกรับเด็กเอกชน 5 แห่ง

ประกอบด้วย สถานสงเคราะห์เด็กบ้านฟุตบอลเยาวชน (ภูเก็ต), สถานสงเคราะห์เด็กบ้านเพื่อชีวิต, สถานสงเคราะห์เด็กหมู่บ้านตะวันฉาย, สถานสงเคราะห์หมู่บ้านเด็กโสสะภูเก็ต เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และสถานแรกรับพิทักษ์เด็กภูเก็ต สามารถเปิดให้บริการได้ เฉพาะกลุ่มเด็กแบบประจำ โดยให้งดบริการแก่กลุ่มเด็กแบบไป – กลับ

ข้อ 3 มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ อาทิ การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มทุกประเภท เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. นั่งได้โต๊ะละไม่เกิน 4 คน เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือมีฉากกั้น สั่งกลับบ้านไม่เกินเวลา 23.00 น., ห้ามการจำหน่ายและบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายในร้านอาหารทุกประเภท,

ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น., ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดบริการได้ระหว่างเวลา 04.00 – 23.00 น., ปิดโรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ สวนน้ำ สระว่ายน้ำ, การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ต้องมีจำนวนทีมงานไม่เกิน 50 คน และต้องไม่มีผู้ชม,

สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ พื้นที่กิจกรรมสาธารณะโล่งแจ้ง สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. แต่ห้ามเล่นกีฬาที่มีการปะทะกัน รวมถึงการทำการฝึกสอนกีฬาทุกประเภท เช่น โรงยิม ฟิตเนส แบดมินตัน ห้ามเปิดให้บริการ, สนามกอล์ฟ หรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ให้เปิดได้แต่ต้องไม่มีผู้ชม ในสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหาร ห้ามมิให้จำหน่ายสุราหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน และนั่งได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.,

คลินิกเสริมความงาม ร้านทำเล็บ ลดความอ้วน ให้เปิดดำเนินการได้เฉพาะการเสริมความงามเรือนร่างและผิวพรรณ, ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ให้เปิดได้เฉพาะสระ ตัด ซอยผม แต่งผม และต้องไม่มีผู้นั่งรอภายในร้าน, สถานที่ให้บริการดูแลสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยง หรือรับฝากสัตว์ ให้เปิดบริการได้

ข้อ 4 การงดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทาง อาทิ ปิดช่องทางบก ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ห้ามบุคคลและยานพาหนะ ทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 23.00 – 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่รถฉุกเฉินทางการแพทย์ กู้ชีพ กู้ภัย ผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือบุคคลผู้ได้รับคำสั่งจากส่วนราชการ, รถขนส่งเครื่องบริโภคประเภท อาหารสด ยา เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์, รถขนส่งบริการสาธารณะ หรือกิจการประเภทที่มีความจำเป็น

โดยมีมติเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต โดยให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะและผู้ที่เดินทางมากับรถต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Rapid Test ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง พร้อมทั้งมีใบแจ้งประเภทสินค้าเป็นหลักฐาน เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทุกครั้ง

ข้อ 5 การจัดกิจกรรมทางสังคม อาทิ การจัดกิจกรรมทางสังคม ห้ามประชาชนจัดกิจกรรม งานสังสรรค์ งานเลี้ยง งานรื่นเริง งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ เลี้ยงรับ – ส่ง และเลี้ยงฉลองแสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ เว้นแต่เป็นการจัดพิธีการตามประเพณีนิยม

เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน หากไม่สามารถชะลอหรือเลื่อนไปได้, การร่วมรับประทานอาหาร หรือดื่มสุราร่วมด้วย ทำกิจกรรมสังสรรค์ภายในครอบครัว ในบ้าน หรือสถานที่พักอื่นใด ต้องไม่มีบุคคลภายนอกร่วมด้วย และห้ามมิให้มีการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมอื่นใดที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ กรณีที่ผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิดเป็นชาวต่างชาติให้พิจารณาการยกเลิกอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง

ข้อ 6 การดำเนินรูปแบบการปฏิบัติงาน อาทิ ขอความร่วมมือให้เจ้าของกิจการพิจารณาและดำเนินรูปแบบ การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง การสลับวันทำงาน หรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม, ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานพิจารณาการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา หรือการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ตามความเหมาะสม, ส่วนราชการที่มีพื้นที่ให้บริการประชาชน ให้ดำเนินการรูปแบบใหม่ (New Normal) และให้บุคลากรผู้ให้บริการปฏิบัติตนโดยถือหลัก D-M-H-T-T-A

ข้อ 7 มาตรการเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ อาทิ การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ เมื่อพบผู้ไม่ปฏิบัติตามให้พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งให้ผู้นั้นปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558, ให้ผู้ติดเชื้อทุกรายเข้ารับการตรวจรักษาและเข้ารับการแยกกักหรือการกักกันในสถานที่และตามระยะเวลา ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขกำหนด, ให้ผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าติดเชื้อรีบแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่ทันที