Motor Sport Sponsored

ปิดฉากคดีลุงวิศวะยิงดับ’น้องปอนด์’ ศาลฎีกาสั่งแก้โทษจำคุก-รอลงอาญา : แฟ้มคดี – ข่าวสด

Motor Sport Sponsored
Motor Sport Sponsored

คอลัมน์ แฟ้มคดี

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

มาถึงบทสรุปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคดีลุงวิศวะ

เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดยแก้จากโทษจำคุก 10 ปี เหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน และให้รอการลงโทษ

ถือเป็นจุดสิ้นสุดคดีที่ทุกฝ่ายต้องน้อมรับ

น้องปอนด์เหยื่อปืน

โดยเฉพาะฝ่ายของลุงวิศวะที่หายตัวไป ไม่มาฟังคำพิพากษา จนถูกริบเงินประกัน ซึ่งก็จะต้องกลับมารับโทษทัณฑ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้คดีดังกล่าวตกอยู่ในความสนใจของประชาชนมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นเรื่องที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน การจอดรถขวางกัน จนเป็นเหตุทะเลาะวิวาท

แต่กรณีลุกลามบานปลายไปเป็นเหตุทะเลาะวิวาท และเหตุฆาตกรรม

จึงถือว่าเป็นอุทาหรณ์ให้คนในสังคมได้เรียนรู้ว่าเหตุที่เกิดจากการควบคุมอารมณ์ไม่ได้นั้น

ส่งผลเสียอย่างไรบ้างกับครอบครัวของตนเองและผู้อื่น

  • ย้อนคำพิพากษาศาลชั้นต้น

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 ก.พ. 2560 เมื่อนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 56 ปี พร้อมครอบครัวเดินทางกลับจากเที่ยวที่บางแสน และแวะซื้อของฝากที่อ่างศิลา ระหว่างจอดรถซื้อของ มีรถตู้ของกลุ่มนายนวพล ผึ่งผาย หรือปอนด์ อายุ 17 ปี มาจอดขวาง จนเกิดการตะโกนด่าทอกัน ก่อนจะขับรถออกมาแล้วเกิดจอดรถวิวาทกันอีกรอบ ครั้งนี้นายสุเทพใช้อาวุธปืน ยี่ห้อรูเกอร์ ใส่กระสุน .380 ก่อเหตุยิงนายนวพล เสียชีวิต

แม่เหยื่อฟังคำพิพากษา

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 ระบุว่า พิจารณาพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่รับใบอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง

ปัญหาการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่าเหตุคดีนี้สืบเนื่องมาจากพวกของผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ตู้ จอดรถที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลย ทำให้มีปากเสียงกัน

หลังเหตุวิวาทจบลงไป ภายหลังจากพวกผู้ตายขับรถยนต์ตู้และรถยนต์เก๋งออกไปโดยมิได้ท้าท้ายจำเลยอีก หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจ จอดรถรอสักพักหนึ่งก่อนเพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไป เหตุคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แต่จำเลยกลับขับรถตามรถทั้งสองคันนั้นไปในทันที ขับแซงรถยนต์ตู้ บีบแตรยาวใส่แล้วขับไปอยู่ด้านหน้า ทั้งภริยาจำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายภาพรถยนต์เก๋งพวกของผู้ตายไว้อีก ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาทกับจำเลย เหตุที่จำเลยมีความฮึกเหิม เนื่องจากจำเลยพาอาวุธปืนซึ่งบรรจุลูกกระสุนปืนไว้แล้วติดตัวไปด้วย บ่งชี้ถึงเจตนาของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาทเมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ

ยื้อชีวิตน้องปอนด์

จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันในลักษณะปาดหน้า และขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายกับพวกมาตลอดเส้นทาง

จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะยิงกันจำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ จึงต้องฟังว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาท แม้ฝ่ายผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอน

จำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดา ภริยา และหลานที่มากับจำเลย จึงมิอาจอ้างได้ว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะมาถึงจำเลย

จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืน และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง เห็นสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบา ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

  • ฎีกาตัดสิน-ปิดคดีลุงวิศวะ

ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย. ที่ศาลจังหวัดชลบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยก่อนหน้านี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 12 พ.ค. แต่จำเลยไม่เดินทางมาศาล จึงสั่งริบเงินประกันจำนวน 874,000 บาท พร้อมออกหมายจับนำตัวมาฟังคำพิพากษาศาล

อย่างไรก็ตามเมื่อไม่สามารถจับกุมตัวมาได้ ศาลจึงนัดอ่านคำพิพากษาลับหลัง ระบุว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า มูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตปาธจะออกได้หรือไม่

เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลยกำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน

เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอ ย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา

จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง แต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยิน ก่อนที่จะพากันขึ้นรถยนต์ตู้ไป ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่นจำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่องกับจำเลย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน

จึงเชื่อว่าขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่องอีกฝ่าย เพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน

ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้ง จนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลย ไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้โดยง่าย

ด้านฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้าย จึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น

เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้วางแผนไว้ก่อน

  • ชี้ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ

เมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยไม่ได้ขับรถปาดหน้ารถพวกของผู้ตาย เพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตปาธ และไม่ได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่ม ผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “มึงจะรบเปล่า” หลายครั้ง และมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน

ขณะเดียวกันจำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลัง ย่อมถือได้ว่ามีอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้ว ประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก

การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไป จึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้ายโดยผู้ตายและพวกได้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง

แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิง หรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตาย ก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมิให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว จำเลยกลับใช้อาวุธยิงที่หน้าอกซ้ายของผู้ตาย แม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นการกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

ศาลพิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนแล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน

ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง

ปิดคดี ‘ลุงวิศวะ’ ด้วยคำพิพากษาศาลฎีกา

Motor Sport Sponsored
แข่งรถ รถแข่ง

การแข่งรถ (หรือเรียกว่าแข่งรถยนต์ หรือ รถแข่ง) เป็นมอเตอร์สปอร์ตที่เกี่ยวข้องกับการแข่งโดยใช้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ รถจักรยาน สำหรับการแข่งขัน

This website uses cookies.