ปณท เร่งสร้างคุณภาพต้นน้ำ-ปลายน้ำ ส่งบริการใหม่ชูความแตกต่าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไปรษณีย์ไทยหนีแข่งตัดราคาดุ เร่งสร้างคุณภาพ ให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่แตกต่างกัน ชูจุดเด่น ส่งสินค้าได้ทุกประเภท ตั้งแต่ชิ้นเล็กถึงชิ้นใหญ่ เร่งสร้างบริการใหม่ จับมือหน่วยงานรัฐ ส่งของ ผ่านระบบสาธารณะ ลดต้นทุน-ความซ้ำซ้อน พร้อมรุกตลาด EV

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า การแข่งขันด้านราคาการส่งสินค้าอีเอ็มเอส นับวันจะมีการตัดราคากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นสิ่งที่ ปณท ทำได้คือการหนีการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดนี้ ด้วยการหันมาสร้างคุณภาพในการให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยจุดแข็งของ ปณท คือ สามารถส่งของได้ทุกประเภทตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ ขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย ดังนั้นที่ทำการของปณท จึงมีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท เช่น กล่องสำหรับใส่ผลไม้,กล่องทำมือที่สามารถประกอบเข้ากับรูปร่างของสินค้า เป็นต้น เมื่อมีบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะทำให้การขนส่งมีคุณภาพ สินค้าไม่เสียหาย ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าสูง ปณท ก็จัดให้มีบริการคัดแยกแบบมีกล้องวงจรปิด มีพนักงานเฉพาะ ทำให้ในไตรมาสแรกปี 2565 มีปริมาณชิ้นงานสอบสวน หรือ ตกค้าง เสียหาย ลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาสสี่ของปี 2564

“การฝากสิ่งของกับไปรษณีย์ไทยมีความครอบคลุม หรือ ไปไปรษณีย์..จบทุกการส่ง ไม่ว่าจะเป็นการส่งจดหมาย ส่งด่วน ส่งของใหญ่ ส่งเย็น ส่งยา ส่งผลไม้ ส่งต้นไม้ ส่งปลากัด ส่งต่างประเทศ และการส่งที่ครบวงจร”

แม้ว่าในปี 2565-2567 มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีเอ็มเอส จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11.23% ต่อปี โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ ก็ตาม แต่ตนเองเชื่อว่าหลังโควิด ผู้คนที่ไม่ได้ออกจากบ้านจะมีความต้องการซื้อสินค้านอกบ้านมากขึ้น เมื่อตลาดไม่โตการแข่งขันด้านราคาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เรื่องคุณภาพจึงสำคัญ ควบคู่กับการสร้างบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยอีก 2 เดือนข้างหน้า ปณท จะมีการจับมือร่วมกับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการฟู้ด เดลิเวอร์รี่แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ยังเตรียมจับมือกับหน่วยงานรัฐในการขนส่งสินค้าร่วมกันโดยเฉพาะสินค้าชิ้นใหญ่ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกัน ลดการทำงานซ้ำซ้อน เช่น การส่งสินค้ากับ รถทัวร์,รถไฟ,เรือเป็นต้น เนื่องจากขนส่งสาธารณะดังกล่าวมีเวลาเดินทางที่แน่นอน ดังนั้น ปณท จะทำหน้าที่ขนส่งจากสถานีปลายทางของขนส่งนั้นๆไปยังบ้านเรือนประชาชน

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการขยายเครือข่ายจุดให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ปณท มีมากกว่า 11,000 จุด ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เน้นเพิ่มจุดให้บริการ อีเอ็มเอส พ้อยท์ ทั้งในย่านชุมชนและเขตเมือง โมเดิร์นเทรด ศูนย์บริการ NT ซึ่งนำร่องไปแล้ว 60 แห่ง เพื่อให้จุดดังกล่าวเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมของในชุมชนมากที่สุด ลดอัตราการเข้ารับสินค้าถึงบ้าน

นายดนันท์ กล่าวว่า ปีนี้แนวโน้มรายได้จากการส่งสินค้าอีเอ็มเอสจะลดลง 3-4% จากเดิมที่มีสัดส่วน 40% ทำให้ปณท ต้องสร้างรายได้จากส่วนอื่นเพิ่ม ได้แก่ กลุ่มรีเทล ปกติมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 10% ให้เพิ่มเป็น 15%ในปีนี้ ผ่านการขายสินค้าชุมชนที่อยู่บนเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท มีสัดส่วน 40%, การขายสินค้าผ่านศูนย์ปณท,และการขายผ่านบุรุษไปรษณีย์ มีสัดส่วน 60% คาดว่าจะเพิ่มรายได้จาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ในปีนี้

ขณะเดียวกันยังวางแผนในการรุกตลาด EV จากการที่ ปณท มีการนำรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 250 คัน มาใช้สำหรับการขนส่งไปรษณียภัณฑ์ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะช่วยประหยัดทรัพยากรได้เพิ่มขึ้นกว่า 30 % โดยในอนาคตเชื่อว่าหากมีจำนวนการใช้ที่มากขึ้นจะช่วยสร้างระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเมืองไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นต้นแบบของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Logistics) ในอนาคต โดยล่าสุดยังได้จับมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ดำเนินโครงการทดสอบยานพาหนะไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้าและพัสดุ ระหว่าง OR และ ไปรษณีย์ไทย นำร่องการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Bike) เพื่อขนส่งสินค้าและพัสดุ กับ ฮอนด้า ดังนั้นเมื่อปณท มีความเชี่ยวชาญเราก็พร้อมจะต่อยอดบริการเช่ามอเตอร์ไซต์ไฟฟ้ากับกลุ่มไรเดอร์ต่อไป

ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้ขยายเวลา “โปรคุ้ม EMS ลดทุกวัน” เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับทุกภาคส่วน ด้วยการมอบส่วนลดค่าส่งด่วน EMS สูงสุดกว่า 50% โดยฝากส่งสิ่งของในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ราคาเริ่มต้นเพียง 25 บาท และวันอาทิตย์เริ่มต้นเพียง 19 บาท คิดคำนวณแบบราคาเดียวทุกปลายทางทั่วไทย ไม่บวกเพิ่ม และไม่มีเก็บค่าขนส่งในพื้นที่ห่างไกล พร้อมนำจ่ายทุกวันไม่มีวันหยุด โดยผู้ใช้บริการสามารถรับส่วนลดดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2565 ครอบคลุมทุกที่ทำการฯ ทั่วประเทศ