บิ๊กใหม่ เผย “ไอ้โหม่ง” เคยมีเรื่องกับหมวดโย่ง แค้นถูกต่อว่าเลยลงมือยิง

จากกรณี เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 8 ก.พ.64 มีเหตุคนร้ายยิง ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ อายุ 53 ปี หรือ หมวดโย่ง รอง สว.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เสียชีวิตภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยมือปืนที่ก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมาเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 9 ก.พ. พ.ต.ท.สว่าง แป้นสุวรรณ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมชุด กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้นำตัว นายสิทธิพงษ์ จ่าสอาด หรือ โหม่ง มือปืนที่ลั่นไก ยิง ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ รอง สว.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี จนเสียชีวิต กลับมาที่ กองกับการสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี หลังจากตำรวจระดมกำลังติดตามนำโดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.สอบสวนกลาง พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม ชุดสืบสวน ภ.7 และชุดสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี ติดตามแกะรอยคนร้ายจนสามารถจับกุมตัวได้ที่ ห้องเช่า อาคารพาณิชย์ เลขที่ 4/283 หมู่ 10 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ซึ่งใช้เวลาตามจับกุมได้หลังก่อนเหตุไม่ถึง 24 ชม. และเมื่อเดินทางกลับมาถึง สภ.เมืองสุพรรณบุรี ตำรวจได้นำตัวเข้าไปสอบสวนต่อ

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พฤติกรรมการเกิดเหตุนั้น ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ผู้ตายได้ขับรถยนต์กลับจากการสืบสวนติดตามคดีฆ่าผู้อื่นในท้องที่ อ.ศรีประจันต์ ซึ่งตนเองเป็นคนสั่งการให้สืบสวนติดตามคนร้าย และแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.ที่เกิดเหตุ เมื่อเติมน้ำมันเสร็จแล้ว ผู้ตายได้ขับรถไปจอดที่หน้าศูนย์อาหาร ภายในปั๊ม ได้พบกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวกำลังนั่งดื่มสุราและเปิดเพลงเสียงดัง โดยผู้ตายรู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการแข่งรถในทางสาธารณะ จึงลงไปว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ไม่ให้มั่วสุมดื่มสุรา เพราะเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า แต่ในขณะที่ผู้ตายกำลังยืนคุยกับกลุ่มวัยรุ่น นายสิทธิพงษ์ ผู้ต้องหาที่อยู่ในกลุ่มตอนนั้น และรู้จักกับ ร.ต.ต.ชาญวิทย์ มาก่อน เกิดความโกรธเคือง ที่ ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ไปต่อว่าเรื่องการประพฤติตนไม่ดี จึงได้เดินอ้อมเข้าทางด้านหลังใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงเข้าท้ายทอย ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุทางผู้ตายก็เคยมีการต่อว่าผู้ต้องหาในพฤติกรรมของผู้ต้องหามาก่อน จึงอาจเป็นเหตุผลในการเก็บความแค้นเอาไว้ และลงมือก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวด้วยว่า ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวของ ร.ต.ต.ชาญวิทย์ เบื้องต้น ถือเป็นการเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ทายาทหรือภรรยา จะได้รับสิทธิให้เข้ารับราชการตำรวจ โดยได้ให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ทำเรื่องตามระเบียบเสนอขึ้นไป ในเบื้องต้นได้มอบเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ผู้ตายได้ทำไว้ รวมทั้งสิ้น 150,000 บาท พร้อมกับตนได้ให้เงินช่วยเหลือส่วนตัว เพื่อเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้ตายอีกทางหนึ่งแล้ว

ด้าน นายสุวัฒน์ ดิษเจริญ น้องชายคนตาย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ตำรวจจับคนร้ายได้ พี่ชายเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่สายสืบมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว แต่คนร้ายยังกล้าลงมือก่อเหตุ โดยเชื่อมั่นว่าการทำงานของน้องชายซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ยังโดนการก่อเหตุเช่นนี้ ตนคงปล่อยให้เป็นไปตามการตัดสินของกระบวนการตามกฎหมาย และกฎแห่งกรรม ปกติตนเองจะโทรคุยกับพี่ชายเป็นประจำทุกวัน เบื้องต้นทางครอบครัวจะตั้งศพหมวดโย่งบำเพ็ญกุศลที่วัดสังฆจายเถร โดยมีกำหนดบำเพ็ญกุศลในวันที่ 16 ก.พ.64 จะมีพิธีรดน้ำศพ และฌาปนกิจ ในวันที่ 21 ก.พ.2564 นี้ และอยากฝากถึงผู้ต้องหาจะทำอะไรอย่าใจร้อนขอให้ใจเย็นๆ เพราะถ้าตัดสินอะไรด้วยอารมณ์ก็จะมีแต่เรื่อง.