‘บิ๊กตู่’ขึ้นเวทีเปิดใจร่วมรทสช. อลังการ9ม.ค. ฉายวีดีโอโชว์ผลงานโดดเด่น

วันศุกร์ ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

‘บิ๊กตู่’ขึ้นเวทีเปิดใจร่วมรทสช.

อลังการ9ม.ค.

ฉายวีดีโอโชว์ผลงานโดดเด่น

จับตาสส.หลายคนเสริมทัพ

‘อนุทิน’ยินดี‘ลุงตู่’ลุยเต็มสูบ

มองเป็นทางเลือกไม่ใช่คู่แข่ง

‘พท.’โวยนายกฯลงพื้นที่ถี่ยิบ

จับตารอฟัง “บิ๊กตู่” เปิดใจ 9 มกราคม ในการสมัครเข้า“รวมไทยสร้างชาติ” ร่างสปีชด้วยตัวเอง พูดจากใจ พร้อมวีดีโอโชว์ผลงาน จับตาแนวร่วม สส.หลายพรรค ตบเท้าร่วมงานเสริมทัพ จัดทีมยุทธศาสตร์ลุยสู้ศึกเลือกตั้ง รองโฆษกรบ.ยันนายกฯไม่เอาเปรียบพรรคอื่น“อนุทิน” ยินดี“บิ๊กตู่”ลุยการเมืองเต็มตัว บอกไม่กล้าสอนจระเข้ว่ายน้ำ แม้ลงสนามมาก่อนชี้ไม่มองเป็นคู่แข่งแต่เป็นตัวเลือกปชช.ด้าน“เพื่อไทย”ผวาเสียเปรียบ เตะตัดขา“นายกฯ”ลงพื้นที่ถี่ ฝืนกฎเหล็ก กกต.หวั่นใช้ทรัพยากรรัฐเอาเปรียบควรมีมารยาททางการเมือง ขณะที่วิปรัฐบาล มั่นใจซักฟอก ม.152ไม่นำไปสู่ยุบสภา รบ.พร้อมชี้แจง แนะฝ่ายค้าน จัดเต็มที่การบริหาร อย่าใช้วาทะกรรม-พูดเรื่องส่วนตัว ชี้เวทีดีเบตให้ปชช.นำข้อมูลไปตัดสินนเลือกตั้ง‘ก้าวไกล’ขู่ซักฟอก‘วราวุธ’เจอชุดใหญ่ไฟกระพริบ ลากไส้ ปมอธิบดีฉาวแน่นอน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสิงห์บุรีในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ


เปิดกำหนดการนายกฯลุยสิงห์บุรี

โดยมีกำหนดการดังนี้ เวลาประมาณ 08.00 น.นายกฯและคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2รอ.เขตพญาไท กรุงเทพฯไปยังสนามกีฬาอำเภออินทร์บุรี ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีโดยเฮลิคอปเตอร์ เวลา 09.00 น. นายกฯและคณะจะออกเดินทางจากสนามกีฬาอำเภออินทร์บุรีไปยังพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ จากนั้นจะออกเดินทางจากพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล เดินทางต่อไปยังพื้นที่นานำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก”

เวลาประมาณ 09.30น.นายกฯจะขับรถดำนาปลูกข้าว ร่วมกับชาวนา พร้อมกับปล่อยปลาร่วมกับเกษตรกร ก่อนไปยังจุดพิธีเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก”โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะรับฟังรายงานผลการดำเนินงาน โครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model (สิงห์บุรีโมเดล) จากนายภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก จากนั้น นายกฯจะกล่าวเปิดกิจกรรม“ข้าวรักษ์โลก”พบปะเกษตรกร และเดินเยี่ยมชมนิทรรศการโดยนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับถึงสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 14.00 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

9ม.ค.‘บิ๊กตู่’เปิดใจร่วมรทสช.โชว์ผลงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ว่า สำหรับในวันที่ 9 มกราคมนี้ ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้นไฮท์ไลท์ของงานนอกจากการสมัครเข้าสมาชิก และมีการสวมเสื้อพรรคให้พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ภายในงานจะมีการฉายวิดีโอที่เป็นผลงานของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

จากนั้น จะเป็นการกล่าวเปิดใจของพล.อ.ประยุทธ์ บนเวทีถึงการตัดสินใจมาทำงานการเมือง กับ รทสช.โดยพล.อ.ประยุทธ์จะร่างสปีช ที่จะพูดเองเป็นการพูดที่ออกมาจากใจ จากความรู้สึกจริงๆ

ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะเป็นการเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียวเท่านั้น จะไม่มีการเปิดตัวคนอื่นๆ อีก โดยพรรค ต้องการให้ความสำคัญและโฟกัสไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว

จับตาเปิดแนวร่วมตบเท้าเสริมทัพ

ขณะที่ ผู้ที่มาร่วมงานนอกเหนือจากแกนนำ ผู้บริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคแล้ว ยังมีบรรดานายก อบจ.อีกหลายจังหวัด ที่คอนเฟิร์มแล้วว่า จะมาร่วมงาน รวมถึง ส.ส.ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนที่จะย้ายมาพรรครวมไทยสร้างชาติไปแสดงความยินดีและร่วมให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

จัดทีมยุทธศาสตร์ลุยสู้ศึกเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พรรคจะมีการจัดตั้งทีมยุทธศาสตร์เพื่อกำหนดทิศทางการหาเสียงและการจัดระบบภายในพื้นที่ของพรรค โดยมอบหมายให้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันวางยุทธศาสตร์หาเสียง โดยมีทีมนายก อบจ.ในหลายจังหวัด ร่วมคณะทำยุทธศาสตร์พื้นที่ด้วย

‘อนุทิน’ยินดี’บิ๊กตู่’ลุยการเมือง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ว่า ขอแสดงความยินดี ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่งความปราถนาดี ขอให้ประสบความสำเร็จทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ และถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะในที่สุดระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่สวยงามที่สุด บุคคลที่เคยอยู่ในวงการทหารมา เคยมีความจำเป็นต้องทำการบริหารประเทศในรูปแบบทหารมา ท่านก็ตัดสินใจมาดำเนินงานทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้ระบอบรัฐสภา เป็นสิ่งที่ดีและเป็นบทสรุปที่ทำให้เห็นว่าระบอบที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศคือระบอบประชาธิปไตย จากนี้ไปไม่มีเหตุผลอะไรที่ใครจะมายึดอำนาจแอบอ้างเข้ามาบริหารประเทศอีกต่อไป เพราะระอบประชาธิปไตยคือระบอบที่ดีที่สุดสำหรับการบริหารบ้านเมือง

ย้ำไม่กล้าสอนจระเข้ว่ายน้ำ

เมื่อถามว่าต้องให้การต้อนรับนักการเมืองหน้าใหม่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ ไม่ใช่จะมาเป็นนักการเมืองวันแรก เพราะคนเป็นนายกฯคือนักการเมือง อาชีพนายกฯ อาชีพรัฐมนตรีไม่มี เวลากรอกพลาสปอร์ต ต้องระบุเป็นนักการเมือง เมื่อถามอีกว่าในฐานะเป็นนักการเมืองมาก่อนมีอะไรต้องแนะนำหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ใครจะไปกล้า ท่านมีทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และยังเป็นนายกฯมา 8 ปี อย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ ไม่ได้ อย่าบังอาจเป็นอันขาด”

ไม่มองเป็นคู่แข่ง แค่ตัวเลือก

เมื่อถามถึงการจับมือกันในอนาคต นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของผลการเลือกตั้ง ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน เมื่อถามว่าถ้าเป็นเช่นนี้จะมองเป็นคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นตัวเลือก เป็นข้อเสนอทางการเมือง อะไรก็ตามที่มีตัวเลือกเยอะ มีทางเลือกเยอะประชาชนได้ประโยชน์ อย่ามองเป็นคู่แข่ง แม้จะแข่งก็แข่งกันในกติกา เหมือนการตีกอล์ฟด้วยกัน เวลาตีไม่มีใครออมให้กัน

ย้ำเน้นชูนโยบายสู้-รอผลหลังลต.

เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคภูมิใจไทยได้ส.ส.มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะยอมหลีกทางให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อน วันนี้อย่าไปคาดการณ์พรรคอื่น หน้าที่ของตน คือ คิดนโยบายลงพื้นที่ ทำให้ผู้สมัคร สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน ตอนนี้ยังมีเวลา ไม่ช้าเกินไปเมื่อถามถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทยมั่นใจจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายของภูมิใจไทย คือ นโยบายที่ดี มุ่งเน้นปากท้อง คุณภาพชีวิต และสุขภาพประชาชน

เมื่อถามย้ำอีกว่าเป็นเรื่องของการรวบรวมเสียง เนื่องจากมีปัจจัย สว.เข้ามาเกี่ยวด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน พยายามหลีกเลี่ยงตอบคำถามดังกล่าวโดยระบุว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมรอตนอยู่ และตอนนี้กำลังจะไอ พร้อมนำกระดาษที่ถืออยู่มาปิดปาก

ยันภท.อยากให้กม.กัญชาผ่าน

เมื่อถามอีกว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าพ.ร.บ.กัญชงกัญชาไม่ผ่าน เป็นเพราะพรรคภูมิใจไทยจะใช้ในการหาเสียงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการพูดกระทบพรรคภูมิใจไทย จริงๆพรรคภูมิใจไทยอยากให้กฎหมายดังกล่าวผ่าน การที่วิปรัฐบาลระบุว่าอาจไม่ทันในสมัยประชุมนี้ ไม่ใช่ความผิดของภูมิใจไทย เรื่องนี้เราเป็นคนเสนอ จะไม่อยากให้ผ่านได้อย่างไร

พท.เตะตัดขา‘นายกฯ’ลงพื้นที่

ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทย(พท.) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทยาผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ดของพรรค พท.กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเตรียมเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการร่วมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ จ.สิงห์บุรีและคาดว่าจะลงพื้นที่ถี่ก่อนยุบสภา โดยกฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)มีรายละเอียดชัดเจนว่าห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆได้ว่า กฎหมายเลือกตั้ง ที่มีขึ้นในยุค คสช. สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมืองหรือไม่

ใช้ทรัพยากรรัฐเอาเปรียบการเมือง

“การที่พล.อ.ประยุทธ์สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐทั้งรถยนต์ของรัฐเครื่องบินของรัฐไปพบปะผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้งบประมาณหรือกระทำการอื่นใดที่อาจจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมืองซึ่งดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์จะไม่สำนึก ยังคงเดินหน้าทำต่อไป ยืนยันได้จากการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่จะไปสังกัด เป็นเลขาธิการนายกฯซึ่งคนเขาเคลือบแคลงสงสัยว่าขัดมารยาททางการเมือง”น.ส.ชญาภาระบุ

และว่านอกจากนั้นการที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ยังไม่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้หลายเรื่องแต่เตรียมเปิดตัวจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดมารยาททางการเมืองเป็นอย่างมาก กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ในจิตใจของผู้นำประเทศ มีความสำนึกหรือละอายทางการเมืองหรือไม่

ซัด‘บิ๊กตู่’ลงพื้นที่ถี่ฝืนกฎเหล็กกกต.

น.ส.ชญาภ ยังระบุอีกว่าในระหว่างที่มีกฎเหล็ก กกต.180 วันอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรมีมารยาททางการเมืองไม่ควรริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้ ที่จะสร้างภาระงบประมาณให้รัฐบาลหน้า, ไม่โยกย้ายข้าราชการ เพื่อจัดวางคนสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และควรระมัดระวังในการใช้จ่ายงบกลางในช่วงใกล้สิ้นสุดรัฐบาล หากประเมินความพร้อมพรรคตั้งใหม่ไม่ได้มีบิ๊กเนม (Big name)มีแต่โอลด์เนม(Old name)เข้าไปสมทบต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ประชาชนจะยอมรับ ซึ่งจากผลสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนิด้าโพลครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธ.ค.2565พบว่าบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในวันนี้อันดับ1ร้อยละ 34คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ได้เพียงร้อยละ14.05 เป็นเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์เร่งลงพื้นที่หรือไม่ อยู่มา8ปีไม่ค่อยลงพื้นที่ถี่ เหมือนตอนนี้ ผลงานไม่โดดเด่นจึงได้คะแนนนิยมน้อยขนาดนี้

เย้ยหวังสร้างคะแนนเพิ่มคงยาก

“เหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่าที่จะหมดอายุสภาและพล.อ.ประยุทธ์ คงลากยาวให้นานที่สุด แต่ก็คงยากที่ จะสร้างคะแนนเพิ่มขึ้นมาได้ ตามกฎโน้มถ่วงทางการเมืองและจากการลงพื้นที่รับฟังปัญหา พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ซึ่งชีวิตลำบากมากจากปัญหาเศรษฐกิจ พวกเขาต่างเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่เข้ามาแก้ปัญหาความทุกข์ยาก คืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพวกเขาได้”น.ส.ชญาภา กล่าว

รบ.ยันนายกฯไม่เอาเปรียบพรรคอื่น

ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมลงพื้นที่เอาเปรียบทางการเมืองว่าเป็นการปฏิบัติราชการของนายกรัฐมนตรีที่มีความห่วงใยใกล้ชิดและรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ได้เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองแต่อย่างใด โดยพล.อ.ประยุทธ์ระมัดระวังมารยาทและรักษาหลักเกณฑ์กติกาตามกฎหมาย เพราะแม้สถานการณ์การเมืองจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่การแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนยังต้องดำเนินต่อไป เป็นเรื่องของการบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่บริหารการเมือง

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและรับฟังการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนจากพื้นที่ โดยล่าสุดกำหนดการลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี เป็นการไปตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี ซึ่งหากจำกันได้พื้นที่จ.สิงห์บุรีนั้นเคยประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา และยังได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม“ข้าวรักษ์โลก” โดยโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เป็นนโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร เป็นแนวทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกร ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลสุขภาพของผู้บริโภค การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยตรง เป็นการทำภายใต้กรอบกติกากฎหมายและมารยาททางการเมือง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยไม่ต้องเป็นห่วงพล.อ.ประยุทธ์ แต่ควรห่วงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า

วิปรบ.มั่นใจซักฟอกม.152ไม่ถึงยุบสภา

ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ว่าทางรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดวัน แต่วิปรัฐบาลเห็นว่าควรจะอภิปรายในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้และใช้เวลา2วัน มั่นใจว่าการอภิปรายในครั้งนี้ไม่นำไปสู่การยุบสภา ตามที่ฝ่ายการคาดการณ์อย่างแน่นอน เพราะฝ่ายรัฐบาล มีความพร้อมในการชี้แจง รัฐบาลขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ว่าการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้จะนำไปสู่การยุบสภา ขอย้ำว่า เป็นไปไม่ได้เพราะฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อมในการชี้แจง

ศึกสุดท้ายให้ปชช.ตัดสินก่อนเลือกตั้ง

การอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้านจึงอยากให้เตรียมข้อมูลให้พร้อมในการอภิปรายซักถาม ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ได้ย้ำไปยังรัฐมนตรีว่า ให้เตรียมผลงานในการชี้แจงเพราะครั้งนี้เหมือนเป็นการดีเบต ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล แล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานในบทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้การอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายอย่างแท้จริง อย่านำเรื่องส่วนตัว หรือวาทะกรรมมาพูด ซึ่งวิปรัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือและจะไม่ขัดขวางการอภิปรายใด ๆ”รองประธานวิปรัฐบาล กล่าว

ฝ่ายค้านให้ถล่มแค่2วัน/สลับรบ.ชี้แจง

นายชินวรณ์ กล่าวว่าในเรื่องเวลาอภิปราย ทางวิปรัฐบาลได้เกริ่นกับฝ่ายค้านไปแล้ว เพราะเราได้ดูการอภิปราย เพื่อเสนอแนะการบริหารของคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ให้ใช้เวลา 2 วัน เพราะไม่ใช่การอภิปรายตามมาตรา 151เพื่อลงมิติไว้วางใจ ที่จะต้องอภิปรายให้ครบทุกคน แต่กรณีนี้เป็นข้อเสนอแนะ ควรให้สิทธิ์ทางฝ่ายค้าน และรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ตามข้อบังคับ โดยต้องสลับการชี้แจงทั้งสองฝ่ายเท่ากัน แต่ทั้งหมดก็ต้อง พูดคุยกันตามที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นัดหมาย

‘ก้าวไกล’ตามบี้ปมอธิบดีอุทยานฯ

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลแถลงว่าได้ติดตามกรณีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชซึ่งมีข้อสังเกตว่าในวันจับกุมที่ห้องทำงานของอธิบดีฯ ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงอาการปกป้องอย่างออกหน้าออกตา เมื่อเห็นพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาของอธิบดีฯแบบนั้นแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีการแถลงข่าวออกมาจากกรมอุทยานฯ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)บัดนี้ยังไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงต้องตั้งคำถามถึงรมว.ทส. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่รีบออกคำสั่งโยกย้ายอธิบดีฯซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มีสานสัมพันธ์กับใครบ้าง

สงสัยทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้าน

พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าในแง่กฎหมายการที่ตำรวจไปออกหมายค้นที่ทำงานและได้หลักฐานสำคัญ มีคำถามว่า ทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักของอธิบดีฯด้วย ที่นอกจากจะเจอสิ่งสำคัญที่ห้องทำงานแล้ว ยังมีที่บ้านอีกหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ว่าทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักอธิบดีฯคนดังกล่าว เพราะหากเทียบเคียงกับกรณีของชาวบ้านจะมีวิธีการที่ค่อนข้างแตกต่างกันรัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปมาเพื่อจะได้ไม่มีข้อกังขา

ขู่‘ท็อป’เจอชุดใหญ่ซักฟอกม.152แน่

อย่างไรก็ดี นายประเสริฐพงษ์ยังกล่าวอีกว่าขอฝากไปยัง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯว่าท่านจะเจอชุดใหญ่แน่นอน ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นายวราวุธ จะเจอชุดใหญ่ เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญหาเกิดจากบรรดาข้าราชการระดับสูงของประเทศจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น