คอลัมน์ ยานยนต์
บททดสอบร้อนแรง‘2สปอร์ตคาร์’ – ร้อนแรงกันตั้งแต่ต้นปี กับค่ายรถยนต์ระดับหรูภายใต้กลุ่มธุรกิจ มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ ‘เอ็มจีซี-เอเชีย’ ด้วยการจัดทดสอบรถสปอร์ตสุดหรูทั้ง ‘แอสตัน มาร์ติน’ และ ‘มาเซราติ’ ในช่วงเวลาติดๆ กัน โดยใช้เส้นทางเดียวกันเป๊ะ
นัดเจอกันที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำ ย่านเจริญกรุง ขึ้นทางด่วนที่ถ.จันทร์ วิ่งเป็นวงกลมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนทางด่วน แล้ววกกลับลงทางถ.จันทร์ กลับสู่จุดสตาร์ต รวมระยะทางประมาณ 25 ก.ม.
ถามว่าเพียงพอไหม หลายคนอาจจะบอกว่าดูน้อยไปนิด แต่เอาเข้าจริงบอกได้เลยว่าพอจะจับบุคลิกอารมณ์สปอร์ตสุขุมของ ‘แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส ซูเปอร์เลจเจรา’ ตัวแรงสุด หรูสุด ในสายการผลิต เพื่อเฉลิมฉลองการหวนคืนสู่สนามแข่งฟอร์มูล่า วัน
หรือความดุดันดื้อพยศของ ‘มาเซราติ กิบลี ไฮบริด’ รถสปอร์ตสัญชาติอิตาเลียน ผ่านการขับเคลื่อนแบบผสมผสาน ด้วยขุมพลัง ไมลด์ไฮบริด (Mild Hybrid) ได้อยู่พอสมควร
ก่อนออกเดินทางเดินดูตัวรถกันสักหน่อย ‘แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส ซูเปอร์เลจเจรา’ เป็นยนตรกรรมรุ่นสูงสุด หรือ ‘แฟล็กชิป โมเดล’ ในสายการผลิต ความสง่างามของเส้นสายอัน พลิ้วไหว เข้ากับพละกำลังดุดัน
คำว่า ‘ซูเปอร์เลจเจรา’ (Superleggera) เป็นภาษาอิตาเลียน หรือ ‘Superlight’ ในภาษาอังกฤษ แสดงถึงเทคนิคการผลิตตัวถังน้ำหนักเบาอันเป็นเอกลักษณ์ของสำนัก ‘Touring’ ผู้ผลิตรถยนต์อิตาเลียนระดับตำนาน
โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมผสานคาร์บอนไฟเบอร์ มีความกว้างและบึกบึนกว่า แอสตัน มาร์ติน ทุกรุ่น
เด่นด้วยกระจังหน้า 6 เหลี่ยม เป็นเอกลักษณ์ ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายอากาศ
ตัวถังด้านข้างเจาะช่องระบายอากาศซุ้มล้อหน้า ช่วยจำกัดแรงยกที่เกิดขึ้น พร้อมจัดเรียงอากาศให้ไหลผ่านตัวถังสู่สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์ 2 ชั้น สร้างแรงกดมหาศาลช่วงความเร็วสูง
ห้องโดยสารสะท้อนภาพลักษณ์อันหรูหรา ผสานรายละเอียดสุดประณีตเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ติดตั้งพวงมาลัยหุ้มอัลคันทารา
ระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบนำทางด้วยดาวเทียม แสดงข้อมูลผ่านจอทีเอฟทีกว้าง 8 นิ้ว ผู้ขับสามารถสั่งการผ่านทัชแพด, เสียง หรือการเคลื่อนไหว ขณะที่เบาะหนังแท้เกรดดีที่สุด ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย พร้อมเครื่องเสียง Premium Audio ช่วยสร้างความรื่นรมย์ตลอดการเดินทาง
ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาท พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
แต่ถ้าหากอยากไปให้สุดสามารถอัพเกรดวัสดุ หรือการตกแต่งภายในได้ตามชอบรวมแล้วค่าตัวเพิ่มขึ้นไปสุดอยู่ที่ 35 ล้านบาท
เข้าไปนั่งแป้นตำแหน่งคนขับเบาะนั่งลึกสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยจับกระชับมือ เสียงเครื่องยนต์วี 12 สูบ 5.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ 715 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตัน-เมตร คำรามก้อง
ลักษณะการทดสอบคือมีรถนำเพื่อบอกและเปิดเส้นทางให้แบบไม่จำกัดความเร็ว ก่อนขึ้นทางด่วนถนนย่านนั้นแม้รถไม่มากแต่ก็พลุกพล่านอยู่พอควร
แน่นอนว่ารถลักษณะนี้มีความคล่องตัวอย่างมาก ผนวกกับเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จี๊ดจ๊าดหลังติดเบาะทุกครั้งที่เพิ่มน้ำหนักเท้าบนแป้นคันเร่ง ช่วยให้หลบหลีกเพื่อนร่วมทางได้อย่างสบายมือ
ขึ้นทางด่วนรถบางตาจัดทำความเร็วสูงสุดกันเสียเลย แม้ในสเป๊กจะแจ้งว่าความเร็วที่ทำได้สูงสุดอยู่ที่ 340 ก.ม.ต่อช.ม. แต่ด้วยสภาพการจราจรที่มีให้วันนั้น จัดไปแค่ทะลุ 200 ก.ม.ต่อช.ม. ไปนิดหน่อย
เหลือบเห็นปุ่มตัว S กดเพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ต ที่ว่านอร์มอลสปอร์ตแล้ว โดนโหมดนี้เข้าไปขยับขึ้นไปอีก เพราะไม่ว่าจะเสียงเครื่องยนต์ น้ำหนักพวงมาลัย เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้น
ถึงแม้จะเป็นรถสปอร์ตพันธุ์แท้ แต่ยังมอบความนุ่มนวลไว้ให้อยู่พอประมาณ ไม่ว่าจะทำความเร็วแค่ไหน หรือสาดโค้งแรงปานใด ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร มีแรงเหวี่ยงให้หัวสั่นหัวคลอน
ส่วน ‘มาเซราติ กิบลี ไฮบริด’ ที่ได้ระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพิ่มพลัง เสริมความจัดจ้านในการขับขี่อย่างมาก เผลอกดคันเร่งนิดหน่อยเป็นจะกระโจนไปข้างหน้าอยู่ร่ำไป
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ 48 โวลต์ และอิเล็กทรอนิกส์ซูเปอร์ชาร์จ (e-Booster) กำลังสูงถึง 330 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
ใช้เส้นทางเดียวกันแต่ต่างวันกันช่วงทำความเร็วปลายบนทางด่วน โชคไม่ค่อยดีเพราะการจราจรหนาแน่น แต่พอรับรู้ได้จากการกดคันเร่ง เครื่องยนต์กระชากตัวรถจนหลังกระแทกเบาะ พุ่งไปชิดท้ายรถคันหน้า ที่อยู่ห่างไปหลายสิบเมตรในพริบตา
แม้จะเป็นรถซีดานสุดหรูแต่ช่วงล่างให้อารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด แรงเหวี่ยงจากการเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้ง สัมผัสได้ชัดเจน แต่ไม่มีอาการหน้าดื้อท้ายดิ้นให้ต้องเป็นกังวล
ดีไซน์ภายนอกเหมือนรุ่นกิบลีปกติ แต่ใช้สีน้ำเงินเพื่อแสดงถึงความเป็นรุ่นไฮบริดที่ช่องระบายอากาศด้านข้าง สัญลักษณ์สายฟ้าของโลโก้ตรีศูลบริเวณเสาซี รวมถึงตะเข็บของเบาะ
กระจังคล้าย ‘ส้อมเสียง’ (Tuning Fork) เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีเสียงใสชัด ติดตั้งไฟหน้าแบบ Adaptive Full-LED Matrix Headlights และประตูแบบ soft close
ตกแต่งห้องโดยสารด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม พวงมาลัยแบบสปอร์ต เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง พร้อมการบันทึกตำแหน่งฝั่งผู้ขับ ลายไม้ Radica Open Pore
ทัชสกรีนอเนกประสงค์ 10.1 นิ้ว MTC (Maserati Touch Control) ชุดเครื่องเสียงลำโพง 8 ตำแหน่ง
เชื่อมต่อโลกดิจิทัลครบวงจร ผ่านโปรแกรม Maserati Connect และ Maserati Intelligent Assistant โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจาก Android Automotive
รูปลักษณ์โดดเด่นการขับขี่เร้าใจมาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท