ตอน 6 มาแล้ว!! รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และการประท้วงขับไล่โดย กปปส. – สยามรัฐ

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟสบุ๊คเกี่ยวกับบทควาาม ตอนที่ 6 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และการประท้วงขับไล่โดย กปปส. โดยระบุว่า

ตอนที่ 6 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และการประท้วงขับไล่โดย กปปส

หลังจากมีการยุบสภา ทักษิณได้ใช้พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการจดทะเบียนตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2550 มาเป็นพรรคการเมืองพรรคใหม่ที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแข่งกับพรรคที่เป็นรัฐบาลคือพรรคประชาธิปัตย์

มีข่าวเป็นระยะๆว่า ทักษิณจะส่งคนนั้นคนนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี มีชื่อแม้แต่ รตอ เฉลิม อยู่บำรุง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นน้องสาวซึ่งไม่ประสีประสาในทางการเมือง ยิ่งไม่ประสีประสาในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เข้าแข่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้เป็นผู้สมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อในอันดับที่ 1 ในขณะที่หัวหน้าพรรคคือคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ อยู่ในอันดับ 2

คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นผู้ที่ ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการปลัดกระทรวง ได้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่ดิน สนามกอล์ฟอัลไพน์ เนื่องจากเป็นที่ธรณีสงฆ์ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทักษิณ ซึ่งซื้อสนามกอล์ฟอัลไพน์มาจากกลุ่มคุณเสนาะ เทียนทอง

พรรคเพื่อไทย หาเสียงโดยใช้สโลแกน

“ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” สิ่งที่ทักษิณคิดที่เป็นนโยบายที่แตกต่างจากครั้งพรรคไทยรักไทยก็คือ นโยบายคืนภาษีสรรพสามิตรถคันแรก และนโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ในราคาตันละ 15,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดถึง 50% นอกจากนี้ยิ่งลักษณ์ยังประกาศในการหาเสียงว่าจะลดราคาน้ำมันลงด้วย

แน่นอนว่า ด้วยการหาเสียงด้วยการประกาศนโยบายแบบนี้ พรรคประชาธิปัตย์ย่อมพ่ายแพ้อีกเช่นเคย

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด อายุเพียง 44 ปี

คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีลักษณะไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดอื่นๆที่ผ่านมา มีการให้ตำแหน่งตามโควต้าของแต่ละมุ้ง แต่ละกลุ่ม และแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนอกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว มีพรรคอื่นๆอีก 5 พรรค มีลักษณะของการต่างตอบแทนที่ชัดเจน มีคุณเบ็ญจา หลุยเจริญ อดีตรองอธิบดีกรรมสรรพากร ผู้ที่ลงความเห็นว่ากรณีขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษี คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแน่นอน ย่อมต้องมีรัฐมนตรีที่มาจากกล่ม นปช นั่นคือ คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

แม้จะดูว่า เป็นการสืบทอดอำนาจ ภายในเครือญาติของทักษิณด้วยวิธีเลือกตั้ง แต่ทุกคนก็ให้โอกาสรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้บริหารประเทศไปก่อนโดยไม่มีการชุมนุมขับไล่แต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ด้วยความที่ไม่เคยเป็นนักการเมือง ไม่เคยเข้าใจเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินมาก่อน ย่อมมีความประหม่า ปล่อยไก่บ้าง อ่านสุนทรพจน์ผิดบ้างถูกบ้าง ยิ่งพูดภาษาอังกฤษยามแขกบ้านแขกเมืองมาเยือน พูดผิดๆถูกๆ จนเป็นที่ขบขันกันทั้งบ้านทั้งเมือง

การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ เริ่มแรกดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จ นโยายคืนภาษีสรรพสามิตสำหรับรถคันแรก ดูจะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม ยอดขายรถราคาปานกลางของทุกค่ายรถยนต์ ล้วนพุ่งกระฉูด ใครๆก็อยากซื้อรถแล้วได้เงินคืน เสมือนได้ลดราคา 40,000-100,000 บาทต่อคัน บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ร่ำรวยไปตามๆกัน

อย่างไรก็ดี นโยบายรถคันแรก เป็นเพียงเครื่องมือเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงโดยไม่คำนึงถึงผลลบที่อาจจะตามมา เพราะในจำนวนยอดซื้อรถ 1.2 ล้านคันนี้ เป็นการย้ายอุปสงค์จากอนาคตมาสู่ปัจจุบันส่วนหนึ่ง และเป็นการสร้างอุปสงค์เทียมอีกส่วนหนึ่ง

การย้ายอุปสงค์ในอนาคตมาสู่ปัจจุบัน เป็นการทำให้เกิดภาวะบิดเบี้ยวของตลาดรถยนต์ ทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และลดลงอย่างฮวบฮาบในปีถัดไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อการวางแผนการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งความผันผวนนี้กระทบต่อการจ้างแรงงานอย่างมาก มีการจ้างและเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก

อุปสงค์เทียม คือ ยอดซื้อของผู้ที่ไม่ได้คิดจะซื้อรถมาก่อน แต่มาตัดสินใจซื้อเพราะมีนโยบายรถคันแรก กรณีนี้นอกจากส่งผลกระทบในการวางแผนการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว ผู้ที่ซื้อรถกลุ่มนี้ มีเป็นจำนวนมากที่ ในที่สุดไม่มีรายได้พอจะผ่อนชำระได้ ต้องถูกยึดรถ ซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขที่ต้องครอบครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงต้องคืนเงินซึ่งนำมาใช้จ่ายหมดแล้วกลับคืนให้รัฐ กลายเป็นวิบากกรรมประเภทหนึ่ง

ความเสียหายจากนโยบายรถคันแรก กลายเป็นความเสียหายแบบเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดจากนโยบายรับจำนำข้าว หากจะกล่าวว่า ความเสียหายจากนโยบายรับจำนำข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นความเสียหายที่มากที่สุดยิ่งกว่าความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นจากนโยบายที่ ผ่านมาของทุกรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลทักษิณเอง ก็คงไม่ผิดความจริงไปแต่อย่างใด

ยังมีต่อ โปรดติตตาม