ตลาดรถเช่าต่างจังหวัดดิ้นหนีตาย ตัดราคากว่า 70% เดินสายประมูลข้ามเขต – ประชาชาติธุรกิจ

ผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าทั่วไทยแห่ดิ้นหนีตาย อัดโปรฯ-ตัดราคาลงกว่า 70% หลังยอดใช้บริการลดวูบ 80%ลดค่าเช่ารถยนต์ราคาหลักล้านจาก 1,500 บาท/วัน เหลือ 399 บาท/วัน

ด้าน “รังทองทัวร์-รถเช่า” เจ้าใหญ่พิษณุโลก ปรับตัวเดินสายชิงงานประมูลระยะยาวข้ามภาค “เชียงใหม่-ภูเก็ต-กระบี่-ขอนแก่น” กดราคารถเช่ารายปีเหลือ 12,000 บาท/เดือน

นายธรรมนูญ รังทอง เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดรังทองทัวร์-รถเช่า ผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่ารายใหญ่ในจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ส่งผลกระทบต่อยอดการเช่ารถเป็นอย่างมาก ยอดการเช่ารถเช่าขับเอง ลดลง 20-30% และรถเช่าพร้อมคนขับ ลดลง 80% ได้มีการปรับตัวแบ่งสัดส่วนยอดขายใหม่จากเดิม เช่ารถระยะสั้น 60% และการเช่ารถระยะยาว 40% เปลี่ยนเป็นเช่ารถระยะสั้น 50% รถเช่าระยะยาว 50%

“ภาพรวมตลาดรถเช่าพร้อมคนขับหายไปกว่า 80% เพราะว่าประชาชนไม่เดินทาง ไม่มีนักท่องเที่ยว และไม่มีการจัดงานประชุมสัมมนา ประกอบกับทางภาครัฐไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัด

ในส่วนของรถเช่าขับเองพอมียอดการใช้อยู่ลดลงเพียง 20-30% เนื่องจากยังมีประชาชนบางกลุ่มที่จำเป็นต้องเดินทาง แต่เป็นเดินทางแบบส่วนตัวมากขึ้น ตอนนี้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟ รถทัวร์ เครื่องบินลดลงอย่างชัดเจน”

ตอนนี้ซัพพลายเท่าเดิม แต่ดีมานด์ลดลง ผู้ประกอบรถเช่าตั้งแต่ขนาดใหญ่ลงมาจนถึงขนาดเล็ก มีการแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด เรียกว่าเป็นการแข่งขันธุรกิจแบบหนีตาย

โดยเฉพาะบริษัทรถเช่าหรือรถทัวร์ขนาดใหญ่มีการอัดโปรโมชั่นหนักมาก อาทิ เช่ารถอีโคคาร์จากเดิมราคา 600-700 บาทต่อวัน ลดเหลือ 299 บาทต่อวัน, รถยนต์ราคาหลักล้าน จากเดิมราคา 1,500 บาทต่อวัน ลดเหลือ 399-499 บาทต่อวัน

และจากเดิมราคา 16,000 บาทต่อวัน เหลือ 699 บาทต่อวัน ซึ่งคิดว่าราคานี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย โควิดทำให้ผู้ประกอบการต้องรักษากระแสเงินสดไว้

“ปัจจุบันเกิดสงครามราคา ซึ่งการทำธุรกิจแบบนี้ทุกคนไม่ชอบ แต่ว่าทุกคนก็ต้องเอาตัวรอดโดยการลดค่าเช่าเพื่อหากระแสเงินสดเข้ามา ซึ่งเป็นการแข่งราคาค่าเช่าที่ลดลง

และมีการจัดโปรโมชั่นเพื่อจูงใจให้ลูกค้า แม้จะไม่มีกำไรหรือได้กำไรน้อย แต่ก็ดีกว่าให้รถจอดนิ่งอยู่ที่เต็นท์รถเฉย ๆ เพราะการจอดทิ้งไว้นาน ๆ เราต้องรับภาระการเสื่อมสภาพของรถ

แต่ไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกคนจะทำได้ ในการลดราคาค่าเช่าได้ขนาดนี้ต้องมีเงินทุนในมือพอสมควร ปัญหาคือผู้ประกอบการท้องถิ่นบางรายไม่สามารถแข่งขันได้”

สำหรับการปรับตัว บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดเช่ารถระยะยาวกับทางภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันเน้นการเดินสายประมูลงาน อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ขอนแก่น เรียกได้ว่าที่ไหนมีประมูลเราก็ไป

ต้องยอมรับว่างานประมูลงานระยะยาวมีเสน่ห์กว่างานระยะสั้น เป็นการตุนงานไว้ในพอร์ตก่อน เพราะมองว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีนี้ยังไม่ดีขึ้น อาจจะดีขึ้นกลางปี 2565

ขณะเดียวกันก็มีการจัดโปรโมชั่นเช่นเดียวกัน แต่จะให้ความสำคัญกับการเช่าระยะยาวมากกว่า ราคารถเช่ารายเดือนจากเดิม 18,000-20,000 บาทต่อเดือน ลดเหลือ 15,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่รถเช่าระยะยาวรายปี ลดลงเหลือ 12,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันต้องยอมรับว่ารถเช่าพร้อมคนขับ ยอดค่าเช่าทั้งหมดมาจากประชาชนเช่ารถไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่กรุงเทพฯ ประมาณ 90% อีก 10% มาจากการเช่ารถของภาคเอกชน

ที่ผ่านมาบริษัทต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่ต้องการใช้บริการ ซึ่งตอนนี้พนักงานในบริษัทได้รับวัคซีนครบ 100% แล้ว

ประกอบกับทางบริษัทได้มีการนำรถไปฆ่าเชื้อโดยการอบโอโซนและน้ำยาแอลกอฮอล์เช็ดอุปกรณ์ในรถเป็นการฆ่าเชื้ออีกรอบ คาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่อยากเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือตอนนี้ถ้าอยากให้สถานการณ์ดีขึ้นมีอยู่ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.วินัยการป้องกันโรคของประชาชนทุกคนควบคู่กับการฉีดวัคซีน ซึ่งประชาชนบางกลุ่มยังกลัวไม่กล้าฉีด

ทำให้จำนวนคนฉีดวัคซีนน้อยลง หากใครที่ฉีดแล้วต้องมีการป้องกันตัวมากขึ้น และถ้ามีการติดเชื้อน้อยลง อุตสาหกรรมการผลิต หรืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นแน่นอน

2.ยกเว้นเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ 3-5 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินจ่ายค่าแรงพนักงาน ถ้าหากงดจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยด้วยจะดีมาก 3.ค่าจ้างพนักงาน รัฐบาลต้องช่วยจ่ายค่าจ้างพนักงาน โดยรัฐบาลจ่าย 50% นายจ้างจ่าย 50%

“สำหรับมาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐออกมา เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และประนอมหนี้กับบริษัทลีสซิ่ง, บริษัทสินเชื่อ และธนาคารต่าง ๆ เรามองว่ามาตรการช่วงโควิด-19 รอบแรกดีมากที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 3 ดือน

แต่ปัญหาคือ บริษัทลีสซิ่งอยู่ได้เพราะดอกเบี้ย เขาก็อาจจะอยู่ไม่ไหวเหมือนกัน สถานการณ์ตอนนี้หากมีการลากยาวไปจนถึงสิ้นปี

อาจจะทำให้หลายกิจการด้านท่องเที่ยวปิดตัวกันมากขึ้น ต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้ของทั้งประเทศ เกิดเงินหมุนเวียนได้หลายภาคส่วน”