ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีสูญเงินมากถึง 365,000 ล้านดอลลาร์หลังจากบริษัทเทสลาประกาศงดรับบิทคอยน์ซื้อรถยนต์เหตุวิตกด้านสิ่งแวดล้อม ฉุดให้ราคาบิทคอยน์ทรุดตัวลงในการซื้อขายช่วงเช้าของวันนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่บิทคอยน์เท่านั้นที่เคลื่อนไหวในแดนลบ คริปโตเคอร์เรนซีอย่างอีเธอร์และ XRP ก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)ของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เทสลาได้ตัดสินใจงดรับสกุลเงินบิทคอยน์ในการซื้อรถยนต์ของบริษัท โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการที่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลในการขุดเหรียญบิทคอยน์
ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงทันที โดยล่าสุด เมื่อเวลา 07.27 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ราคาบิทคอยน์ดิ่งลง 5,073 ดอลลาร์ หรือ 9.30% แตะที่ 49,467 ดอลลาร์
นายมัสก์ กล่าวว่า เทสลาจะไม่ขายบิทคอยน์อีกในระยะนี้ และจะใช้บิทคอยน์ในการทำธุรกรรมก็ต่อเมื่อการขุดบิทคอยน์จะปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่ยั่งยืนกว่า
“เรากำลังมองหาเงินคริปโตสกุลอื่นๆ ที่ใช้พลังงานในการทำธุรกรรมน้อยกว่าบิทคอยน์ สกุลเงินคริปโตเป็นแนวคิดที่ดีและเป็นความหวังของอนาคต แต่เป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าหากต้องแลกกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม” นายมัสก์ กล่าว
ข้อมูล่าสุดจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า ปัจจุบันการขุดเหรียญบิทคอยน์ต้องใช้พลังงานเทียบเท่ากับที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เคยใช้ทั้งปี 2562
“เรากังวลเรื่องการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในปริมาณที่สูงขึ้นเพื่อขุดและทำธุรกรรมเหรียญบิทคอยส์ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงจากถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีการปลดปล่อยมลพิษมากที่สุด” นายมัสก์กล่าว
ทั้งนี้ บิทคอยน์จะถูกสร้างขึ้นเมื่อคอมพิวเตอร์แรงสูงต้องทำงานแข่งกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยปัจจุบันกระบวนการที่ต้องใช้พลังงานมากเช่นนี้จะต้องพึ่งพาการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ่านหิน