‘ณัฐวุฒิ’ กรุยทางนำทัพ ‘คาร์ม็อบ’ ขับวนแยกอโศก-บีบแตรไล่บิ๊กตู่ ‘คนม็อบ’ ชู 3 นิ้วส่งใจ
เมื่อวันที่ 6 กันยายน สืบเนื่อง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ “อ.ห.ต.” และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดหมายชุมนุม “ตราบที่ประยุทธ์ยังอยู่ประชาชนก็ยังสู้” ที่แยกอโศกมนตรี เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ระหว่างเวลา 16.00-20.00 น. เป็นวันที่ 3
โดยการชุมนุมวันนี้มีการปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อเชื่อมผสานระหว่าง “คนม็อบ” กับ “คาร์ม็อบ” กล่าวคือ นายณัฐวุฒิได้นัดหมายอีกหนึ่งจุดที่แยกราชประสงค์ เพื่อนำขบวน “คาร์ม็อบ” ขับผ่านถนนสุขุมวิท และบีบแตรยาวๆ เมื่อผ่านแยกอโศก (จุดชุมนุมหลัก) ซึ่งจะขับวนไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายนั้น
เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งส่วนมากสวมใส่เสื้อสีแดง ขับรถยนต์และขี่รถจักรยานยนต์มารวมตัวหน้าห้างบิ๊กซี และบนถนนราชดำริ โดยจอดรถริมทางเท้าทั้งฝั่งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และฝั่งบิ๊กซี ระหว่างนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ปทุมวัน และ สน.ลุมพินี กระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์รอบบริเวณ
นอกจากนี้ยังมีทีมการ์ดวีโว่ตั้งจุดดูแลความปลอดภัยใต้สะพานลอยฝั่งห้างเกษร พลาซ่า
เวลา 15.45 น. บรรยากาศทั่วไป ผู้ชุมนุมซื้อธงสีแดงและธงราษฎรมาประดับรถ ด้าน “ป้าเป้า” สตรีสูงวัยขวัญใจกลุ่มราษฎร นั่งรถซาเล้งมาร่วมชุมนุม มีการเปิดเพลงรักคนเสื้อแดง พร้อมโยกย้ายส่ายสะโพก
เวลา 15.49 น. รถที่ร่วมขบวนเคลื่อนไปยังแยกราชประสงค์ พร้อมบีบแตรเรียกผู้ชุมนุมให้ขับตามมาสมทบ ก่อนจัดรูปขบวน นำโดยรถป้าเป้า รถจักรยานยนต์ และรถยนต์
เวลา 16.02 น. “ป้าเป้า” กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะสู้จนกว่าจะตายกันไปข้าง แม้จะเป็นประชาชนคนธรรมดา แต่ไม่ยอม เพราะอะไร เพราะประยุทธ์ทั้งกด ทั้งขี่ คนจนไม่มีที่จะยืน ลูกหลานเราก็ไม่มีการศึกษา คุณทำอะไรของคุณ
“บริหารแบบนี้อีก 20 ปีก็ไม่มีกิน ภาษาอังกฤษก็พูดไม่เป็น สปีก (speak) ได้เปล่า บริหารห่วย จะเอาอะไรไปแข่งกับต่างประเทศ ทั้งโกง ทั้งกู้ พ่อแม่บางคนจน จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อคอมพิวเตอร์ให้ลูกเรียน ท้าให้ออกมาก็ไม่ออกมา” ป้าเป้ากล่าว และว่า แม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่กลัว ยังมีหน้ามาแถอีกว่า ‘ผมผิดอะไร’
เวลา 16.09 น. นายณัฐวุฒิเดินทางมาถึงโดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการชุมนุมวันนี้ ว่าพยายามผสานจุดแข็งของคาร์ม็อบ ที่พาคนข้ามพ้นข้อจำกัดเรื่องโควิดได้ ซึ่งโควิดยังเป็นประเด็นสำคัญในการเข้าร่วม
จากนี้ไปจึงจะมีการสร้างโมเดลใหม่ เคลื่อนขบวนไปที่แยกอโศก เพื่อดูว่าคาร์ม็อบและคนม็อบเพื่อเป็นการผสมศึก ใช้อโศกเป็นฐานที่มั่น ภายในสัปดาห์นี้จะได้เห็นรูปแบบที่แน่ชัด
“สถานการณ์ยังไม่เอื้อให้ปักหลักเหมือน 10 กว่าปีที่แล้ว ที่การชุมนุมเกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่พันธมิตรถึง กปปส. คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน ประกอบกับ พลังในส่วนภูมิภาคยังไม่สามารถมาร่วมการชุมนุมใน กทม.ได้ ถ้าอยู่ 3-4 ชม. แล้วกลับ เขาลำบาก เพราะขาดความต่อเนื่อง แต่ด้วยโควิดที่แม้ผมอยากออกไปหาพี่น้องในต่างจังหวัดก็ยังลำบาก รัฐมีวิธี เราก็มียุทธวิธีที่เคลื่อนไหวให้ได้ภายใต้ข้อจำกัด
เราใช้อโศกเป็นฐานที่มั่นเพื่อสะสมกำลัง แสดงพลังกดดัน พล.อ.ประยุทธ์อย่างแน่นอน แต่ในช่วงนี้ต้องให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจรูปแบบการชุมนุม และการมีส่วนร่วม” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า จากการประเมิน 2 วันที่ผ่านมา ทีมงานพอใจ เห็นพัฒนาการ เห็นปริมาณที่เพิ่มขึ้น การแสดงออกร่วมของคนหนุ่มสาวและผู้ใหญ่ หลังจากนี้ จึงกำหนดแนวทางใหม่เพื่อดูทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
“พล.อ.ประยุทธ์ ใจเย็นๆ เราได้เจอกันแน่ ตอนนี้ประชาชนสู้ 2 เรื่อง คือสู้กับอำนาจรัฐ และสู้กับโควิด สิ่งที่ต้องทำคือแสดงความมุ่งมั่น ใช้ความคิดในการพัฒนารูปแบบ”
2 ครั้งที่ผ่านมาเรามาถูกทาง และพอใจ เพียงแต่ก่อนถึงนัดหมายสำคัญ ต้องทำให้แต่ละกลุ่มมีพื้นที่แสดงออก เข้ามาเป็นเจ้าของการต่อสู้ร่วมกัน ให้ทุกคนเข้าใจว่าการมาแยกอโศกคือการแสดงเจตนารมณ์มุ่งมั่น” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ในส่วนของเยาวชนทะลุแก๊ซ ตนมีความห่วงใยเยาวชน รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่อยู่ละแวกนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย เราเคารพแนวทาง
ฝากไปถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่า เยาวชนเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยคือคนที่มีบาดแผลชีวิตจากโควิด-19 ทราบว่าหลายคนสูญเสียคนในครอบครัวจากโควิด บางคนตกงาน สิ้นเนื้อประดาตัว ต้นทุนต่ำอยู่แล้ว ก็ติดลบ มองไม่เห็นหนทางลืมตาอ้าปาก ความคับแค้นเหล่านี้ บางคนอาจเลือกแสดงออกต่างกัน รัฐต้องใช้ความอดทนอดกลั้นให้มาก พวกผมยึดแนวทางสันติวิธี และเสนอแนวทางนี้กับทุกกลุ่ม รวมถึงเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐด้วย การใช้อารมณ์ โทสะ การใช้กฎหมายถึงขั้นกลั่นแกล้งกัน ขอให้ระมัดระวัง
“การยิงเยาวชนที่ สน.ดินแดง ความจริงก็ยังไม่ปรากฏต่อสาธารณชน การเอาความจริงมาเปิดเผยจะแสดงความจริงใจของประชาชน และลดความขัดแย้งได้ ส่วนเรายึดแยกอโศก ประสานงานเจ้าหน้าที่ ลดเงื่อนไขการปะทะทุกกรณี ดูกันไป 2-3 วันประเมินที แล้วนัดใหญ่” นายณัฐวุฒิกล่าว
จากนั้นเวลา 16.28 น. นายณัฐวุฒิเดินไปขึ้นรถกระบะ ก่อนนำเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบ จากแยกราชประสงค์ โดยเลี้ยวซ้ายวิ่งบนถนนเพลินจิต ผ่านถนนสุขุมวิท
โดยผู้ร่วมขบวนได้เปิดไฟกะพริบ และบีบแตรตลอดการเคลื่อนขบวน ซึ่งนำโดยรถจักรยานยนต์ที่มีการชูธง นปช.และธงราษฎร ต่อด้วยขบวนรถยนต์ ทั้งนี้ มีรถประดับธงไพรด์สื่อถึงความเท่าเทียมหลากหลายทางเพศ ขับปิดท้ายขบวนอีกด้วย
เวลา 16.44 น. ขบวนถึงแยกอโศกมนตรี ผู้ชุมนุมบีบแตรลากยาว ขณะที่ผู้ชุมนุมซึ่งปักหลักหน้าเวทีใหญ่แยกอโศกต่างชู 3 นิ้วส่งกำลังใจ
ต่อมาเวลา 16.48 น. ขบวนคาร์ม็อบของนายณัฐวุฒิได้มุ่งหน้าต่อบนถนนสุขุมวิท ผ่านสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ก่อนกลับรถบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์
ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดเพลง “เราคือเพื่อนกัน” ของวงสามัญชน สร้างสีสันขณะเคลื่อนขบวน
เวลา 16.58 น. หัวขบวนผ่านแยกอโศกมนตรีรอบที่ 2 ผู้ชุมนุมยังคงยืนปักหลักชู 3 นิ้ว ก่อนเคลื่อนบนถนนสุขุมวิทอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิระบุว่า จะมีการขับวนบนถนนสุขุมวิทผ่านแยกอโศก จำนวน 2-3 รอบ เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางให้ผู้ชุมนุมสามารถขับรถมารวมตัวโดยไม่มีแกนนำในลักษณะเดียวกันนี้ เวลา 16.00 น. ของวันต่อๆ ไป
ต่อมาเวลา 17.03 น. หัวขบวนกลับรถที่แยกนานา วิ่งบนถนนสุขุมวิท ถึงแยกอโศกเป็นรอบที่ 3 ในเวลา 17.05 น. ก่อนบีบแตรลากยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มแรงงานก่อสร้างข้ามชาติ พนักงานออฟฟิศ ไปจนถึงประชาชนที่สัญจรบนทางเท้า ร่วมบันทึกภาพ และชู 3 นิ้วให้ผู้ชุมนุมที่ร่วมขบวนตลอดทาง นอกจากนี้ ยังมีชายต่างชาติร่วมยืนชู 3 นิ้วที่แยกอโศก และบันทึกภาพอีกด้วย ขณะที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ขี่รถจักรยานยนต์ตามท้ายขบวน
โดยเวลา 17.10 น. ขบวนคาร์ม็อบยังคงวิ่งต่อบนถนนสุขุมวิท ผ่านแยกสวัสดี, บีทีเอสพร้อมพงษ์ (รอบที่ 2) มีผู้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ให้ขบวนตรงไปพระโขนง ระหว่างนี้มีการเปิดเพลงหมอลำ และบีบแตรตามจังหวะดนตรีอย่างครึกครื้น
Discover the panel d…
This website uses cookies.