“เมื่อเราสุขสบาย ความปรารถนามีหมื่นอย่าง แต่เมื่อป่วยไข้ ความปรารถนาเหลืออย่างเดียว”
ประชาชนแทบทุกแห่งทั่วโลกกำลังหาวิธีเอาตัวรอดให้พ้นวิกฤติโรคร้ายครั้งนี้ แต่ละประเทศเจอสิ่งท้าทายและชะตากรรมไม่เหมือนกัน บางแห่งมีทรัพยากรมากและองค์ประกอบสมบูรณ์ ก็เริ่มฟื้นตั้งตัวทางเศรษฐกิจได้ แม้ยังไม่พ้นภัย แต่ก็มีความหวัง หลายแห่งอยู่ในภาวะที่จนตรอก เพราะขาดการเตรียมตัว หรือสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้แผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยิ่งแก้ยิ่งวุ่น ความสามัคคีที่เคยมี กลับกลายเป็นการติฉินนินทา ต่อว่า ประท้วง เรียกร้องขับไล่ ผู้นำบางคนมีความกล้าหาญ โปร่งใส รับคำตำหนิ และแก้ไขสถานการณ์สุดความสามารถ แต่บางคนเลือกเดินตรงข้าม บิดเบือน ปิดบัง หาทางเอาตัวรอดไปแต่ละวัน
จีนเพิ่งฉลองครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้นำย้ำถึงความสำเร็จซึ่งเป็นผลจากวินัยและความร่วมมือของสมาชิกพรรคซึ่งมีปัจจุบันประมาณ 95 ล้านคน ดูผิวเผินจีนดูเหมือนผ่านพ้นปัญหาโควิด-19 เพราะมีวัคซีนผลิตเอง (Sinovac, Sinopharm)ให้การฉีดต่อประชาชนแล้วเกือบทั่วประเทศ การคาดหวังเติบโตทางเศรษฐกิจ 6-8% ภายในปีนี้ ดูท่าทางจะเป็นไปได้จริง เพราะสินค้าของจีนที่ส่งออกได้รับการตอบสนองสูงมาก อเมริกาซึ่งเป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้าที่สำคัญ สั่งซื้อสินค้ากันใหญ่เพราะเศรษฐกิจอเมริกาเริ่มเปิด เงินในกระแสสะพัด ตู้คอนเทนเนอร์ขาดตลาด ค่าขนส่งจากจีนเข้าสหรัฐฯปัจจุบันสูงกว่าก่อนโควิด-19ถึงสี่เท่า
แต่วิเคราะห์เชิงลึกก็จะเห็นปัญหาหลายอย่างที่ผู้นำจีนต้องกังวลมาก ประชากรที่แก่ขึ้น จำนวนเด็กที่เกิดน้อยลง จีนจะกลายเป็นประเทศที่แก่ก่อนรวย อีกไม่นานจะกลายเป็นคนวัยทำงานหนึ่งคน ต้องหาเลี้ยงคนวัยอาวุโสสามคน
การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการผลิตสินค้าและบริการนั้น อาจดูเหมือนความทะเยอทะยานก้าวไกลไปอนาคตข้างหน้า แต่อีกแง่หนึ่งคือเพื่อความอยู่รอด การใช้เครื่องยนต์แทนแรงงานที่กำลังจะขาดแคลนนั้นเป็นความจำเป็น
โครงการใหญ่ทางเศรษฐกิจและการทหารของจีน ระยะนี้ดูเหมือนกับการรุกและก้าวร้าว แต่นั่นอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์นอกประเทศเพื่อปลุกความรักชาติ จีนคงไม่ต้องการสร้างศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งอาเซียน เมื่อเรารู้ก็ปรับตัวรับและรุก ตามจีนให้ทัน ใช้จีนให้เป็นประโยชน์ และอย่าคิดว่าเราจะต้องรับโทษหรือด้อยกว่าเสมอไป
บทความครั้งที่แล้ว ผมพูดถึงการแข่งขันระหว่างสองมหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกาและจีนในการทำโครงการใหญ่สายโยงเชื่อมเกือบทั่วโลก อเมริกาทุ่มเงินลงทุนใหญ่ ประกาศเดือนที่แล้ว Build Back Better World (B3W) ที่อาจทำได้เพราะโลกยอมรับอเมริกันดอลล่าร์เป็นสกุลสำรองในคลังของแทบทุกประเทศ
ขณะเดียวกันจีนรุดหน้าผลักดันโครงการ Belt & Road Initiative (BRI) ซึ่งเริ่มเมื่อแปดปีที่แล้ว ปลดแอกเงินดอลล่าร์ทีละน้อย ด้วยการสร้างประสิทธิภาพและความเชื่อถือของเงินหยวน โดยการพยายามทำสัญญาซื้อขายเงินสกุลหยวนโดยตรงโดยที่ไม่ต้องผ่านยูเอสดอลล่าร์ แถมด้วยการใช้เทคโนโลยีรับส่งเงินแบบดิจิตอล เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความฉับไว
ความกระตือรือร้นมุมานะของบริษัทเอกชนในจีน ในการทำอุตสาหกรรมหลักหลายอย่างแข่งกับตะวันตก เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้บริโภค รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นถึงความพัฒนาผลิตสินค้าคุณภาพ เพื่อแข่งขันกับทางตะวันตก ซึ่งต่างจากเดิมที่เน้นถึงสินค้าราคาย่อมเยา สัปดาห์นี้หุ้นของ NIO +10.35%, XPENG +4.64%, LI +12.46% เป็นต้น
วัคซีนของอเมริกาทั้งสามยี่ห้อนั้น (Pfizer, Moderna, JNJ) เป็นสิ่งที่โลกปรารถนา เพราะความเชื่อในมาตรฐานซึ่งติดฝังอยู่เป็นค่านิยม ประเทศผู้ซื้อต้องใช้เงินมาก แม้ยอมจ่ายแต่ต้องเข้าคิวรอ กว่าจะส่งมอบได้ก็เป็นปลายปี
จีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาใหญ่ที่สุดในโลก แม้มีวัคซีนที่ผลิตได้รวดเร็วและมีปริมาณมากพอควร แต่ความเชื่อถือในมาตรฐานยังด้อยกว่า ประเทศผู้ซื้อถึงแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือก วัคซีนจีนจึงกลายเป็นสิ่งแก้ปัญหาฉุกเฉิน
เหตุการณ์ปัจจุบันเรื่องวัคซีนเป็นปัญหาตึงเครียดในหลายประเทศ และกลายเป็นประเด็นการเมือง รวมทั้งกำลังเป็นบทเรียนให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการมีความสัมพันธ์กับอำนาจสองขั้ว
มือทั้งสองข้าง ซ้ายและขวามีประโยชน์ หากเราสามารถใช้สองด้านมาประสานงานกัน ก็จะมีผลลัพธ์ที่ดี
หากระบบการเงินโลกไม่ถูกปฏิรูปปุบปับ มหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกทางเศรษฐกิจก็ยังอยู่ในมือของสหรัฐอเมริกา แม้ตัวเลขรวมของจีดีพีจีนจะไล่ตามมาเป็นอันดับสองและจะแซงอเมริกาไป ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาจะสูญเสียตำแหน่งในการเป็นผู้จัดการใหญ่ รายได้เฉลี่ยต่อหัวของอเมริกันยังสูงกว่าจีนหลายเท่า มาตรฐานหลายอย่างรวมทั้งความเป็นอยู่ของอเมริกาสูงกว่าจีนมาก ประเทศในโลกส่วนใหญ่ แม้กระทั่งชาวจีนเองก็ให้ความเชื่อมั่น และหวังพึ่งพาในความมั่นคงที่อเมริกาเป็นผู้นำ
อเมริกาและจีนพึ่งพาอาศัยกัน แม้จะมีการท้าทายรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อจากสองฝ่าย จะเพิ่มหนักหน่วงขึ้น ประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย จะถูกกดดันให้เลือกด้านอยู่เสมอ ข่าวสารจากสื่ออาจแบ่งเป็นสองกลุ่ม เชียร์ด้านใดด้านหนึ่ง แต่ผมมั่นใจว่าเมื่อผู้นำของอเมริกาและจีนมีโอกาสได้พบกันในช่วงหลังของปีนี้ ประเด็นใหญ่หลายอย่างจะเริ่มลงตัว แม้เราจะเห็นการใช้คำพูดเพื่อป้อนผู้บริโภคของประเทศตนเอง แต่การประนีประนอมเพื่อสร้างสรรค์และเลี่ยงการทำลายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
2 ธ.ค.ปีนี้จะมีพิธีเปิดการรถไฟเชื่อมจากคุนหมิง สู่ เวียงจันทน์ (414 kms, $6 billions) ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมากในความสามารถทางวิศวกรรมและการเมืองระหว่างประเทศ ความรวดเร็วของโครงการนี้ เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถภาพและศักยภาพของมหาอำนาจใกล้เรา ความสำคัญของไทยที่เป็นพันธมิตรและคู่ค้า และทางผ่านสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเชื่อมต่อไปพม่า เขมร ลาวและเวียดนาม ทำให้อำนาจการต่อรองของไทยสูงมาก
บ้านเมืองเราป่วยไข้ในปัจจุบัน สิ่งที่เราปรารถนาอย่างเดียวก็คือให้สุขภาพดีขึ้น แต่อีกไม่นานสถานการณ์ผ่านพ้น ความปรารถนาหลายอย่างที่เราตั้งใจไว้ก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ ใช้เวลาช่วงล็อคดาวน์นี้คิดวิเคราะห์การลงทุน ในหลายอุตสาหกรรมที่จะมากับการเปิดประเทศ การลงทุนจากต่างประเทศจะหลั่งไหลเข้ามา อะไรที่ขาดก็จะมีอย่างอื่นมาแทน แม้บางครั้งบ้านเรารู้สึกหดหู่ดูเหมือนเงียบเหงา แต่หลายแห่งก็มีการพัฒนาเกินที่เราคาด เทคโนโลยี 5G ในจีนลงพื้นที่แล้วเป็นจำนวนมาก และอีกไม่นานก็จะขยายมาในภูมิภาค สหรัฐอเมริกาก็ต้องรีบมาสร้างความสมดุล คานอำนาจ
ชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ในไทยมากที่สุด ชาวไทยโพ้นทะเลอยู่ในอเมริกามากที่สุด วางตัวเป็นกลาง รับเต็มๆ ด้วยความฉลาดและความเฉลียว เป็นมิตรที่ดี มีเกียรติและศักดิ์ศรี ไทยรู้คุณค่าของเราเอง มหาอำนาจทั้งสองก็จะปรับตัวตามเราครับ
ดูบทความทั้งหมดของ กฤษฎา บุญเรือง
From inspiring keyno…
This website uses cookies.