Gran Turismo เป็นแฟรนไชส์เกมแข่งรถสมจริงของค่าย Polyphony Digital กับ PlayStation ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนคว้าใจเหล่าเกมเมอร์ แล้วขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเกม Racing โด่งดังไม่มีกี่เกม ที่ใครหลายคนจดจำชื่อเกมนี้ได้
แน่นอน Gran Turismo มีความพิเศษหลายอย่าง ที่ช่วยให้ซีรีส์มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถเข้าไปอ่านได้เลยครับ
อย่างที่เกมเมอร์หลายคนทราบกันดี Gran Turismo เป็นเกมที่มีภาพกราฟิกสวยงามสมจริง และเป็นหนึ่งในเกมที่สามารถงัดประสิทธิภาพกมคอนโซล PlayStation ได้อย่างเต็มกำลัง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ Gran Turismo ทำได้เหนือชั้นพอ ๆ กับความงามของภาพกราฟิก คือด้านความใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยทั้งโมเดลรถยนต์ และสนามแข่งรถ เพื่อให้บรรยากาศของเกมดูทั้งสมจริง พร้อมพิสูจน์ความพยายาม กับแสดงแพชชันของทีมพัฒนาเกมที่ได้ใส่หัวใจลงไปในเกม
ในมุมมองส่วนตัว แม้ Gran Turismo 7 มีคอนเทนต์รถยนต์กับสนามแข่งในช่วง Day 1 ที่น้อยกว่าเกมภาคเก่า แต่เนื่องจากรถยนต์ทุกคัน ทุกสนามแข่งมีความใส่ใจในรายละเอียดสูงมาก โดยมีข้อเสียหรือจุดตำหนิที่เล็กน้อย สามารถมองข้ามข้อเสียไปได้นั้น ก็นับว่าสิ่งที่สามารถยอมรับกันได้ เพราะสุดท้ายแล้ว คุณภาพย่อมสำคัญกว่าปริมาณอยู่เสมอ
นอกจากนี้ โหมดถ่ายรูป Gran Turismo มีฟีเจอร์ปรับแต่งรายละเอียดภาพค่อนข้างจัดเต็ม กับมีฉากหลังจากโลกจริงให้เลือกมากกว่า 1,000 โลเคชัน ถือว่าเป็นเกม Racing อีกเกมที่ใช้เวลาถ่ายภาพรถ พอ ๆ กับเวลาแข่งรถเลยทีเดียว
ปกติแล้ว เกม Racing ส่วนใหญ่จะเน้นนำเสนอข้อมูลสเปกต่าง ๆ แล้วมีการโยนข้อมูลฉบับย่อว่ารถยนต์คันนี้ดีอย่างไร ทำไมจึงเป็นตำนานในวงการยานยนต์
แต่ Gran Turismo ยังคงเป็นแชมป์ในด้านการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่เกมอื่นไม่สามารถต่อสู้เทียบชั้นกับ GT ได้ เพราะเกม GT จะเริ่มนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่บุคคลที่ก่อตั้งแบรนด์ ความเป็นมาของแบรนด์ รถยนต์แต่ละรุ่นออกวางจำหน่ายในช่วงปีไหน เผยช่วงยุคทองและยุคตกต่ำของแบรนด์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
แม้รายละเอียดจะเยอะ แต่ทีมงานสามารถนำเสนอบทความด้วยปริมาณเนื้อหาที่พอดี ข้อมูลไม่เยอะเกินไปจนต้องอ่านกันตาลาย และไม่ได้น้อยเกินไป จนพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่าง ซึ่งหากคุณเหนื่อยจากการแข่งขันในเกม ก็สามารถเข้าไปอ่านบทความรถยนต์ หรืออ่านสไลด์โชว์ในโหมด “พิพิธภัณฑ์” อย่างเพลิดเพลิน
แม้ UX อาจไม่ดีที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า World Map ของเกม GT ดีไซน์ได้มีเอกลักษณ์มาก ๆ
จัดว่าเป็นธรรมเนียมของเกมตระกูล Gran Turismo ไปแล้วก็ว่าได้ ที่การออกแบบ User Interface เกือบทุกภาค จะต้องเป็นสไตล์ปฏิทินหรูหรา คลาสซี่ หรือไม่ก็เป็นแผนที่ World Map ที่ผู้เล่นสามารถเข้าถึงโหมดต่าง ๆ จากการสำรวจหน้าเมนูทั่วมุม 360 องศา
ซึ่งแน่นอนว่าเกมเมอร์ทุกคนไม่ได้ชื่นชอบ UI เกม Gran Turismo เพราะต้องใช้เวลาปรับตัวค่อนข้างเยอะ รวมถึงทำให้การเล่นเกมไม่สะดวกราบรื่นเท่าที่ควร และส่วนตัวคิดว่า UI ของเกมดังกล่าว ยังมีช่องว่างให้สามารถปรับปรุง Quality-of-Life ให้ดีขึ้นได้เช่นกัน โดยการปรับปรุง UI/UX นั้น ต้องเริ่มต้นมาจากการอ่านข้อเสนอแนะจากผู้เล่นอื่น และแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป
หากพูดถึงเกมรถแข่งแบบสมจริง หลายคนอาจนึกถึงระบบเกมการเล่นที่โดนใจขาฮาร์ดคอร์ เล่นยาก มีการ Competitive แข่งขันกับผู้เล่นอื่น และ “ไม่เหมาะสำหรับเกมเมอร์ Casual” ที่อยากขับรถชิลล์ ๆ หรือเน้นขับรถสนุกเมามันเป็นหลัก
สำหรับเคสของเกม Gran Turismo นั้น ก็ถือว่าถูกต้องแบบ 50/50 เพราะ GT มีระบบการขับรถสมจริง เลี้ยวกับเบรกยากกว่าเกม Racing แบบอาร์เคด ไม่มีการย้อนกลับให้แก้ไขข้อผิดพลาดจากการชนกำแพงหรือขับออกสนาม และมีองค์ประกอบเกมเพลย์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผู้เล่นสามารถคาดหวังว่าจะเจอตามธรรมชาติของเกมแนวแข่งรถสมจริง
แต่นับตั้งแต่ Gran Turismo 3 เป็นต้นไป ตัวเกมมีการเพิ่มระบบ Assist ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การเล่นเกม และเข้าถึงผู้เล่นใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยในเกมภาค 7 มีตัวเลือก Assist ต่าง ๆ ให้ปรับมากมาย ตั้งแต่ การสลับเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา, บอกระยะทางที่ควรเบรกเพื่อเลี้ยวโค้ง, เปิด/ปิดเส้นไกด์บอกทางที่ควรขับ, ปรับ “ระดับความเผ็ด” ของ AI, เปิด/ปิด ระบบ Countersteer ป้องกันการหักโค้งผิดพลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้วยตัวเลือก Assist ที่มีให้เปิดปิดมากมาย ทำให้เกมเมอร์สามารถเรียนรู้วิธีขับรถในเกมแบบค่อยเป็นค่อยไป และแน่นอน การสอบใบขับขี่ก็ถือเป็นอีกโหมดหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นสามารถขับรถอย่างเชี่ยวชาญมากขึ้นเช่นกัน
ความยากของเกมแข่งรถแต่ละเกมนั้นไม่เหมือนกัน ความยากของ DiRT Rally คือรถยนต์ของเรามีลักษณะเปราะบาง แค่ขับชนนิดชนหน่อย ก็ทำให้ระบบการทำงานรถยนต์ของเราเสียหายได้ หรือ Need for Speed Heat มีความยากท้าทายในส่วนของการหนีตำรวจลาดตระเวนในช่วงเวลากลางคืน ที่มีพฤติกรรมดุดัน สามารถขับรถล่าคุณแบบติดตัว ถูกไล่ต้อนจนมุมได้ง่าย
สำหรับ Gran Turismo โหมดเกมที่ยากที่สุด ก็ไม่มีทางหนีพ้น License Test หรือการสอบใบขับขี่ ที่เกมเมอร์ต้องผ่านบททดสอบต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกใบขับขี่ระดับใหม่ แล้วใช้เป็นใบอนุญาตเข้าแข่งขันแข่งรถในรายการที่ยากท้าทายมากขึ้น
บททดสอบก็มีกฎง่าย ๆ เพียงแค่ผู้เล่นขับรถเข้าเส้นชัยให้ตรงตามเวลาที่ตัวเกมกำหนดไว้ เท่านี้ผู้เล่นก็สามารถผ่านบททดสอบ แล้วข้ามไป Challenge ต่อไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม การสอบใบขับขี่ผ่าน ตัวเกมไม่ได้ให้รางวัลเฉพาะใบอนุญาตขับขี่เพียงอย่างเดียว แต่หากผ่านทุกบททดสอบด้วยเหรียญทองแดงขึ้นไป เกมจะมอบของรางวัลเป็นรถยนต์ แต่หากผ่านทุกบททดสอบด้วยเหรียญทองทั้งหมด ผู้เล่นจะได้รับของรางวัลเป็นรถยนต์ระดับแรร์
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เกมเมอร์จึงพยายามเล่น Retry หลายครั้ง เพื่อขับรถให้ Perfect ที่สุด แล้วผ่านบททดสอบพร้อมคว้าเหรียญทองกลับมา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม License Test จึงเป็นโหมดที่สร้างความหัวร้อนให้เกมเมอร์หลายคน
As part of their spo…
This website uses cookies.