การลงแข่งขันของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะยากเย็นเสมือนเข็นครกขึ้นภูเขาหรือไม่?

คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

อีกแค่เพียง 74 วันเท่านั้นที่การเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯจะเกิดขึ้น โดยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 435 คนทั่วประเทศจะมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด รวมถึงวุฒิสมาชิกในวุฒิสภาก็จะมีการแข่งขันเลือกตั้งใหม่เป็นบางส่วน โดยครั้งนี้จะมีจำนวนวุฒิสมาชิก 35 คนที่ต้องเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามของจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งหมด ซึ่งจะมีวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต 14 คน และวุฒิสมาชิกของค่ายพรรครีพับลิกัน 21 คน

สำหรับการแข่งขันเลือกตั้งกลางสมัยในครั้งนี้นับเป็นการทดสอบคะแนนนิยมของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” แต่เมื่อดูแนวโน้มแล้วสภาผู้แทนฯคงจะเปลี่ยนขั้วเป็นของพรรครีพับลิกัน ส่วนในวุฒิสภาฯนั้น วุฒิสมาชิกมิชท์ แม็คคอนเนลล์ผู้นำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาชี้ว่าพรรคเดโมแครตคงจะรักษาเสียงข้างมากไว้ได้สืบเนื่องมาจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เลือกผู้เข้าแข่งที่ด้อยคุณภาพ

ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบขี้หน้าของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ตาม แต่ถือว่าเขาก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นประจำตัวที่หาตัวจับยากส์นั่นก็คือ การเป็นนักสู้แบบไม่ยอมถอย

อีกทั้งเมื่อลองวิเคราะห์กันดูแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีแบบที่ไม่เคยแสดงอาการไหวหวั่นได้เกินประธานาธิบดีทรัมป์เลย โดยขณะนี้เขาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาที่จะต้องสู้ความมากถึง 19 คดี และตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาได้สร้างสถิติต่อสู้คดีในศาลมาแล้วกว่าสี่พันคดีด้วยกัน!!!

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าทีมทนายความของเขาคงจะทำงานหนักน่าดู เพราะจะต้องเตรียมความพร้อมที่จะว่าความให้กับบอสเจ้านายของตนเองอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามประเด็นร้อนสุดๆที่กำลังกลายเป็นที่สนใจของคนอเมริกันในขณะนี้ก็คืออัยการสูงสุดเมอร์ริก การ์แลนด์ได้ออกหมายให้หน่วยเอฟบีไอจู่โจมเข้าไปค้นและยึดเอาเอกสารลับสุดยอด รวมทั้งจดหมายของ “คิม จองอึน” ผู้นำสูงสุด แห่งเกาหลีเหนือ ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ขนไปเก็บไว้ ณ บ้านพัก Mar-a-Lago รัฐฟลอริดาในเช้าวันที่ 8 สิงหาคมเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่เอฟบีไอในรถยนต์และเสื้อผ้าที่ไม่มีเครื่องหมายได้ออกหมายค้นที่ Mar-a-Lago   บ้านพักและสโมสรส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สื่อมวลชนไม่ได้รับการแจ้งเตือนและไม่มีการรายงานข่าว

และหลายชั่วโมงต่อมาอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์บนสื่อมีเดียของเขา “Truth Social” โดยเขาเรียกการค้นหาว่า “การล่าแม่มด” ของประชาธิปไตยแบบประชาธิปไตย “การติดอาวุธของระบบยุติธรรมและแสดงตัวว่าเป็นเหยื่อของ “การประพฤติมิชอบทางอัยการ” และ “ความไม่เคารพกฎหมาย”

และในวันรุ่งขึ้นอัยการสูงสุดเมอร์ริก การ์แลนด์ ได้พูดกับสาธารณชนโดยพูดด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังและรอบคอบว่า “ข้าพเจ้าได้อนุญาตให้ดำเนินการด้วยตนเองเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ” และเขาได้เสริมว่า “ทรัมป์เป็นคนบลัฟฟ์และทุกคนก็รู้ดี” (จาก Politico: Trump Steamrolls His Way Past Accountability. The Mar-a-Lago Search Might be Different  8/16/2022)

แท้ที่จริงแล้วเอกสารลับสุดยอดดังกล่าวอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯทุกๆคนจะส่งไปยังกองจดหมายเหตุแห่งชาติให้นำไปเก็บรักษาเอาไว้

และล่าสุดจากรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของวันที่ 22 สิงหาคม ทีผ่านมา ได้เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม 2021 กองจดหมายเหตุแห่งชาติได้รับเอกสารลับจากประธานาธิบดีทรัมป์เพียง 150 ชิ้นและล่าสุดกองจดหมายเหตุแห่งชาติได้รับคืนเอกสารลับจากอดีตประธานาธิบดีกว่า 300 ชิ้น (New York Times August 22, 2022)

และยังมีแหล่งข่าวจาก “นิตยสารนิวส์วีค”และ “หนังสือพิมพ์ เดอะวอลล์สตรีท เจอร์นัล” รายงานว่า มีคนใกล้ชิดของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแจ้งตำแหน่งที่เก็บเอกสารลับว่าซุกซ่อนอยู่ที่ไหน!!!

นอกจากนั้นแล้ว “มิค มัลวานีย์” อดีตเสนาธิการประจำทำเนียบขาวของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาชี้เบาะแสว่า “คงจะเป็นคนวงในใกล้ชิด 8 คนของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่รวมถึง “จาเร็ด คุชเนอร์” ลูกเขยคนโปรดของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย

แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้จาเร็ด คุชเนอร์ได้ออกมากล่าวว่า “การจู่โจมเข้าค้นบ้านของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง”

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ออกมากล่าวว่าเขาเองก็ไม่ทราบถึงเรื่องการจู่โจมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน!!!

อีกทั้งการเข้าไปค้นเอกสารของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอในครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจกล่าวตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ทั้งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานเอฟบีไออย่างแรง ซึ่งจะเห็นได้ว่าโดยปกติแล้วนักการเมืองส่วนใหญ่มักจะไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เอฟบีไอ เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเป็นหน่วยงานให้ความมั่นคงของชาติ และยังเป็นหน่วยงานอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

อนึ่งความเห็นอกเห็นใจต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์จากฐานการเมือง โดยเฉพาะจากขั้วขวาจัดตกขอบ ซึ่งก็ได้ผลเกินคาดเพราะมีผู้สนับสนุนบริจาคเงินติดต่อกันอย่างท่วมท้นเท่ากับว่าแทนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะจมดิ่ง แต่กลับได้เสียงสนับสนุน แถมยังได้เงินบริจาคอีกคับคั่ง!!!

เป็นที่น่าสังเกตว่า “อัยการสูงสุดเมอร์ริก การ์แลนด์” ที่ได้รับแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน

อนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมานี้สำนักโพลของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้เปิดเผยว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ถึง 57% ควรจะดำเนินคดีต่อข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำความผิดของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไป โดยสมาชิกของพรรคเดโมแครตถึง 92% เห็นว่าควรจะสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ส่วนสมาชิกค่ายพรรครีพับลิกันมีเพียง 21% เท่านั้นที่เห็นด้วยที่จะให้มีการสอบสวนต่อไป

ส่วน “เดวิด ลอฟแมน”อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองประจำกระทรวงยุติธรรมได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “Face the Nation” ล่าสุดนี้ว่า “กระทรวงยุติธรรมและหน่วยเอฟบีไอต้องการทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องในการบังคับใช้กฎหมายอย่างซื่อสัตย์ยุติธรรม”

สำหรับ “แคช พาเทล”อดีตเจ้าหน้าที่บริหารอีกคนหนึ่งของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาปกป้องประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแข็งขัน โดยอ้างว่า ยืนยันเอกสารทั้งหมดมิได้เป็นเอกสารลับแต่อย่างใด เพราะประธานาธิบดีทรัมป์เคยบอกเอาไว้ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนมกราคม 2021 ว่า เอกสารพวกนี้ไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

ส่วนเงินบริจาคของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากวันที่หน่วยเอฟบีไอบุกจู่โจมค้นบ้านของเขานั้น หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้ออกมารายงานว่า “เงินบริจาคที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยได้รับวันละสองแสนเหรียญนั้น ขณะนี้พุ่งเพิ่มขึ้นเป็นวันละสามแสนเหรียญแล้ว”

ส่วนโพลของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีอยู่ที่ 42% โดยสมาชิกของพรรคเดโมแครตมีความพึงพอใจต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนอยู่ที่ 79% ส่วนสมาชิกของพรรครีพับลิกันพึงพอใจประธานาธิบดีไบเดนเพียงแค่ 7% เท่านั้น

และจากผลการเฉลี่ยคะแนนนิยมของสำนักโพลได้รับความเชื่อถือสูงเช่น Fivethirtyeight โดยเอาคะแนนเฉลี่ยจากหลายๆสำนักมารวมกันปรากฏ ณ วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีอยู่ที่ 40.9% และคะแนนนิยมของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขณะนี้ตามมาติดๆไม่ห่างไกลอยู่ที่ 40.3%

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นพอจะสรุปได้ว่าการจู่โจมของหน่วยเอฟบีไออาจจะเป็นตัวเร่งเข็นให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจออกมาป่าวประกาศที่จะลงแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีเร็วมากขึ้น แต่ทว่าจากการสำรวจของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ล่าสุดนี้ได้ออกมาระบุว่า สมาชิกของพรรครีพับลิกันถึง 49% ไม่เห็นด้วยกับการลงแข่งขันของประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2024 แถมเขายังมีคดีความติดตัวตามมาอีกมากมายหลายคดี อีกทั้ง “วุฒิสมาชิกมิชท์ แม็คคอนเนลล์”ผู้นำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาก็แสดงท่าทีไม่สนับสนุนด้วยเช่นกัน ฉะนั้นความหวังของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในสมัยที่สองคงจะยากยิ่งเปรียบเสมือนเข็นครกขึ้นภูเขาที่ทั้งหนักแสนหนักและเหนื่อยแสนเหนื่อยละครับ