“กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักกีฬาแม่นปืนวัย 17 เผยไม่เสียใจแม้สุดท้ายจะเข้าป้ายอันดับที่ 20 ปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม.ชาย เผยมีความสุขๆมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิกเกมส์ 2020 ชี้การเดินทางมาถึงที่ญี่ปุ่นก่อนแข่งจริงนับ 2 สัปดาห์ ทำให้ตนพลาดการฝึกซ้อมจริงๆไปถึง 12 วัน ด้าน พรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ คุณแม่ในฐานะผู้ดูแลเผยยอมขายบ้าน รถ สนับสนุนอุปกรณ์กีฬายิงปืนให้ลูกนับๆ 10 ล้านบาท จนได้ลุยโอลิมปิก แจงสมาคมกีฬายิงปืนไม่ให้การสนับสนุนนักกีฬาอย่างที่ควรเป็น ชี้ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่ากระสุนซ้อมเองวันละ 3,000 บาทเกือบทุกวัน นาน 2 ปี
“กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักกีฬาแม่นปืนวัย 17 ปี ซึ่งถือเป็นนักกีฬายิงปืนที่อายุน้อยที่สุดในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ออกมาเปิดใจหลังคว้าอันดับ 20 ในการแข่งขันปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม.ชาย โอลิมปิกเกมส์ 2020 ว่า สำหรับตนแม้จะไม่ได้เป็น 1 ใน 6 คน ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่สำหรับตนไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่มีความสุขดีด้วยซ้ำ เพราะนี่คือโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของตน ส่วนวันนี้ยิงได้ไม่ดีเท่ากับวันแรก วันนี้ตนยิงในเซสชั่น 6 วินาทีได้ไม่ดี ยิงได้ 47 คะแนนทั้ง 2 รอบ แต่ในเซสชั่น การยิง 4 วินาที ทำได้ดีกว่า ส่วนที่ทำสกอร์ได้ไม่ดี ก็ไม่ได้มาจากความกดดันแต่อย่างใด แต่อาจจะเป็นเพราะการเปลี่ยนช่องการยิง ซึ่งเมื่อวาน วันแรก ยิงช่องตัวซี แต่วันนี้ยิงช่องตัวดี ก็มองว่าพื้นที่ยืนไม่เท่ากัน เพราะสนามแข่งขันเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นสนามชั่วคราวที่เพิ่งลาดยางเสร็จ ซึ่งตนก็ว่ามองในตำแหน่งยืนก็ส่วนกับฟอร์มการยิง
“กัปตัน” เผยอีกว่า การที่ตนต้องเดินทางมาถึงญี่ปุ่นตั้งแต่พิธีเปิดยังไม่เริ่ม ถือว่านานเกิน โดยเดินทางมาถึงตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. แต่กว่าจะแข่งขันจริงๆวันที่ 1 ส.ค. ก็ถือว่ามีผลกับการเตรียมตัวไม่น้อย เพราะทำให้สูญเสียช่วงเวลาฝึกซ้อมที่จะได้จับปืนจริงๆไปถึง 12 วัน ซึ่งก็จริงว่ามาถึงที่นี่ อาจจะได้โอกาสลงฝึกซ้อมในช่วงแรกๆที่เดินทางมาถึง แต่ก็ได้ซ้อมเพียง 3 วัน เพราะหลังจากนั้นสนามก็ถูกใช้จัดการแข่งขัน ทำให้ตนทำได้แค่ฝึกซ้อมยิงลม ซึ่งก็ได้ความรู้สึกเท่ากับซ้อมจริง ส่วนนักกีฬาชาติอื่นๆที่ตนเห็นส่วนใหญ่จะมากันประมาณวันที่ 25 ก.ค. ก็มาแข่งอาทิตย์เดียวแล้วก็กลับ แต่ของเรา ตนว่ามาถึงนานเกินไป
“สำหรับผมในช่วงเวลาของการแข่งขันยังต้องสวมหน้ากากอนามัยลงยิงตลอดเวลา เพราะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ก็ค่อนข้างอึดอัดครับ เพราะหากเทียบกับนักกีฬาคนอื่นๆที่ถอดหน้ากากยิงปกติ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปลอดภัยกับตัวเราครับ ก็ถือป้องกันโควิด-19 ซึ่งผมก็มองว่าสุขภาพเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ด้าน พรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ ผู้ดูแล “น้องกัปตัน” ออกมาเผยด้วยเช่นกันว่า ก่อนมาแข่งขันนักกีฬายิง 3 คน รวมถึง “น้องกัปตัน” ไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องกระสุนปืนตามที่สัญญากันเอาไว้ ซึ่งเราไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องนี้จากสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ก็นับเป็นปัญหาใหญ่กับเรามากมาโดยตลอด สำหรับ “กัปตัน” คัดโอลิมปิกเกมส์ 2020 ติดตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี ซึ่งระยะ 2 ปี น้องไม่ได้รับการสนับสนุน และเป็นตนที่ต้องหาเงินซื้อกระสุน จ่ายซ้อมให้ลูก เพื่อมาทำการแข่งขัน ซึ่งกระสุนลูกละ 10 บาท ใน 1 วัน จ่าย 3,000 บาท ให้น้องซ้อมวันละ 300 นัด ซึ่งก็ซ้อมสัปดาห์ละ 6 วันที่โคราช ทำแบบนี้มาตลอดช่วง 2 ปี ตั้งแต่ได้โควตาโอลิมปิกเกมส์ 2020
“ช่วงที่ได้โควตาโอลิมปิกเกมส์ในรายการนี้ใหม่ๆ ยังมีเรื่องที่เราไม่เห็นด้วยมากๆ เพราะทางสมาคมมีความพยายามที่จะเปลี่ยนตัวนักกีฬาแทนกัปตัน ซึ่งในช่วงนั้นน้องเองก็เป๋ไปเลย ซึ่งเรื่องนี้เราไม่เห็นด้วยมากๆ เพราะตอนไปคัด เป็นเราเองที่ลงทุนเกือบทุกอย่าง และเราเองก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้ก็ขึ้น เพราะมองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับตัวน้อง
นางพรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ ยังเผยต่ออีกว่า “น้องกัปตัน” ชอบยิงปืนตั้งแต่เด็กๆ ตอนเล็กชอบเล่นปืนพลาสติกมากๆ สำหรับตนเมื่อเห็นลูกชอบก็อยากจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ก็สนับสนุนหาอุปกรณ์ให้เขาก็มีขายบ้านไป 2 หลัง ในราคาหลังละ 7 ล้าน และ 4 ล้านบาท เพื่อเอามาสนับสนุนเป็นอุปกรณ์กีฬา ซึ่งรวมถึงรถยนต์ด้วย ซึ่งตอนแรกมี 4 คัน แต่ก็ขายจนเหลือเอาไว้ใช้งานคันเดียว เพื่อเอามาสนับสนุน รวมๆก็หมดไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็รวมถึงการจ้างโค้ชเยอรมัน ราล์ฟ ชูมานน์ มาช่วยติวน้องแบบพาร์ทไทม์ วันละ 1.30 ชม. ซึ่งเราก็จ่ายค่าจ้างให้เขา 15,000 บาทต่อวัน ให้สอนออนไลน์ ซึ่งเราก็ทำแบบนี้ทุกวันมาตั้งแต่คว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ จนมีวันนี้ได้ ก็ถือว่าพอใจกับสิ่งที่เราพยายามต่อสู้จนมาจนเข้ามาถึงตรงนี้ได้ ภูมิใจที่น้องได้มา ได้จารึกชื่อนักกีฬายิงปืนอายุน้อยที่สุดตั้งแต่เคยมีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์