Triumph เผยผลทดสอบ TE-1

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ฯ ประกาศถึงโครงการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Triumph TE-1 ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยผลทดสอบรถต้นแบบในขั้นสุดท้ายที่ได้ผลลัพธ์เกินกว่าที่คาดหมายไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งของความร่วมมือในครั้งนี้


  • ระยะทาง 161 กม.

ผลการทดสอบบนถนนจริง รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Triumph TE-1 สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลมากกว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ด้วยระยะทาง 161 กม. ซึ่งนับว่าเป็นระยะที่ไกลที่สุดเมื่อเทียบกับจักรยานยนต์ไฟฟ้าประเภทเดียวกันในปัจจุบัน


  • กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177PS/175BHP)

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ Triumph TE-1 มาพร้อมอัตราเร่งพื้นฐานที่น่าทึ่ง โดยสามารถทำความเร็วได้ 0-96 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที และที่ 0-161 กม./ชม. โดยใช้เวลาเพียง 6.2 วินาที


  • เวลาในการชาร์จ 20 นาที (0-80 %)

พลิกวงการความสามารถในการชาร์จไฟฟ้าได้เร็วกว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นที่เทียบเคียงกันในปัจจุบัน


  • น้ำหนัก 220 กก. ด้วยอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหลือเชื่อ

น้ำหนัก TE-1 เบากว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นที่เทียบเคียงกันได้ในปัจจุบันถึง 25 %


  • รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่พัฒนาได้ถึงขั้นสุดท้ายอย่างน่าทึ่ง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำการจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ระดับแถวหน้าของ Triumph และส่งสัญญาณความน่าตื่นเต้นถึงแฟนๆ ของ Triumph ทั่วโลกที่กำลังจะได้สัมผัสในอนาคต

  • เสียงท่อรถจักรยานยนต์ Triumph Electric ใหม่ที่ให้เสียงดังกระหึ่ม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยความดังที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นช่วยปลุกโสตประสาทให้เกิดความรู้สึกเร้าใจไปพร้อมกับการขับขี่

  • หลักสรีรศาสตร์ รูปทรง และการกระจายน้ำหนักของรุ่น Speed Triple ผสานอย่างลงตัวกับขนาด และรูปลักษณ์ของรุ่น Street Triple

  • ให้ความรู้สึกเร้าใจในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph และการควบคุมที่ได้สมดุล พร้อมระบบปรับเปลี่ยนการตั้งค่าคันเร่ง และแรงบิดเทียบเท่ากับรุ่น Speed ​​Triple 1200 RS

  • สไตล์ และรูปลักษณ์ที่เป็น Triumph แบบ 100 % พร้อมดีไซจ์นที่บ่งบอก DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง Triumph Motorcycles บริษัท Williams Advanced Engineering บริษัท Integral Powertrain และศูนย์ WMG แห่ง University of Warwick โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (The Office for Zero Emission Vehicles หรือ OZEV) ผ่าน Innovate UK ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อการสร้างการพัฒนาที่ก้าวล้ำในด้านวิศวกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเฉพาะทาง และการออกแบบทางเทคโนโลยีที่มีการบูรณาการเชิงนวัตกรรม

โปรแกรมการทดสอบบนถนนจริงที่ครอบคลุมทั้งการประเมินประสิทธิภาพของจักรยานยนต์บนถนนลูกรัง และในสนามแข่ง ได้มีการปรับแต่งค่าสำคัญต่างๆ ขั้นสุดท้าย ซึ่งในวันนี้รถต้นแบบ Triumph TE-1 สามารถตอบโจทย์ของทุกเป้าหมาย และวัตถุประสงค์แล้ว

โครงการ เฟส 4 เสร็จสมบูรณ์

ระยะการทดสอบบนถนนจริงของโครงการรถจักรยานยนต์ Triumph TE-1 ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการแล้ว พบว่า รถต้นแบบมีสมรรถนะเกินความคาดหมาย และให้ผลลัพธ์ที่เหลือเชื่อ ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของโครงการทั้งหมด ทั้งในด้านการเร่งการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และนวัตกรรม การกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้โดยรวม ซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพในขั้นสุดท้ายของแบทเตอรี และระยะทางวิ่ง ความเชี่ยวชาญ และขีดความสามารถที่พัฒนาขึ้นทั่วทั้งโครงการได้ปูทางไปสู่อนาคตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอันน่าตื่นตาตื่นใจจาก ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ฯ

ก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าด้วยระยะทาง 161 กม.

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ Triumph TE-1 มีระยะทางวิ่งจริงได้ไกลกว่าระยะทางของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่เทียบเคียงกันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของโครงการเกี่ยวกับความจุพลังงานของแบทเตอรีที่พัฒนาโดยโครงการ Williams TE-1 โดยวิ่งได้ระยะทาง 161 กม. อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้อ้างอิงจากการทดสอบอย่างเป็นทางการ และการคาดการณ์

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า TE-1 มาพร้อมเบรคระบบใหม่ที่เหมาะสมกับจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนประสิทธิภาพที่มากขึ้นในชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้มอเตอร์ และเกียร์ ซึ่งสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Triumph รุ่นต่อๆ ไปในอนาคต

สมรรถนะที่ใกล้เคียงกับรุ่น Speed ​​Triple 1200 ด้วยอัตราเร่ง 0-161 กม./ชม. ที่เร็วกว่าเดิม

ด้วยระดับประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับรุ่น Speed ​​Triple 1200 ปัจจุบัน รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ TE-1 ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177PS/175BHP) รวมถึงแรงบิดสูงสุด 11.1 กก.-ม. หรือ 109 นิวตัน-เมตร (80IB-FT ) เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว การควบคุมที่ราบรื่น ให้กำลังสูงสุดตลอดช่วงความเร็ว และการขับขี่ที่เร้าใจอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า TE-1 ยังมีผลการทดสอบอัตราเร่งอันน่าทึ่ง จาก 0-96 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที และที่ 0-161 กม./ชม. โดยใช้เวลาเพียง 6.2 วินาที

และด้วยการปรับแต่งเพิ่มเติมของอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมการยึดเกาะถนน และระบบควบคุมการยกล้อหน้าทีมงานที่รับผิดชอบในการส่งมอบโครงการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า TE-1 คาดหวังว่าประสิทธิ ภาพจะดีขึ้นไปอีก โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของแรงบิดเต็มที่เพื่อให้เร่งเครื่องได้เร็วยิ่งขึ้นเมื่อออกตัวหลังจากรถหยุดนิ่ง

นักแข่งแชมพ์รายการ Daytona 200 อย่าง Brandon Paasch เข้าร่วมในการทดสอบขั้นสุดท้ายนี้ด้วย ทั้งในการประเมินสมรรถนะของเครื่องยนต์ และด้วยการปรับแต่งค่าขั้นสุดท้ายของรถต้นแบบขณะทดสอบในสนามแข่ง

“การตอบสนองของคันเร่งของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า TE-1 นั้นน่าทึ่ง รู้สึกได้ถึงแรงบิดที่สูงมาก เมื่อคุณสัมผัสคันเร่งครั้งแรกจะสัมผัสได้ถึงกำลังของรถในทันที ซึ่งแน่นอนว่า นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบมากในฐานะนักแข่งรถจักร ยานยนต์ ผมชอบที่รถมีแรงบิดสูง และเร่งได้ทันใจ สำหรับผมมันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมรู้สึกต้องตั้งใจขี่ตั้งแต่การเปิดคันเร่งจาก 0-100 % มันเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันให้ความรู้สึกถึงแรงกระชากอย่างบ้าคลั่ง”

พลิกวงการด้วยเวลาชาร์จเพียง 20 นาที

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบทเตอรี และการชาร์จไฟที่ได้รับการพัฒนาโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Triumph TE-1 โดยความร่วมมือกับ Williams Advanced Engineering (WAE) ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่นับเป็น การพลิกวงการ นั่นคือ ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 20 นาที (0-80 %) ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้โดย Innovate UK ได้สำเร็จ ทั้งนี้ Innovate UK เป็นหน่วยงานวิจัย และนวัตกรรมของรัฐบาลที่สนับสนุนด้านการวิจัย และพัฒ นาจากภาคธุรกิจ และการเติบโตของธุรกิจในสหราชอาณาจักร

น้ำหนักรวม 220 กก.

ด้วยน้ำหนักโดยรวม 220 กก. (485 ปอนด์) รถต้นแบบ TE-1 จึงเบากว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่เทียบเคียงกันได้ในปัจจุบันถึง 25 % ทำให้มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหลือเชื่อ พร้อมด้วยขนาด และสัดส่วนที่เทียบได้กับรุ่น Street Triple แต่ด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ รูปทรง และการกระจายน้ำหนักของ Speed ​​Triple ทำให้ TE-1 ช่วยให้การขับขี่น่าตื่นเต้นอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ในขณะเดียวกันก็ให้ความมั่นใจ คล่องตัว และกะ ทัดรัด

“ผมได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบนี้ เมื่อขี่ Daytona การเร่งความเร็ว และการเข้าโค้งนั้นให้ความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อ ! ผมคิดว่า นี่เป็นรถจักรยานยนต์ที่ดีจริงๆ ที่จะขี่บนถนน ทั้งคล่องตัว และความรู้สึกขณะขับขี่ที่เบาสบาย” Brandon กล่าว

ความรู้สึกเร้าใจอันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph พร้อมการควบคุมรถที่สมดุล และช่วยสร้างความมั่นใจ

ด้วยการตอบสนองของคันเร่ง และการส่งแรงบิดที่พัฒนาต่อยอดจาก Speed ​​Triple 1200 RS โดยตรง และการทดสอบบนสนามแข่ง และการประเมินของผู้ขับขี่แบบไดนามิค บนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ TE-1 ทำให้รถมีระดับการควบคุมที่ตรงกับรถจักรยานยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์แบบ 3 สูบของ Triumph รุ่นปัจจุบัน

ระดับประสิทธิภาพ และการเร่งความเร็วที่เร้าใจของ TE-1 ผสานกับการขับขี่ที่เร้าใจ ส่งผลให้ได้จักรยานยนต์ที่มาพร้อมสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph อย่างครบครัน และการควบคุมรถที่สมดุลเป็นที่ยอมรับในระ ดับโลก การขับขี่ที่ราบรื่น และคล่องตัว เข้าโค้งได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยพลังที่ควบคุมได้ ช่วยปลุกเร้าความมั่นใจ และรับประกันได้ว่า จะขับขี่ด้วยความสนุก

เสียงท่อรถจักรยานยนต์ Triumph Electric ที่ให้เสียงดังกระหึ่มชัดเจน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความดังที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นช่วยปลุกโสตประสาทให้เกิดความรู้สึกเร้าใจไปพร้อมกับการขับขี่

เสียงท่อที่โดดเด่น และปลุกเร้าของรถต้นแบบ Triumph TE-1 ซึ่งส่งความดังที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น ให้เสียงที่ดังชัดเจน และเป็นเอกลักษณ์ น่าดึงดูด และน่าตื่นเต้นกว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ที่เทียบเคียงกันได้ในปัจจุบัน ขอบคุณเกียร์ฟันเฉียง อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ในการทดสอบระดับเสียงรบกวนที่ศูนย์ตรวจวัดเสียงรบกวนภายนอกของสนามทดสอบ Mira รถรุ่น TE-1 ผ่านมาตรฐานการทดสอบ R41 Homologation ด้านเสียงทั้งหมดทั้งรูปแบบการขับขี่เปิดคันเร่งจนสุด การขับขี่แบบครูเซอร์ และการขับขี่ในเมือง

สไตล์ และความเป็น Triumph 100 % พร้อมดีไซจ์นอันบ่งบอกถึง DNA

รูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งของรถต้นแบบ TE-1 ที่รับรู้ในทันทีว่า เป็น Triumph ใช้แนวคิดการออกแบบอันเป็นแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของของแบรนด์รถจักรยานยนต์สมรรถนะสูง ในขณะเดียวกันก็สะท้อนความเป็นจักรยานยนต์แห่งอนาคตอย่างชัดเจน โดยล่าสุดได้ปรับปรุงแผงตัวถัง และโทนสี รถต้นแบบนี้ได้นำสไตล์ และตัวตนที่เป็นแบบ Triumph 100 % พร้อม DNA การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่โครงอลูมิเนียมไปจนถึงไฟหน้าคู่อันโดดเด่น  รวมถึงท่านั่งในการขับขี่

เสร็จสิ้นโครงการ TE-1

“เราได้เห็นการตอบสนองเชิงบวกอย่างเหลือเชื่อต่อรถต้นแบบ TE-1 จากนักขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วโลก ซึ่งหลายคนบอกเราว่า เป็นครั้งแรกที่พวกเขามองว่า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นน่าสนใจ และเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง นับเป็นก้าวแรกในการเดินทางสู่การพัฒนาแนวทางในอนาคตของเราในด้านเทคโนโลยีระบบส่งกำลังไฟฟ้า รถต้นแบบ  TE-1 และผลลัพธ์อันน่าทึ่งที่รถรุ่นนี้ทำได้ในการทดสอบอย่างเข้มข้นได้ให้ข้อ มูลที่สำคัญเชิงลึก และแสดงถึงขีดความสามารถ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในอนาคตของเราในท้ายที่สุดแน่นอน รถจักรยานยนต์ที่ผลิตออกมาเพื่อการจำหน่ายจะไม่เป็นอย่างที่คุณเห็นในวันนี้ แต่วางใจได้เลย ทุกโมเดลที่เราพัฒนาจะครอบคลุมสิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมด รวมถึงคุณสมบัติอันน่าหลงใหล และน่าตื่นเต้น” สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ฯ กล่าว

โดยรวมแล้ว วัตถุประสงค์หลักของโครงการ TE-1 นั้นมุ่งเน้นที่การพัฒนาความสามารถของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด เพื่อเป็นข้อมูลการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ Triumph นวัตกรรมการขับเคลื่อน ขีดความสามารถ และทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ ตลอดจนการเพิ่มความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงของอุตสาหกรรม และการออกแบบของอังกฤษ

ความสำเร็จในขั้นตอนการทดสอบบนถนนจริง ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐาน และเป้าหมายในปัจจุบัน ถือเป็นพแลทฟอร์มที่มีศักยภาพสูงสำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

“เรารู้สึกภูมิใจอย่างมากที่สามารถแบ่งปันผลลัพธ์เชิงบวกดังกล่าวจากความสำเร็จของโครงการ Triumph TE-1 ซึ่งรถต้นแบบนี้ทำได้เกินเป้าหมาย และความคาดหวังในขั้นต้นของเราหลายประการ ทุกคนในทีมต่างตื่นเต้นกับผลลัพธ์ที่เราบรรลุร่วมกับพันธมิตรของเรา และเฝ้ารอดูว่า ผลสำเร็จของโครงการจะเอื้อต่ออนาคตการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าจาก Triumph ได้อย่างไร” นิค บลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ฯ กล่าว

Williams Advanced Engineering (WAE)

“WAE รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการอันน่าตื่นเต้นนี้เพื่อพัฒนารถต้นแบบ TE-1 นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2018 พันธมิตรทั้งหมดได้ทำงานด้วยความร่วมมือ นวัตกรรม และความหลงใหลในการนำรถต้น แบบที่ทลายขีดจำกัดต่างๆ มาพัฒนาให้ใช้งานได้ในชีวิตจริง นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ยินความคิดเห็นในเชิงบวกของผู้ขับขี่ ซึ่งยืนยันว่า กลไกของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ตรงกับ DNA ของ Triumph ซึ่งประเด็นนี้ถูกตอกย้ำด้วยแบทเตอรี และระบบควบคุมอื่นๆ ระดับแนวหน้าที่ WAE ได้ผลิตขึ้นให้มีน้ำหนักเบา และเชื่อมประสานกันแบบกลมกลืน เทคโนโลยีหลักของ WAE ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ และการชาร์จสำหรับแบทเตอรี ซึ่งเราตั้งตารอที่จะได้เห็นในระบบส่งกำลังในอนาคต” ดียร์ อาร์แดช หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท Williams Advanced Engineering กล่าว

บริษัท Integral Powertrain

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่า การทดสอบรถจักรยานยนต์ TE-1 ขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้นลง และด้วยการทดสอบนี้ จะมีการตรวจสอบประสิทธิภาพ สมรรถนะของมอเตอร์ และอินเวอร์เตอร์ที่แปรผันได้แบบ Ultra-Integra ted ของเราในลำดับต่อไป”

สำหรับการใช้งาน TE-1 มอเตอร์สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องที่กำลังสูงสุด 13 กิโลวัตต์/กก. และ 9 กิโลวัตต์/กก. ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายแผนงานด้านเทคโนโลยีของ APC ในปี 2025 ถึง 60 % ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้โดยการใช้วัสดุ และกระบวนการที่เข้ากันได้กับการผลิตยานยนต์ในปริมาณมาก และบนพแลทฟอร์มมอเตอร์แปรผัน ทั้งนี้ แนวคิดเรื่องความสามารถในการปรับขยายมอเตอร์ที่ใช้ใน TE-1 ได้จัดเตรียมสปริงบอร์ดสำหรับมอเตอร์ที่ปรับขนาดได้ใหม่ ซึ่งจะประกาศในปลายปีนี้ ที่จะให้ระดับประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน แต่มีกำลังการผลิตที่มากกว่าเดิมมาก

แนวคิดการพัฒนาอินเวอร์เตอร์แบบ Ultra-Integrated นั้น สามารถปรับขนาดได้เพื่อให้จำนวนสเตจกำลังไฟฟ้าของ Silicon Carbide เพิ่มขึ้น และส่งผลให้มอเตอร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ขึ้น ให้กำลังเพิ่มขึ้น (กำลัง >500 กิโลวัตต์) และเปิดโอกาสให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของปริมาณการผลิต หรือตอบสนองความต้องการพลังงานที่สูงขึ้นอย่างมากได้อีกด้วย

“เราภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญของโครงการที่น่าตื่นเต้นนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมของอังกฤษ” แอนดรูว์ ครอส หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของบริษัท Integral Powertrain กล่าว

ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค

“เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษของเราในสหราชอาณาจักร เราจะต้องคิดใหม่เกี่ยวกับวิธีการเดินทางของเรา ซึ่งไม่เพียงแต่การเปลี่ยนจากระบบสันดาปภายใน (ICE) ไปเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนไฟ ฟ้า แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางโดยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวอีกด้วย”

ยานยนต์ไฟฟ้า 2 ล้อ มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติการคมนาคมขนส่งในฐานะตัวเลือกในการลดการปล่อยไอเสียเป็น 0

“การเป็นพันธมิตรกับ Triumph ช่วยให้ WMG ได้ใช้ประสบการณ์การวิจัยของเราในด้านระบบไฟฟ้าเพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ปล่อยมลพิษน้อยลง รวมทั้งส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะโดดเด่น และขับขี่ได้อย่างสนุกให้แก่ลูกค้า” ศาสตราจารย์ เดวิด กรีนวูด CEO ประจำศูนย์ WMG ด้านระบบขับเคลื่อนขั้นสูง มหาวิทยาลัยวอร์ริค กล่าว