นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจรายได้ปี 64 เติบโตได้ตามเป้าหมาย 15% แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการชำระคืนหนี้ของลูกค้าบางรายบ้าง และบริษัทเองก็มีมาตรการช่วยเหลือในการพักชำระหนี้ให้กับลูกค้าตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
สำหรับพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมาย 4.7 พันล้านบาท หลังจากที่ครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นมาที่ 4.4 พันล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/64 การปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการส่งมอบมอเตอร์ไซด์ของผู้ผลิตมอเตอร์ไซด์รายใหญ่ ได้แก่ ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ เกิดความล่าช้า เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในภาคอุตสาหกรรม ทำให้โรงงานในกลุ่มที่เป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนบางแห่งต้องหยุดการผลิตชั่วคราว หรือบางรายมีการผลิตที่ล่าช้า ซึ่งกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของบริษัทที่ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศเริ่มมีทิศทางดีขึ้น และการผลิตรถมอเตอร์ไซด์ของผู้ผลิตรายใหญ่จะเริ่มกลับมาเป็นปกติ และมีการผลิตส่งมอบรถมอเตอร์ไซด์ให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้กับบริษัทที่จะเริ่มกลับมาเร่งปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าได้มากขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทในปีนี้ยังคงตั้งเป้าควบคุมให้ไม่เกินระดับ 2% จากที่ปัจจุบัน NPL ของบริษัทอยู่ที่ 1.4% อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีการติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาที่การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศมีความรุนแรงขึ้น กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าบางรายลดลงไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อของบริษัทเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ และมีรายได้ผันผวน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะที่เศรษฐกิจชะลอ ทำให้กระทบต่อรายได้ของลูกค้า โดยที่ยังคงต้องติตดามสถานการณ์หลังจากที่สิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้จะกลับมาชำระคืนหนี้ได้ตามปกติมากน้อยแค่ไหน
นายปุณณมาศ กล่าวอีกว่า แผนงานในปี 65 บริษัทมองว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มเห็นการคลี่คลายลง จะเริ่มกลับมารุกตลาดมากขึ้น ซึ่งปัจจจุบันยังอยู่ระหว่างจัดทำแผน 3 ปี โดยยังคงเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market share) ให้มากกว่าในปัจจุบันที่ 3.5% อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีแผนร่วมมือกับพันธมิตร คือ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทด้วย ในการออกผลิตภัณฑ์บริการด้สนสินเชื่อใหม่ออกมานำเสนอ และใช้ช่องทางสาขาของ COM7 ที่มีกว่า 1,000 สาขา ในการขยายสินเชื่อ และเข้าถึงลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น และทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในการร่วมมือกับ COM7 ในช่วงต้นปี 65
Discover the panel d…
This website uses cookies.