DLT- ECONDRIVE ขับขี่ปลอดภัยอุ่นใจผู้ใช้ถนน

กรมการขนส่งทางบก จับมือ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เปิดโครงการ โครงการ “DLT- ECONDRIVE ขับขี่ปลอดภัยอุ่นใจผู้ใช้ถนน” หวังขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุบนถนน

 

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ระบบออกใบอนุญาตขับรถ เป็นกระบวนการสำคัญที่กรมการขนส่งทางบกใช้คัดกรอง และสร้างคุณภาพของผู้ขับรถออกสู่สังคม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เกิดความปลอดภัย  และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการคัดกรองนั้น ผู้ขับรถต้องมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคต้องห้าม มีสมรรถภาพร่างกายที่สมบูรณ์ และมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน มีความรู้เพียงพอที่จะขับรถอย่างปลอดภัยโดยต้องเรียนรู้ภาคทฤษฎีเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อการขับรถอย่างปลอดภัย  มีจิตสำนึกและมารยาท ความรู้เรื่องการจัดการเหตุฉุกเฉินและปฐมพยาบาล รวมทั้งต้องมีทักษะในการควบคุมยานพาหนะซึ่งเกิดจากการเรียนและฝึกฝนปฏิบัติ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในกระบวนการออกใบอนุญาตขับรถของกรมการขนส่งทางบก

สำหรับในปี 2565 กรมการขนส่งทางบกจะมีการพัฒนา คือ สำคัญคือการนำเนื้อหาเรื่อง “การคาดการณ์อุบัติเหตุ (Hazard Perception)” เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้และทดสอบสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถ ทั้งนี้ เนื้อหาดังกล่าวเป็นการให้ความรู้ในการตัดสินใจ และการควบคุมรถที่ถูกต้อง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินในกระแสจราจรที่มีรูปแบบแตกต่างกัน  และฝึกทักษะให้สามารถคิดวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงจากสิ่งต่างๆ บนถนนได้ดียิ่งขึ้น สามารถตัดสินใจหลีกเลี่ยงได้ก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้จัดทำขึ้นจากการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนถนนในสถานการณ์ต่างๆ ตามบริบทของประเทศไทย โดยจะทยอยนำเนื้อหาดังกล่าว ประกอบในกระบวนการอบรมและทดสอบใบอนุญาตขับรถในปี 2565 นี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ขับขี่ทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์มีความสามารถในการรับรู้   เท่าทันต่อความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนถนนได้ ก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตขับรถไปใช้รถจริงบนถนน ซึ่งการการเพิ่มทักษะใหม่ในการสอบใบขับขี่นี้ จะเป็นจุดเปลี่ยน สำคัญในการพัฒนามาตรฐานใบอนุญาตขับรถ

“ตัวอย่างกรณีรถบิ๊กไบค์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสียชีวิต สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์กระแสจราจรในเมืองของไทย จำเป็นต้องเพิ่มองค์ความรู้ เกี่ยวกับ โดยเฉพาะ “การคาดการณ์อุบัติเหตุ Hazard Perception เพื่อให้ผู้ขับรถตระหนักและเพิ่มทักษะ โดยในเคสนี้หากผู้ขับมอเตอร์ไซค์ เมื่อขับรถมาเห็นทางม้าลายแล้วรถที่ด้านหน้าชะลอตัว ผู้ขับมอเตอร์ไซค์รายนี้ก็ต้องชะลอความเร็ว ไม่ใช่แซงขึ้นไป ลักษณะดังกล่าวเช่นนี้ ก็คือการคาดการณ์อุบัติเหตุ”

ทั้งนี้การสอบใบอนุญาตขับขี่ ยืนยันว่าจะมีการยกระดับตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น การใช้ใบรับรองแพทย์ประกอบการขอใบขับขี่ ในอนาคตจะปรับเป็นใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ตรวจความพร้อมของร่างกายก่อนสอบ จะมีการบันทึกข้อมูลเข้าระบบ “หมอพร้อม” เพื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ข้อมูลโรคประจำตัว รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลของแพทย์ที่ออกใบรับรองด้วย

นอกจากนี้ในอนาคตกรมการขนส่งทางบกจะร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินำระบบตัดแต้มของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่มาใช้ โดยลักษณะการตัดแต้ม เช่น เมื่อผู้ได้รับใบขับขี่จะมีแต้ม ทั้งหมด 12 แต้ม และหากโดนตัดแต้มลดลงไปครึ่งหนึ่ง หรือเหลือ 6 แต้ม ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการอบรมใหม่ ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างการออกแบบหลักสูตรสำหรับการอบรมซ้ำ ผู้ที่ถูกตัดแต้มดังกล่าว ซึ่งทั้งใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ และระบบการตัดแต้มร่วมกับ สตช. นี้ จะนำมาใช้ในปี 2565 นี้เช่นเดียวกัน

ส่วนข้อมูลในช่วงเกิดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 กรมการขนส่งทางบก ยังได้ปรับปรุงระบบออกใบอนุญาตขับรถ และต่อภาษี โดยนำระบบอิเลกทรอนิกส์ และออนไลน์มาใช้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว  และป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล โดยปัจจุบันพบว่าการเปิดอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้แล้ว ผ่านระบบ DLT e-learning ผ่านเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้สอบใบอนุญาต โดยพบว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการอบรมผ่านระบบออนไลน์ สะสมแล้ว 6,224,337 คน โดยเป็น ผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 5,027,858 คน หลังจากโครงการเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2563

 

นางสาวจิตวดี เพ็งมาก นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจกล่าวว่า  ปัจจุบันสมาคมฯ ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ด้านข่าวเศรษฐกิจ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเผยแพร่ความรู้ การปรับปรุง เพิ่มเนื้อหาการสอบใบอนุญาตขับขี่ โดยเฉพาะ “การคาดการณ์อุบัติเหตุ (Hazard Perception) ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่จำเป็นต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคม โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจเผยแพร่ความรู้ต่อสมาชิกผู้สื่อข่าว และสำนักข่าวเพื่อรับไปเผยแพร่เป็นข่าวสาร ทำความเข้าใจกับภาคสังคม