กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ไอมอเตอร์กรุ๊ป รุกตลาดรถไฟฟ้าในไทย เปิดตัวโมเดลนำร่อง “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) ชูนวัตกรรมฝีมือคนไทยแท้ พร้อมตั้งเป้าผลิตเดือนละ 8,000 คัน และขยายตัวรถรุ่นใหม่ทุกปี เตรียมก้าวขึ้นแท่นผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่ง
นายปรีชา ประเสริฐถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอ มอเตอร์ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัท ไอ มอเตอร์แมนูแฟคเจอร์ริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไอมอเตอร์ ได้เปิดตัว “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) ซึ่งเป็นผลงานการผลิตรุ่นแรกของบริษัทฯ ที่ผลิตขึ้นภายใต้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย คุณภาพระดับสากลตามมาตรฐาน TISI และได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองการใช้งานตามวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นผลงานการผลิตภายในประเทศด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยมากกว่า 85% โดยฝีมือคนไทยแท้ ที่ก่อให้เกิด Supply chain และการจ้างงานในประเทศมากขึ้น
“รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) เป็นรถไฟฟ้า 100% ที่ผลิตและออกแบบโดยคนไทย ต่างจากรถทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ และต่างจากรถไฟฟ้านำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศแล้วมาประกอบในไทย กำลังขับ 3,000 วัตต์ แรงบิด 190 N.M ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยในเมือง 75 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทางวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 100 กิโลเมตร และจะพัฒนาให้ไปถึง 300 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งภายในกลางปี 2566 ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ NEB จะตอบสนองกับผู้ขับขี่ที่เคยชินกับการขับจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์ในทุกมิติ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า โดยรถ NEB รุ่นแรกที่ผลิตจะเป็นทรงคลาสสิก มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้ในเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซด์รับจ้าง พนักงานส่งอาหาร ส่งเอกสาร หรือใช้สำหรับท่องเที่ยว
“จากปัญหาภาวะของโลกที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งภาวะโลกร้อน ปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5 ทั่วโลกจึงให้ความสนใจกับพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง รวมถึงในหลายประเทศได้มีแผนการส่งเสริม Road to Zero ภายในปี 2035 นี้ ส่งผลให้อัตราการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มไอมอเตอร์เตอร์ได้เล็งเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต จึงได้ผลิตและจัดจำหน่าย “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) รุ่นแรกในไทย ซึ่งเป็นรถที่ออกแบบให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทยโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุค New Normal รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน” นายปรีชากล่าว
นายกอบชัย ลังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ไอมอเตอร์กรุ๊ปได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ โดย “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” ของไอมอเตอร์นั้น สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนของประเทศไทย รวมถึงเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ทั้งยังกระตุ้นให้มีการตื่นตัวในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นแบบอย่างของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป”
ด้าน นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ไอมอเตอร์ได้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและประชาชนจำนวนมาก สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มุ่งมั่นการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ นโยบาย XEV ที่พัฒนามาเป็น BOI EV โครงการส่งเสริมการลงทุนครอบคลุมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถ 2 ล้อ 3 ล้อ 4 ล้อ รถบรรทุก ไปจนถึงเรือไฟฟ้า และโครงการส่งเสริมการลงทุนสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งเราได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของชิ้นส่วนประกอบสำคัญ ๆ ได้แก่ แบตเตอรี่, มอเตอร์, DCU, BMS และการวิจัยและพัฒนา (R&D)”
ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองดังกล่าว โดยมาตรการที่สำคัญ คือการลดใช้ยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษ และส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประเทศไทยนับเป็นชาติแรกในอาเซียนที่ได้มีมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และได้มีการตั้งแต่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงมีการประกาศปณิธานบนเวที UN ด้านความยั่งยืน และเชื่อมโยงไปสู่แผนการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่มุ่งหมายยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาโลกร้อน พร้อมเพิ่มการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ในปี 2030
สำหรับแผนการผลิตและแผนการตลาดที่กลุ่มไอมอเตอร์ตั้งเป้าไว้ หลังจากการเปิดตัว “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) โดยได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐอย่างเต็มที่ และจะมีหน่วยงานภาครัฐนำร่องโมเดลต้นแบบ (prototype) ซึ่งจะดึงดูดผู้สนใจในการมาร่วมลงทุนในโครงการนี้ ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศส่วนเป้าหมายการรุกตลาดในไตรมาส 1 ปี 2566 คือการขยายสายการผลิตที่ทันสมัย การใช้ระบบหุ่นยนต์ AI เพื่อประกอบรถให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งสายการผลิตสามารถรองรับได้เดือนละ 8,000 คัน หรือประมาณ 100,000 คันต่อปี รวมทั้งสร้างทีมบริการหลังการขายเป็นแบบ on-site และมีเป้าหมายที่จะออกรถรุ่นใหม่ ๆ ทุกปี ให้ครบทุกเซกเมนต์ ซึ่งจากผลตอบรับจากนักลงทุนที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มไอมอเตอร์มีความมั่นใจว่าสามารถทำได้ตามที่คาดหมายอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กลุ่มไอมอเตอร์ นับเป็นผู้นำด้านการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันมีการผลิตมากกว่า 10 รุ่น โดยในอนาคต รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทางไอมอเตอร์จะพัฒนาและผลิตในรุ่นต่อไปนั้น จะใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็น “กราฟีนแบตเตอรี่” (Graphene battery) และ “ออแกนนิก เซลล์ แบตเตอรี่” (Organic cell battery) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยระบบโซลาร์เซลล์ (Solar cell) และระบบชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทั้งหมดนี้จะอยู่ใน Motor Hub เดียวแบบครบวงจร ทั้งสำหรับรถ 2 ล้อ และ 4 ล้อ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” (NEB) และ “กลุ่มไอมอเตอร์” ได้ที่ www.imotorthailand.com และ facebook.com/imotorthailand
Forty high school gi…
Learn about the impl…
This website uses cookies.