แรงด้วยมอเตอร์! TRIUMPH รุดหน้า พัฒนาจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า TE-1 – ไทยรัฐ

ขณะนี้เฟสที่ 3 ของโปรเจกต์ Triumph TE-1 เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่พัฒนารถโปรโตไทป์ตัวสาธิตเวอร์ชันสุดท้าย ซึ่งเป็นการผสมผสานนวัตกรรมใหม่กับเทคนิคสุดท้ายที่มาจากพันธมิตรต่างๆ ในโปรเจกต์ความร่วมมือนี้ ดังนี้

Triumph Motorcycles โครงรถเวอร์ชันสุดท้าย ที่รวมถึงเฟรม และซับเฟรมท้าย ค็อกพิท แผงข้างและล้อ รวมไปถึงระบบขับเคลื่อนประกอบไปด้วย ระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อนด้วยสายพานแบบ Gates Carbon ระบบอิเล็กทรอนิกส์ โช้คหน้าหัวกลับจาก Öhlins และระบบกันสะเทือนหลังสำหรับรุ่นโปรโตไทป์จาก คาลิปเปอร์ Brembo M50 และซอฟต์แวร์ควบคุมจาก Triumph Motorcycles 

บริษัท Williams Advanced Engineering: ชุดแบตเตอรี่ WAE เวอร์ชันสุดท้าย มีการใช้เซลล์แบบแพ็กเกจเฉพาะ เพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ เหมาะสมกับบาลานซ์ที่ดี ยูนิตควบคุมยานพาหนะ ตัวแปลง DCDC ระบบระบายความร้อนในตัว พอร์ตชาร์จไฟ และฝาครอบคาร์บอน

บริษัท Integral Powertrain: ระบบส่งกำลังเวอร์ชันสุดท้าย พร้อมกับอินเวอร์เตอร์ในตัว ที่สามารถปรับสเกลได้ ควบรวมมอเตอร์ไฟฟ้า เข้ากับเทคโนโลยีซิลิกอนคาร์ไบด์สวิตช์ขั้นสูงมาใช้ พร้อมระบบระบายความร้อนในตัว

ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค University of Warwick: ขั้นตอนสุดท้ายของการจำลองการทดสอบก่อนใช้งานจริงนั้นเสร็จสมบูรณ์ โดยผลลัพธ์ที่ได้ บ่งชี้ว่าโปรเจกต์จักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าคันนี้ มีประสิทธิภาพ สมรรถนะ และความทนทานตามที่ได้ตั้งเป้าไว้

ความสำเร็จหลักของโปรเจกต์ในเฟสนี้ ได้แก่ ผลการทดสอบที่เหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐานในปัจจุบัน รวมไปถึงเกณฑ์ที่ UK Automotive Council กำหนดไว้สำหรับปี 2025 อาจกล่าวได้ว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าตัวโปรโตไทป์คันนี้ เป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพสูงสำหรับการพัฒนาสมรรถนะรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต วัตถุประสงค์โดยรวมของโปรเจกต์ TE-1 คือการมุ่งไปที่การพัฒนาขีดความสามารถของรถจักร จะได้นำไปเป็นข้อมูลต่อยอดในการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายในอนาคต เป็นการผลักดันด้านนวัตกรรม ขีดความสามารถ และก่อให้เกิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมจักรยานยนต์และการออกแบบด้วยอัตลักษณ์คลาสสิกสัญชาติอังกฤษ

การเริ่มดำเนินการความร่วมมือของโปรเจกต์ระยะที่ 4 หลังจากที่โปรโตไทป์ตัวสาธิตนั้นเสร็จสมบูรณ์ การทดสอบการใช้งานจริงของโปรเจกต์ TE-1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระยะที่ 4 ก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ โดยอยู่ในภายในกรอบระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ โปรโตไทป์ตัวสาธิตจะเข้าสู่โปรแกรมการทดสอบการใช้งานจริงอย่างละเอียดภายในสถานที่ทดสอบของ Triumph ประกอบด้วย

การทดสอบบนเครื่องจำลองการวิ่งบนถนน ซึ่งมีเกณฑ์การประเมินในคุณลักษณะหลัก ดังนี้

การปรับเทียบคันเร่ง

การแมปสมรรถนะของระบบส่งกำลัง

กำลังและแรงบิดที่ได้

ระยะทางที่วิ่งได้ และการใช้งานแบตเตอรี่

การพัฒนาโหมดการขับขี่

การตรวจสอบการทำงานของซอฟต์แวร์

การปรับแต่งค่าความร้อนให้เหมาะสม

การทดสอบในสนามแข่ง เกณฑ์การประเมินในด้านไดนามิกของผู้ขี่ที่ครอบคลุม ได้แก่:

การบังคับรถ

การเร่งความเร็ว

ระบบเบรก และการชาร์จไฟขณะเบรก (Braking regeneration strategy)

ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน

ระบบควบคุมการยกล้อหน้า

โปรแกรมการทดสอบได้รับการออกแบบมาเพื่อกำหนดแนวทางการตั้งค่า และการปรับเทียบครั้งสุดท้ายสำหรับโปรโตไทป์ตัวสาธิต

ความร่วมมือของโปรเจกต์ระยะที่ 4 จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อนปี 2022 หลังจากผ่านขั้นตอนการทดสอบใช้งานจริง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ช่วงฤดูร้อนปี 2022 โปรโตไทป์ TRiumph ตัวสาธิตจะได้รับการอัปเดตขั้นสุดท้าย โดยการเพิ่มแผนปิดตัวถัง และทำสี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขี่ทดสอบในสนามแข่ง รวมถึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าชมการทดสอบนี้ โดยจะมีการเผยแพร่ผลงานทั้งหมดของโครงการ และสเปกสุดท้าย รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึก และข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีการที่โปรเจกต์ TE-1 สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ทั้งในด้านนวัตกรรม การสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงสมรรถนะในด้านระยะทางที่สามารถวิ่งได้ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ เสริมด้วยการเปิดโอกาสให้เหล่าสื่อมวลชนได้พูดคุยกับทีมงาน ชมการทดสอบจริงของโปรโตไทป์ในสนามแข่ง และฟังความคิดเห็นจากนักขี่ที่ได้ทำการทดสอบ

นิค บลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ Triumph Motorcycles เปิดเผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพัฒนาการในระหว่างเฟส 3 ของโปรเจกต์ Triumph TE‑1 โดยที่รถจักรยานยนต์โปรโตไทป์เวอร์ชันสุดท้ายนั้นพร้อมแล้วสำหรับการทดสอบการใช้งานจริงในขณะนี้ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการสร้างนวัตกรรมสองล้อไฟฟ้าสัญชาติอังกฤษในครั้งนี้ โดยส่วนตัว รู้สึกตื่นเต้นกับผลงานที่เราทำสำเร็จร่วมกับพันธมิตร และรอคอยที่จะได้เห็นศักยภาพด้านอนาคตแห่งพลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง เราตั้งใจที่จะทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาโปรโตไทป์ตัวสาธิตซึ่งเป็นผลงานนวัตกรรมแห่งอนาคตต่อไปในขั้นตอนของการทดสอบการใช้งานจริงและรอวันที่จะได้เปิดเผยผลการทดสอบกับเหล่าแฟนๆ ของไทรอัมพ์ทั่วโลก”

ผลลัพธ์ของโครงการ Triumph TE-1 – ระยะที่ 3

โปรโตไทป์ตัวสาธิต

ทีมงาน Triumph TE-1 เริ่มต้นโปรเจกต์ในระยะที่ 3 โดยการสร้างจักรยานตั้งต้น

ซึ่งประกอบไปด้วย แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ มอเตอร์ รวมไปถึงโครงรถไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก จากแพลตฟอร์มจักรยานต้นแบบนี้ พันธมิตรในโปรเจกต์นี้ทุกราย ได้ร่วมมือในการปรับแต่งซอฟต์แวร์ ให้สามารถทำงานร่วมกับระบบต่างๆ ที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องทุ่มเทเวลานับร้อยชั่วโมงให้กับการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณลักษณะและซอฟต์แวร์ในทุกๆ ส่วนนั้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและใช้งานได้ง่ายสมกับความคาดหวังของลูกค้า โดยผ่านการตรวจสอบจากการจำลองสถานการณ์การใช้งานจริงที่ WMG ซึ่งการทดสอบและการจำลองระบบส่งกำลังด้วยอุปกรณ์ทดสอบเฉพาะ เพื่อประเมินเกณฑ์ต่างๆ ที่สำคัญในด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการทำงานของมอเตอร์และการควบคุมยานพาหนะ มีการทดสอบความทนทานของระบบเกียร์หลัก เพื่อให้มั่นใจว่าทีมงานจะมีความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างพื้นฐานระหว่างโหลดมอเตอร์ไฟฟ้ากับการใช้งานของยานพาหนะในแต่ละกรณี รวมถึงประสิทธิภาพ และผลกระทบที่เกิดขึ้นตามอายุการใช้งานเกียร์ ในขณะเดียวกันโครงรถรุ่นผลิตพิเศษซึ่ง Triumph เป็นผู้ดูแลหลักในการออกแบบได้ถูกพัฒนาควบคู่กัน โดยมุ่งเน้นให้สามารถผลิตออกมาได้ตรงตามเป้าหมายด้านสไตล์ที่กำหนดไว้ในความร่วมมือในระยะที่ 2 ให้มากที่สุด ขณะนี้เราผ่านความร่วมมือในระยะที่ 3 ของโปรเจกต์มาแล้วเมื่อโปรโตไทป์ตัวสาธิตได้รับการประกอบอย่างสมบูรณ์ โดยภาพถ่ายจะได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรกในวันนี้

สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ Triumph Motorcycles กล่าวว่า “ในความร่วมมือระยะที่ 3 นั้น เราเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพให้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นโปรโตไทป์คันแรกของ Triumph ผมรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากความพยายามของ Triumph และพันธมิตรในโปรเจกต์ TE-1 ในการสร้างรถจักรยานยนต์สาธิต นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดแล้ว ยังมี DNA การออกแบบของ Triumph อย่างชัดเจน ระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบใหม่ที่มีพละกำลังมหาศาลและเร้าใจ มีศักยภาพสูง พร้อมรองรับอนาคต ผมพร้อมที่จะพัฒนารถจักรยานยนต์สาธิตรุ่นนี้อย่างต่อเนื่องในความร่วมมือระยะที่ 4 และจะใช้ความรู้ความสามารถที่ Triumph มี เพื่อรวมเทคโนโลยีของพันธมิตรทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน และสร้างสรรค์ผลงานเวอร์ชันสุดท้ายที่จะเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ Triumph ในอนาคต ประสบการณ์ของเราบอกกับเราในขั้นตอนนี้ของ

โปรเจกต์ว่า เราจะต้องไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาแทนที่การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ในขณะพัฒนาความสามารถในการขับขี่ การบังคับรถ และคาแรกเตอร์ โดยมีเป้าหมายอย่างมุ่งมั่น คือการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ใหม่และเร้าใจ แต่ยังคงความใช้งานได้ง่าย และคุ้นเคยเอาไว้ในท้ายที่สุด ผมกำลังเฝ้ารอโอกาสครั้งแรกของผมในการได้ทดลองขี่โปรโตไทป์เวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบ”

บริษัท WILLIAMS ADVANCED ENGINEERING (WAE)

สืบเนื่องจากความสำเร็จในความร่วมมือระยะที่ 2 ที่เสร็จสมบูรณ์ในเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทดสอบแบตเตอรี่อย่างละเอียด บริษัท Williams Advanced Engineering ก็ได้ทำหน้าที่ได้อย่างลุล่วงในความร่วมมือระยะที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของโปรเจกต์นี้ นอกจากการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานการทำงานของซอฟต์แวร์ควบคุมรถจักรยานยนต์ Triumph เพื่อให้สามารถทำงานควบคู่ไปกับตัวควบคุม และระบบการจัดการแบตเตอรี่ของ WAE ทีมงานยังได้ยกระดับการผสานรวมโซลูชันเครื่องกลและระบบไฟฟ้า การปรับเลย์เอาต์ของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมเพื่อความสมดุลของมวลและการวางตำแหน่งภายในโครงรถ สำหรับรถจักรยานยนต์ตัวสาธิตกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการประเมินระดับของแบตเตอรี่ครั้งสุดท้าย เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายในด้านกำลัง และความหนาแน่นของพลังงานที่อยู่ในระดับแนวหน้า ในส่วนของผู้ขี่นั้นคือการสร้างความมั่นใจว่าสมรรถนะของจักรยานยนต์จะยังคงประสิทธิภาพแม้ในขณะที่พลังงานไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำ

“หลังจากการทดสอบอย่างต่อเนื่องยาวนาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลงานนี้ถูกนำไปใช้กับรถจักรยานยนต์จริงๆ สำหรับความร่วมมือกับทีมงาน Triumph ทำให้เราได้มีโอกาสท้าทายขีดความสามารถของเทคโนโลยีแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็คำนึงถึงผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา” มร. ดียร์ อาร์แดช หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท Williams Advanced Engineering กล่าวต่อว่า “เนื่องจากเราได้ออกแบบแบตเตอรี่ตั้งแต่เริ่มต้น ดีไซน์ของเราจึงสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน และเราสามารถผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อสร้างแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยมในด้านสมรรถนะ และสิ่งสำคัญที่สุดคือระยะทางที่สามารถวิ่งได้”

บริษัท INTEGRAL POWERTRAIN แผนก E-DRIVE

แอนดรูว์ ครอส หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของบริษัท Integral Powertrain กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์ และสร้างสรรค์ผลงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ได้แก่ มอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ที่ปรับสเกลได้โดยปราศจากสายไฟฟ้าแรงสูง บัสบาร์ หรือวงจรระบายความร้อนแบบแยก สำหรับโปรเจกต์ TE-1 ในส่วนของมอเตอร์มีกำลังสูงสุดและความหนาแน่นของพลังงานแบบต่อเนื่องอยู่ที่ 13 kW/kg และ 9 kW/kg ตามลำดับ ซึ่งค่าที่ได้นั้นสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่เป็นข้อกำหนดของเป้าหมายโรดแมปเทคโนโลยีใหม่ของ APC ประจำปี 2025 ถึง 60% การออกแบบให้มีคุณสมบัติทั้งหมดนี้ได้นั้น มาจากการเลือกใช้วัสดุ และกระบวนการผลิตที่สามารถทำงานร่วมกับการผลิตยานยนต์ในปริมาณมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้แพลตฟอร์มมอเตอร์ที่สามารถปรับความยาวได้

แนวคิดของอินเวอร์เตอร์ก็สามารถปรับสเกลได้เช่นเดียวกัน โดยการปรับจูนจำนวนระดับพลังงานซิลิคอนคาร์ไบด์ตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของมอเตอร์ที่แตกต่างกัน ช่วยให้สมรรถนะการทำงานที่ดี ทำให้ยูนิต TE-1 มีขีดความสามารถมากกว่า 500kW จึงมีโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาแพลตฟอร์มนี้เพื่อรองรับการผลิตจำนวนมาก การผสมผสานมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์นั้นได้ถูกติดตั้งในรถจักรยานยนต์โปรโตไทป์แล้วในขณะนี้ และทำผลงานได้ตรงตามเป้าหมายที่ได้สร้างขึ้นทั้งในด้านสมรรถนะ และประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงานต่อรอบการชาร์จ การออกแบบทางวิศวกรรม สร้างแบบจำลอง และจำลองสถานการณ์เสมือนจริงเอาไว้ เป็นเหตุการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอังกฤษ”

ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค (UNIVERSITY OF WARWICK)

ทรอง ควาง ดินห์ รองศาสตราจารย์ด้านระบบการจัดการและควบคุมพลังงาน ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค (University of Warwick) เผยว่า “ศูนย์ WMG เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Triumph ในการสนับสนุนการพัฒนายูนิตควบคุมรถจักรยานยนต์ โดยใช้กระบวนการประเมินแบบเรียลไทม์ที่ครอบคลุมทุกรายละเอียด ผ่านอุปกรณ์ทดสอบทางกายภาพที่สั่งผลิตโดยเฉพาะ 2 เครื่อง โดยแบบจำลองรถจักรยานยนต์แบบ 3 มิติ จะถูกผลิตขึ้น และติดตั้งไว้กับอุปกรณ์ทดสอบเครื่องแรก เพื่อให้สามารถประเมิน และปรับแต่งยูนิตควบคุมได้ภายใต้สถานการณ์การ

ขับขี่จริง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ายูนิตควบคุมนี้จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่นำไปติดตั้งในรถจักรยานยนต์โปรโตไทป์รุ่นแรก สำหรับอุปกรณ์ทดสอบเครื่องที่สองมีไว้เพื่อสนับสนุน Triumph ในการประเมินผลด้านกำลัง และสมรรถนะในด้านพลังงานของระบบส่งกำลังโดยรวม ตลอดจนการยืนยันผลลัพธ์ในด้านความทนทาน เรายังมุ่งเน้นไปที่การวิจัย และพัฒนาการควบคุมในระดับอื่นๆ ได้แก่ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูง กลยุทธ์การใช้อุปกรณ์ผสมแรงเบรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด ข้อมูลที่ได้จากการสร้างแบบจำลองระบบพลังงานการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง และการควบคุมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีศึกษาการใช้งานจริงของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเราได้รับจากโปรเจกต์ TE-1 นี้ ได้ถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาสื่อการสอนด้านระบบพลังงาน เทคโนโลยีไฮบริด และการใช้พลังงานไฟฟ้าในโปรแกรมการเรียนการสอนที่ WMG

นอกจากนี้ WMG ยังช่วยสนับสนุน Triumph ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาส และผลที่จะเกิดขึ้นในวงกว้างจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงการศึกษาโอกาสในการสร้างเครือข่ายระบบชาร์จไฟ ความจำเป็นของระบบรีไซเคิลรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ความจำเป็นในการจัดการห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่ระดับท้องถิ่น และทิศทางการดำเนินงานที่จำเป็นสำหรับ Triumph เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถออกแบบ พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ในอนาคต ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยเหล่านี้ยังช่วยกำหนดแนวทางให้กับหน่วยงานรัฐทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแทรกแซงด้านนโยบายจะสามารถช่วยสนับสนุนการเปิดรับการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น”

จิม ฮูเปอร์ หัวหน้าวิศวกรสำหรับโปรเจกต์ยานพาหนะไฟฟ้า ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค (University of Warwick) กล่าวว่า “ในการวิจัยจำนวนมากที่ดำเนินการโดย WMG แบบจำลองบนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัย (เช่น ซอฟต์แวร์ Uniwarp ของทางมหาวิทยาลัย) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจถึงแนวทางที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ หรือการดำเนินการที่จำเป็นในสถานการณ์ต่างๆ วิธีการนี้ยังช่วยสนับสนุนให้ WMG สามารถประเมินผลกระทบของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต่อสิ่งแวดล้อม และระบุวิธีการซึ่งสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้เพื่อการพัฒนาต่อยอดคุณลักษณะใหม่ๆ ของยานพาหนะ รวมถึงการกำหนดขนาดระบบยานยนต์ หรือการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกในโครงการใหม่”

ภาพรวมของโครงการความร่วมมือ Triumph TE-1

ความร่วมมือโครงการความร่วมมือ Triumph TE-1 โดยไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม ผู้นำด้านวิชาการ และรัฐบาลสหราชอาณาจักร

โครงการ Triumph TE-1 ในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันยอดเยี่ยมระหว่าง Triumph Motorcycles และผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของสหราชอาณาจักร ซึ่งแต่ละฝ่ายจะสร้างสรรค์นวัตกรรมในสาขาที่ตนเองถนัด ได้แก่

บริษัท Triumph Motorcycles จะเป็นผู้นำโครงการในด้านการออกแบบตัวถังรถจักรยานยนต์ขั้นสูงและด้านความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรม ความเป็นเลิศด้านการผลิต และระบบความปลอดภัยในการใช้งานที่ล้ำสมัย รวมทั้งกำหนดลักษณะการส่งกำลังของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

บริษัท Williams Advanced Engineering จะออกแบบแบตเตอรี่น้ำหนักเบาที่เป็นอุตสาหกรรมชั้นนำ โดยใช้การทดสอบและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการพัฒนา เพื่อสร้างระบบการจัดการแบตเตอรี่เชิงนวัตกรรมพร้อมกับชุดควบคุมยานพาหนะ

บริษัท Integral Powertrain แผนก e-Drive จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าความหนาแน่นสูงและอินเวอร์เตอร์คาร์ไบด์ซิลิกอน (silicon carbide inverter) โดยการผสานเข้ากับโครงติดตั้งมอเตอร์เอก (singular motor housing)

ศูนย์ WMG มหาวิทยาลัยวอร์ริค (University of Warwick) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้า และมีวิสัยทัศน์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมจาก R&D ให้เกิดผลกระทบเชิงพาณิชย์ผ่านการสร้างแบบจำลอง และการจำลองตามความต้องการของตลาดในอนาคต

สำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (OZEV) เป็นทีมที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะที่ปลอดการปล่อยมลพิษ รวมถึงให้เงินทุนสนับสนุนสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วสหราชอาณาจักร ภารกิจของ OZEV จะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศบนท้องถนนในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ OZEV ยังเป็นส่วนหนึ่งของกรมขนส่งและกรมยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจ พลังงาน และอุตสาหกรรม

Innovate UK เป็นหน่วยงานรัฐด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่สนับสนุนกลุ่มธุรกิจที่มุ่งเน้นในการวิจัยและพัฒนารวมถึงการเติบโตของธุรกิจในสหราชอาณาจักร

โครงการดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ขั้นหลัก โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งมอบระบบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะช่วยลดการจราจรที่ติดขัด ความซับซ้อนและความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์ ด้วยการพัฒนาส่วนประกอบแต่ละส่วนของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และปรับให้เหมาะสมกับหน่วยต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาใหม่

Triumph Motorcycles จะดำเนินงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์และความปลอดภัยของแบตเตอรี่ ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้าและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม การใช้ระบบเบรก รวมถึงระบบเบรกแบบ Regenerative Braking ระบบความปลอดภัยขั้นสูง นวัตกรรม และความสามารถที่พัฒนาขึ้น เพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

โครงการความร่วมมือ Triumph TE-1 พร้อมการสนับสนุนของสำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (OZEV) และ Innovate UK มุ่งเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกในการสร้าง เช่น ความสามารถของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขนส่งที่น้อยลง ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สำคัญของสหราชอาณาจักรในการลดการปล่อยมลพิษ

การเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ และยั่งยืนกับผู้ผลิตและซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมของ

สหราชอาณาจักร

ความเชี่ยวชาญ และความสามารถภายในทีมดำเนินงานของสหราชอาณาจักร การสร้างงาน และฐานความสามารถ ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงานที่ยั่งยืน ตลอดจนผลักดันชื่อเสียง รวมถึงอิทธิพลของสหราชอาณาจักรในเวทีโลก

ดร. ฟรานเซสก้า ลูดิเซลโล ผู้จัดการโครงการยานยนต์ปลอดการปล่อยมลพิษ Innovate UK กล่าวว่า “Innovate UK ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (OZEV) เพื่อส่งมอบโครงการการจัดส่งแบบบูรณาการตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเป็นการจัดหาเงินทุนสำหรับนวัตกรรมล้ำสมัยในภาคยานยนต์ เพื่อเทคโนโลยียานยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษ ตั้งแต่การอนุมัติแนวคิดไปจนถึงการทำยานยนต์สาธิต

โครงการความร่วมมือ Triumph TE-1 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้การแข่งขัน IDP15 และสอดคล้องกับนโยบาย Road to Zero และนับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนยานยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษ รวมถึงการก้าวไปสู่การปล่อยมลพิษที่เป็นศูนย์

เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการนี้ซึ่งเป็นโครงการบุกเบิกสำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษในสหราชอาณาจักร จากการพัฒนาที่ผ่านมาซึ่งประสบความสำเร็จ โดยกลุ่มผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความสามารถ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Triumph คันแรกที่ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเตรียมพร้อมที่จะเป็นรากฐานสำหรับอนาคตแห่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า”

จอน เบรย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) สำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (OZEV) กล่าวว่า “การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเป็นกุญแจสำคัญสำหรับพันธกิจในการทำให้สหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในการออกแบบ ผลิตและใช้ยานยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษ เรากำลังช่วยผลักดันการบรรลุเป้าหมายการลดปริมาณคาร์บอนในระบบขนส่งทางถนน ผ่านการสนับสนุนเทคโนโลยีเหล่านี้ ในขณะที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทั่วสหราชอาณาจักรด้วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโรคระบาดไปพร้อมๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม นี่คือเหตุผลที่สำนักงานเพื่อยานพาหนะปลอดการปล่อยมลพิษ (OZEV) ยังคงทำงานด้านการออกแบบและให้ทุนสนับสนุนการแข่งขันวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเป็นการสนับสนุนนวัตกรรมของสหราชอาณาจักรในการพัฒนารถยนต์ที่ปลอดการปล่อยมลพิษและเทคโนโลยีเพื่อการชาร์จไฟฟ้า

โครงการความร่วมมือ TE-1 ของ Triumph เป็นส่วนหนึ่งของผลงานการวิจัยและพัฒนาที่หลากหลาย สำหรับโครงการพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายไปพร้อมกับความพยายามในการยุติการผลิตยานพาหนะที่ใช้น้ำมัน รวมถึงความรับผิดชอบในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในแผนยุทธศาสตร์ 10 ข้อของนายกรัฐมนตรีสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียวของสหราชอาณาจักร (Ten Point Plan) เงินทุนสามารถสนับสนุน Triumph Motorcycles ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและขีดความสามารถไปข้างหน้าในแวดวงของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะเดียวกันก็มีส่วนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทผู้บุกเบิกความร่วมมือนี้ในสหราชอาณาจักร”