แท็กซี่โหดฉุนเสียงแตร ขับเหยียบคู่กรณี | ข่าวช่อง 8

แท็กซี่หัวร้อน ถูกคนขี่จักรยานยนต์บีบแตรเตือน ฉุนหนัก ขับรถพุ่งชนมอเตอร์ไซค์ล้ม หลังจากนั้นพยายามชนซ้ำ คู่กรณีแจ้งความ เจรจากันแล้วรอบหนึ่ง แต่ตอนนี้ติดต่อคนขับแท็กซี่ไม่ได้

จากกรณีเพจเฟสบุ๊ก เจ๊ม้อยv+ ได้โพสคลิป แท็กซี่คันหนึ่งจงใจพุ่งชนรถจักรยานยนต์ แถมจะเหยียบซ้ำ โดยกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้เป็นจังหวะที่รถมอเตอร์ไซค์ ขี่มาทางตรงกำลังจะเลี้ยว แต่เจอรถแท็กซี่เขียว-เหลือง จอดท้ายรถโผล่ออกไปขวางอยู่เลนกลาง จึงบีบแตรใส่และจอดตีคู่ข้างๆ เดินลงไปเตือน แต่จังหวะเดินกลับมาที่รถกำลังจะขี่ออกไป ปรากฎว่ารถแท็กซี่พุ่งชนมอเตอร์ไซค์จนล้ม ทำให้คนขี่คนซ้อนกระเด็นตกจากรถ ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วดึงตัวคนขับแท็กซี่ แต่คนขับไม่ยอมลง ขับรถพุ่งชนมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง โชคดีที่ คนซ้อนที่นั่งเจ็บอยู่ที่พื้นถนนกลิ้งตัวหลบได้ทัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ปากซอยกิ่งแก้ว 37  ช่วง 4 โมงเย็นวันที่ 20 มีนาคม

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ เพื่อพบกับ นายสมพร เยาวสังข์ อายุ 46 ปี และนางสาวจันทร์ธิมา ออนรอด อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งได้เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ฐานธิษณ์ แดนราศี สารวัตรสอบสวน สภ.บางแก้ว เจ้าของคดี เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี 

เบื้องต้นทราบว่า คนขับรถแท็กซี่ คือ นายชาญชัย อังศุวรพฤกษ์ ได้เข้ามาเจรจา ตกลงค่าเสียหายอยู่ที่ 20,000 บาท แต่นายชาญชัย ขอแบ่งจ่าย ซึ่งจ่ายมาแล้ว 5 พันบาทแรก พอนัดเจรจาในครั้งที่สอง นายชาญชัย ไม่ยอมเดินทางมา และไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เดินทางเข้ามาสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือไปเชิญตัวแล้ว แต่หลังจากวันนั้นก็ติดต่อโชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าวไม่ได้ 

ด้าน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว พันตำรวจเอก มงคล อ่อนแก้ว เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยเจรจากันแล้วรอบหนึ่งแต่ไม่เป็นไปตามนัด ทำให้ผู้เสียหายออกมายืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายเรียกฝ่ายแท็กซี่มาสอบปากคำหากออกหมายเรียกไม่มาพบก็จะขออนุมัตหมายจับ 

เมื่อถามว่าเข้าข่ายพยามฆ่าได้หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ฟันธงข้อหาดังกล่าวจะต้องสอบปากคำทั้งสองฝ่ายรวมถึงตรวจพยานหลักฐานต่างๆหากเข้าข่ายความผิดพยามฆ่าก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง ส่วนผู้เสียหายหากไม่ได้รับความเป็นธรรมทางคดีสามารถเข้าพบตนเองได้ทุกวันเวลาราชการที่ห้องทำงานโดยตรง