เทศกิจซุ่มจับ!มอ’ไซค์ขับขี่บนทางเท้า ‘สกลธี’สั่งกวดขันหนักปรับรายละ2พัน – หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันศุกร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 06.00 น.

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้ให้ทุกสำนักงานเขตเข้มงวดกวดขันการขับขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้าที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญและเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรบนทางเท้าอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากเหตุโควิด-19 เทศกิจมีภารกิจสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด อาจไม่ได้เข้มงวดมากนัก ซึ่งตนได้ให้นโยบายสำนักเทศกิจให้กลับมากวดขันในเรื่องนี้ทั้งออกตรวจตราเชิงรุก ตั้งจุดจับ-ปรับบนทางเท้า และซุ่มดักจับ จากการลงพื้นที่เขตบางแค บริเวณถนนเพชรเกษมขาออก ยืนซุ่มข้างปั๊มน้ำมันช่วงเวลาไม่มากนักจับได้เกือบ 10 ราย ทุกรายดำเนินการปรับ 2,000 บาท รายที่ไม่มีค่าปรับได้ยึดรถไปไว้ที่สำนักงานเขตและให้ผู้กระทำผิดนำเงินค่าปรับมาไถ่ ทั้งนี้ มีผู้ท้วงติงว่าปรับแพงเกินไป แต่ตนเชื่อว่าถ้ากวดขันจริงจัง ปรับให้แพงและต่อเนื่อง จะค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมของคนใช้รถไปเรื่อยๆ เพราะหลังๆ เริ่มเห็นคนเข็นรถแทนการขี่ขึ้นทางเท้ามากขึ้น

ส่วนบางกรณีเช่นผู้กระทำผิดทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือคนที่แจ้งเบาะแส หรือทำร้ายคนที่เดินสัญจรบนทางเท้า ให้นโยบายปรับสูงสุด 5,000 บาททุกกรณี ล่าสุดเหตุเกิดที่สายไหม คนขับขี่จักรยานยนต์ทำร้ายคนเดินสัญจรบนทางเท้า รวมถึงบริเวณถนนพระราม 4 เขตคลองเตยฝ่าฝืนขับขี่จักรยานยนต์ขึ้นทางเท้าเฉี่ยวคนที่เดินสัญจร แล้วไม่พอใจชักมีดขู่หลังเกิดเหตุได้ให้หัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 2 เขต ตรวจสอบทางทะเบียน เรียกตัวผู้กระทำผิดมาเปรียบเทียบปรับโทษสูงสุด 5,000 บาท ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะพยายามกวดขันและจับกุมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนใช้รถจักรยานยนต์ไม่ขับขี่บนทางเท้า เพื่อคนเดินสัญจรทางเท้าได้อย่างปลอดภัย


สำหรับโครงการกวดขันจับปรับผู้ฝ่าฝืนขับขี่ หรือจอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยบริเวณทางเท้าสาธารณะ โดยจัดชุดสายตรวจเทศกิจลงพื้นที่ตรวจตราเชิงรุก ตั้งจุดจับปรับในพื้นที่ 50 เขตจับกุมผู้ฝ่าฝืนนำรถขึ้นไปขับขี่ หรือจอดบนทางเท้า พร้อมบูรณาการ กรมการขนส่งทางบก MOU การเข้าถึงข้อมูลเจ้าของ หรือผู้ครอบครองรถ ตรวจสอบและติดตามผู้ครอบครองรถมาดำเนินคดีได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว โดยดำเนินการตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ. 2535 เริ่มต้นปรับ 500 บาท ในช่วงแรกและเพิ่มเป็น 2,000 บาท ในปัจจุบัน ปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการ ปี 2561-กุมภาพันธ์ 2565ปรับเป็นเงินแล้ว 44,327,480 บาท