HoonSmart.com>>ศุกร์ทมิฬ ดาวโจนส์ดิ่งเฉียด 1,000 จุด เตือนอย่าตกใจ มองเป็นโอกาสซื้อ 3 กูรูเสนอ 10 หุ้นสุดยอด บล.เมย์แบงก์ฯคาตตลาดตอบรับเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แล้ว กลยุทธ์ตั้งรับเวลาตลาดกลัว แนะ KKP ชี้เป้าราคา 80 บาท แถมปันผล 4.6% DCC มูลค่า 3.50 บาท MAJOR 25.50 บาท บล.กสิกรไทยมองหุ้นเดือน พ.ค.จะซึม ให้แนวต้าน 1,705 แนวรับ 1,650+- แนะ ASIAN,MTC ,BEM บล.หยวนต้าเสนอ ICHI ,IMH , SPA ,TTCL
ตลาดหลักทรัพย์จัดสัมมนาออนไลน์ “เงินเฟ้อพุ่ง ลงทุนอย่างไรให้รอด” โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำธีมเงินปันผลสูง เอาชนะเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นทั่วโลก ในไทยเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 5.7% สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ ภาพเงินเฟ้อระยะสั้นคงไม่ปรับลงง่าย ธนาคารกลางต่างๆ เริ่มใช้นโยบายเข้มขึ้นดอกเบี้ย คาดเงินเฟ้อปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 จะผ่อนลงมา
“ต้นเดือนพ.ค.เฟดขึ้นดอกเบี้ยแน่ๆ 0.50% แต่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงตอบรับเชิงลบไปแล้ว ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนใช้โอกาสจากตลาดกลัวมากๆ ตั้งรับหุ้นที่ลงมามาก”
นายวิจิตร แนะนำซื้อ KKP ราคาเป้าหมาย 80 บาท ไตรมาส 1/2565 ทำกำไรดีขึ้นมากกว่าตลาดคาด 20% คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนจาก NPLs ลดลงสู่ระดับ 2.85% คาดพอร์ตสินเชื่อยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ผสานรายได้จากธุรกิจตลาดทุนที่แรงขับเคลื่อนในช่วงครึ่งหลังของปี คาดอัตราผลตอบแทนปันผลราว 4.6% ต่อปี ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เม.ย. รอจังหวะย่อลงมา 70 บาทน่าสนใจ
นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อหุ้น DCC ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/2565 จะทำสถิติใหม่ต่อเนื่องที่ประมาณ 537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสที่ 4/2564 (QoQ) และ เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) เพราะปรับเพิ่มราคาขาย และขายสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น ภาวะการแข่งขันต่ำ หนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น คาด 45% จากปีก่อนอยู่ที่ 42% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E ต่ำเพียง 0.2 เท่า อัตราผลตอบแทนปันผลค่อนข้างสูงมาก 6.5% ต่อปี นำกำไรต่อหุ้นจ่ายปันผลทั้ง100% เทรดที่ P/E 15 เท่า คาดกำไรแข็งแกร่ง 1,777 ล้านบาท
นายวิจิตรยังแนะนำซื้อหุ้น MAJOR ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท หลังจากปี 2565 เข้าสู่จุดฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ขานรับภาพยนตร์หลายเรื่องฟอร์มยักษ์ที่จ่อคิวเข้าฉาย จากปีก่อนขาดทุน 800 ล้านบาท ขายเงินลงทุน SF มีการต่อยอด ปีนี้คาดเทิร์นอะราวด์กำไร 700 ล้านบาท มีการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงรายได้จากยอดขายป๊อปคอร์นมากขึ้น มีมาร์จิ้นสูง ขายผ่านหลายช่องทาง เตรียมลงทุนในกิจการใหม่ คาดอัตราผลตอบแทนปันผล 3.50% ต่อปี เชื่อว่ากระแสเงินสดดี จะสามารถจ่ายได้ 4-5% หลังลงทุนใน WORK, TKN มีโอกาสซินเนอร์จี้มากขึ้น
ด้านนาย สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ให้กลยุทธ์การลงทุนในเดือนพ.ค. และไตรมาส 2 มีมุมมองเป็นกลาง มีปัจจัยลบกดดัน คือสงครามฯลากยาว IMF และธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยถึง 9 ครั้ง บางแห่งคาดถึง 10 ครั้ง และการทยอยลดงบดุล คาดว่าหุ้นเดือนพ.ค. จะซึมให้แนวต้าน 1,705 จุดและแนวรับ 1650 +- มีโอกาสสูงที่หุ้นใหญ่ไม่ไป เล่นหุ้นกลางและเล็ก ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยบวกใหม่
ทั้งนี้ แนะนำซื้อหุ้น ASIAN ราคาเป้าหมาย 23.70 บาท ราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากต้นทุนสูง เช่นทูน่า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง แต่ราคาลงมาเทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และงบไตรมาส 1/2565 ไม่ได้แย่ คาดกำไร 250-260 ล้านบาท เติบโต 20% YoY หรือคงที่หรือ -5% จาก QoQ แนวโน้มคาดทุกไตรมาสจะเริ่มฟื้นตัว เริ่มจากไตรมาสที่ 2 มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 17%ที่ 6 พันตันต่อปี ธุรกิจรับจ้างผลิตสูง ผลักดันมาร์จิ้น ส่วนไตรมาสที่ 3 ช่วงฤดูกาล อัตรากำไรขั้นต้น มีกำไรตามค่าเงินบาทอ่อนสูงที่สุดเท่าที่บล.กสิกรไทยดูแล คือ 1 บาท มีผล 10% ส่วนหุ้นเทรดเพียง P/E 10 เท่า คาดปันผล 5% จากสถิติที่ผ่านมา 10 ปีย้อยหลัง เดือนเม.ย.ค่าเงินบาทอ่อนที่สุด ถึง 1.03 บาท ตอนนี้อ่อนเข้าใกล้ 34 บาท/ดอลลาร์ และ กำไรค่อยๆ ฟื้นตัว
ส่วนหุ้นไฟแนนซ์ก็น่าสนใจ หลายตัวราคาปรับตัวลงเทรดที่ P/E เหลือ 20 เท่า จากบอนด์ยีลด์ของไทยและสหรัฐขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนภาพความกังวลเงินเฟ้อ คาดปลายไตรมาสที่ 2 หรือต้นไตรมาส 3 บอนด์ยีลด์พีค 3 % และกำลังลดลง ยกหุ้น MTC เด่นสุด เบอร์ 1 จำนำทะเบียรถ หุ้นเทรดP/BV เหลือ 3.5 เท่า จากที่เคยถึง 6-7 เท่า เชื่อเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ กำไรยังโต 20-25%ขึ้นไป ความกังวลคู่แข่ง ก็ไม่น่ากลัว บริษัทเริ่มมีการออกสินค้าใหม่ มาร์จิ้นสูง และมีโอกาสปรับดอกเบี้ยเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ขึ้น หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่การออกหุ้นกู้ยังคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ต้นๆ แนวโน้มผลดำเนินงานจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ใหม่สัดส่วนจาก 5% เพิ่มเป็น 10% ขณะที่มีมาร์จิ้น 24% เทียบกับรถยนต์ 18 % ทำยอดรวมดีขึ้น
นาย สรพลแนะนำซื้อ BEM ราคาเป้าหมาย 9.99 บาท เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ขึ้นเลย เทียบกับหุ้นเปิดเมือง และธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดเดือนเม.ย.ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า และทางด่วนเพิ่มขึ้น กำลังจะฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมา และสำนักงานเปิดให้พนักงาานเข้าทำงานมากขึ้น และยังมีข่าวดีจากรถไฟฟ้าสายสีส้มกำลังร่าง TOR ใหม่ เปิดประมูล BEM มีโอกาสสูงชนะการประมูล
นายธีรธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์ต้องหาจังหวะในการลงทุน เชียร์หุ้น ICHI ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเพิ่มขึ้นสุทธิ 5% บริษัทสามารถจัดการ โดยการปรับขึ้นราคาขายส่ง 1-3% ลดผลกระทบได้ 50% และรายได้เติบโต 10% จะดูแลต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 3% คาดปีนี้รายได้โต 10-15% ไม่รวมการรับจ้างผลิต
ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกคาดมีกำไร 140 ล้านบาท โต 5 % QoQ และ 14% YoY เด่นที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่ม ปีก่อนธีมวิตามินเด่นแต่เป็นเพียงแฟชั่น ส่วนปีนี้ชาเขียวมา หลังจากตลาดหดตัว7 ปีติดต่อ มูลค่าเคยสูงถึง 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท ลดลงมาเหลือ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ถ้ากลับไป 1.4-1.5 หมื่นล้านบาทก็เป็นผลดีต่อผู้นำตลาด 3 รายแรก และไตรมาส 2 เป็นไฮซีซั่นดีมาก ครึ่งปีหลังจะไม่ชะลอเหมือนทุกปี และบริษัทยังมีงานรับจ้างผลิตจาก 2 ลูกค้าใหญ่ เปิดตัวแล้ว 1 คือ จีนจ้างผลิตขายส่งสินค้าไปขายในฟิลิปปินส์ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 2 ส่วนรายที่ 2 คาดเป็นผู้เประกอบการอาหารและเครื่องดื่ม ชื่อเสียงระดับโลก คาดรายได้เริ่มเข้ามาในไตรมาส 3 ไม่รวมถึงการออกสินค้าใหม่ 2 ตัว คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 4 มีโอกาสดีที่สุดของปี
ในภาวะตลาดหุ้นโลกผันผวน เป็นขาลง หุ้นโรงพยาบาลจะดีกว่าตลาด แนะนำซื้อ IMH เป้า 28 บาท จากการเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพ ตรวจร่างกาย ไม่เรียกตัวเองว่าเป็นโรงพยาบาล และการซื้อโรงพยาบาลประชาพัฒน์ ปีก่อนรับรายได้ 9 เดือน ส่วนปี 2565 รับเต็มปี มีเตียงจำนวน 100 เตียงเต็ม เพราะโควิด คาดไตรมาส 1 กำไรดี ส่วนครึ่ปีหลัง สร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขนาด 600 เตียง และส่งประชาพัฒน์เข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้ เพิ่มมูลค่าและเพิ่มมาร์เก็ตแคปใหญ่กขึ้น แต่ราคาหุ้นยังถูก ซื้อขายที่ P/E 9 เท่า เทียบเฉลี่ยของกลุ่มที่ 27 เท่า บางแห่งเกือบ 30 เท่า คงประมาณการกำไรปี2565 ที่ 594 ล้านบาท +8.6% YoY
นอกจากนี้ แนะนำซื้อหุ้น SPA ให้เป้าหมาย 10 บาท ผลงานไตรมาส 1 ไม่หวือหวา ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการแล้ว 80% ของสาขาในประเทศ และลูกค้ามาใช้บริการเกือบ 50% คาดครึ่งปีหลังจะดีขึ้น หวังว่าทางการจีนจะปล่อยให้ออกมาท่องเที่ยวในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม P/Eสูง ในช่วงเทิร์นอะราวด์
นายธีรธนัตถ์ แนะนำซื้อ TTCL จากราคาที่เคยยืนสูง 30 -40 บาท ร่วงมาเหลือ 20 บาท และลดเหลือ 4-5 บาทในปัจจุบันให้เป้าหมาย 7.95 บาท เพราะผลกระทบจากการตั้งสำรองสูง จากการทำเหมืองที่ลาวของรัฐวิสาหกิจเวียดนาม โครงการนี้หยุดชะงัก แต่ลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง คาดว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปฟังการตัดสินคดีนี้ อาจจะถึงที่สุด ในช่วงกลางปี มูลค่าที่ฟ้องไป 3,000 ล้านบาท ตั้งสำรองแล้ว 1,200 ล้านบาท บริษัทคาดหวังว่าน่าจะได้ทั้งหมด 1,200 ล้านบาท อย่างน้อยมีอยู่ 539 ล้านบาท อนุญาโตตุลาการสั่งมาแล้ว กลับรายการพิเศษกลับมาได้ ขณะที่มี D/E ค่อนข้างสูง ก็จะคลี่คลายลง
“ผลประกอบการของ TTCL จะต้องดูที่กำไรปกติ คาดว่าจะมีจำนวน 327 ล้านบาท กำไรสุทธิ 51 ล้านบาทในปีนี้ เพราะตั้งสำรองอีกก้อนปีละ 280 ล้านบาท รวม 3 ปี ตกไตรมาสละ 70 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีงานในมือ 24 โครงการ มูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านบาท”