“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่งเป็นพี่สาวของนายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ ที่ถูกดำเนินคดีฟอกเงินเว็บพนัน ยืนยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) จับกุมนายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี และ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางรถซูเปอร์คาร์ 6 คัน เช่น Lamborghini, Ferrari, McLaren รถกระบะ 1 คัน รวม 13 คัน มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 2 คัน ธนบัตรไทยและสกุลเงินต่างประเทศ 42 ล้านบาท นาฬิกาหรู เช่น Richard Mille, Patek Phillips, Rolex, Omega จำนวน 8 เรือน กระเป๋าแบรนด์เนม เช่น Hermes, Louis Vuitton 50 ใบ คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 44 เล่ม บ้านพักหรู 4 หลัง และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท

ล่าสุดวันนี้ (17 ธ.ค.) เพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง จิราภรณ์ อรุณากูร หรือหมอโอ๋ กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดีฯ ซึ่งเป็นพี่สาวของนายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ ที่กำลังตกเป็นประเด็นคดีฟอกเงินเว็บพนัน

โดยระบุว่า “จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกคนที่แสดงความห่วงใยมาถึงครอบครัวของหมอนะคะ ขณะนี้หมอและสามีพาลูกมาแข่งยิมนาสติกอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีกำหนดกลับคืนวันอาทิตย์นี้

หมอ คุณแม่ และน้องชายอีกคน เพิ่งทราบเรื่องพร้อมกันหลังจากที่มีตำรวจมาที่บ้าน คุณแม่ช็อกตกใจมาก ไม่มีใครทราบเรื่องเหล่านี้มาก่อน ตอนนี้กำลังเป็นห่วงสภาพจิตใจคุณแม่ และหลานๆ มาก

หมอยังไม่ทราบรายละเอียดจากน้องชาย เพราะกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ หมอไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ เพราะคิดว่าตัวเองไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้นและหมอไม่ควรแทรกแซงกระบวนการทางกฎหมาย เลยอยากขอชี้แจงเท่าที่ตัวเองจะชี้แจงได้นะคะ

บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโตณ ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)

บ้านเราไม่ทราบเรื่องธุรกิจที่เป็นข่าว หมออ่านข่าวยังตกใจมาก แต่ก็อยากทราบความจริงจากน้องด้วย

สิ่งที่เรายืนยันได้คงมีแค่จากตัวเรา.. หมอและครอบครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว

และในฐานะพี่สาว ที่น้องกำลังเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ไม่ว่าผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร

หมอแน่ใจว่าความรักที่พี่มีให้กับน้อง และกำลังใจที่จะช่วยให้น้องเรียนรู้และเติบโตจากความผิดพลาด ก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ

ขอบคุณทุกคนที่แสดงความเข้าใจมานะคะ

หมอโอ๋

**หมอไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ นะคะ ด้วยเหตุผลตามที่แจ้งไป และไม่ใช่เรื่องของตัวหมอเอง และอยากใช้เวลาเพื่อดูแลจิตใจของคนในครอบครัวด้วยค่ะ”

คลิก>>>อ่านข่าวประกอบ