สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นาย กั๊วะ กังตัง ชายชาวจีนวัย 51 ปี ได้พบกับลูกชายคือนาย กั๊วะ ซินเจิ้น ซึ่งถูกคนร้ายลักพาตัวไปเมื่อ 24 ปีก่อนอีกครั้งแล้ว ที่สถานีตำรวจในเมืองเหลียวเฉิง มณฑลซานตง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งภาพความประทับใจนี้ถูกสื่อต่างๆ ถ่ายทอดไปทั่วประเทศ
กั๊วะ ซินเจิ้น ถูกคนร้ายชายหญิงลักพาตัวไปขณะที่เขาเล่นอยู่คนเดียวที่หน้าบ้านในมณฑลซานตงเมื่อ 21 ก.ย. 2540 โดยผู้ต้องสงสัยหญิง แซ่ถัง จับตัวเด็กแล้วพาไปพบกับผู้ต้องสงสัยชายแซ่ หู่ ที่จุดจอดรถประจำทางแห่งหนึ่ง ก่อนจะนั่งรถบัสข้ามไปยังมณฑลเหอหนาน แล้วนำเด็กไปขายให้แก่ครอบครัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น
หลังเกิดเหตุ นายกั๊วะผู้พ่อพยายามอย่างหนักในการตามหาลูกชาย เขาแบกป้ายภาพลูกชาย ขี่จักรยานยนต์เดินทางไปใน 20 มณฑลเป็นระยะทางกว่า 500,000 กม. ทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตกับภารกิจนี้ และพบเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจนกระดูกหัก, ถูกโจรปล้น และต้องเปลี่ยนจักรยานยนต์ถึง 10 คัน หลายครั้งที่ต้องหลับนอนบนสะพาน หรือขอเงินจากคนอื่น เมื่อตนเองเงินหมด
ล่าสุด หลังจากผ่านไปนานถึง 24 ปี กระทรวงความมั่นคงสาธารณะก็ออกมาเปิดเผยว่า ตำรวจหาตัวนาย กั๊วะ ซินเจิ้น จนเจอแล้ว โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบดีเอ็นเอ และพบว่านายกั๊วะผู้ลูกวัย 26 ปียังใช้ชีวิตอยู่ในมณฑลเหอหนาน โดยประกอบอาชีพเป็นครู ตำรวจจึงแจ้งกับเขาว่า พ่อแม่ที่แท้จริงของเขานั้น ตามหาตัวเขามาตลอด ก่อนเจ้าหน้าที่จะพาทั้งหมดมาพบกันที่สถานีตำรวจเมืองเหลียวเฉิง
เมื่อทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกได้พบหน้ากัน พวกเขาก็สวมกอดกันด้วยความดีใจ โดยผู้เป็นแม่กล่าวด้วยความยินดีว่า “ลูกแม่ ลูกกลับมาแล้ว!” ขณะที่นายกั๊วะพูดว่า “ตอนนี้เราพบลูกชายแล้ว จากนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างจะมีแต่ความสุข”
ด้านผู้ต้องสงสัย 2 คนคือนายหู่กับนางถัง ถูกตำรวจตามแกะรอยจนพบเช่นกัน และถูกจับกุมตัวแล้ว
ทั้งนี้ เรื่องราวของนายกั๊วะได้รับความสนใจจากสื่อเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘Lost and Love’ ในปี 2558 ได้ดาราฮ่องกงชื่อดังอย่าง หลิว เต๋อหัว มาเป็นนักแสดงนำ ซึ่งนายหลิวที่รู้จักกับนายกั๊วะตอนถ่ายทำภาพยนตร์ ก็ออกมาร่วมแสดงความยินดีที่นายกั๊วะได้พบหน้าลูกชายด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2555 สื่อสังคมออนไลน์เริ่มแพร่หลายในจีน นายกั๊วะได้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ตามหาคนหายในจีนขึ้นมา และช่วยเหลือพ่อแม่ให้ได้พบหน้าบุตรหลานที่ถูกลักพาตัวไปได้แล้วถึง 7 คดี