กรณีเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมระบุว่า “ผลงานการขับรถของวัยรุ่นสาว 17 ปี ที่พ่อแม่ตามใจปล่อยให้ลูกขับรถเองตามลำพังจนทำให้มีครอบครัวหนึ่งต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปกับวีรกรรมของเธอในครั้งนี้ เกือบ 1 ปีที่ทางครอบครัวผู้เสียหายยังทนทุกข์และไม่ลืมเหตุการณ์ในวันนั้น เฝ้ารอเสมอว่าเมื่อไหร่ทางคู่กรณีจะแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการปลอบขวัญด้วยเงินชดเชยเพียงแค่สองแสนบาทและคดีความที่แทบไม่ขยับทดแทนการกระทำนี้แล้วใช่ไหม…ฝากนักข่าวทวงความยุติธรรมให้กับครอบครัวนี้ด้วยนะคะ”
กล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ คืนวันที่ 15 ธ.ค. 64 เวลาประมาณ 01.49 น. รถมอเตอร์ไซต์ของคนตายขับมาตามทางปกติ มาด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลักษณะกำลังชะลอเพื่อจะข้ามทางรถไฟ เนื่องจากเป็นเนินไม่สามารถขับความเร็วได้ มีรถฮอนด้า CRV สีเทาขับมาด้วยความเร็ว ชนท้ายรถมอเตอร์ไซต์ของนายกรเทพ จนกระทั่งร่างกระเด็นกระแทกพื้น ทำให้ตัวรถมอเตอร์ไซต์และคนไปคนละทิศทาง ส่วนรถฮอนด้าของสาว 17 ปี เสียหลักไปชนกับแนวรั้วฝั่งซ้ายของถนน
ล่าสุด วันที่ 9 ม.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณถนนเลียบคลองประปา เขตพื้นที่ สน.เตาปูน กรุงเทพมหานคร เป็นทางปกติตัดกับทางรถไฟ บริเวณใต้ต่อหม้อฐานรถไฟฟ้า จุดดังกล่าวเวลาที่รถจะวิ่งผ่านจะต้องชะลอความเร็ว ต้องขับข้ามทางรถไฟที่เป็นลักษณะเนิน หากไม่มีการชะลอรถจะมีลักษณะกระโดดเหินขึ้นทันที
ห่างจากทางรถไฟประมาณ 15 เมตร มีแนวรั้วเหล็กขอบทางลักษณะถูกชนพังเสียหาย เนื่องจากรถฮอนด้า CRV สีเทา ทะเบียน ฏน7221 กทม. ของสาว 17 ปี ไปชนรั้ว หลังชนกับรถของนายกรเทพ กุฏีงาม หรือ เบนช์ อายุ 29 ปี เสียชีวิต
ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดเชิงหวาย ศาลา 5 ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายกรเทพ กุฏีงาม หรือ เบนช์ อายุ 29 ปี มีการตั้งสวดอภิธรรมจนกระทั่งถึงวันที่ 23 ธ.ค. 64 และมีกำหนดการฌาปนกิจศพในวันที่ 24 ธ.ค. 64 แต่ความคืบหน้าทางคดียังไม่เป็นที่น่าพอใจของครอบครัว ประกอบกับการจ่ายเยียวยาและช่วยเหลือของฝั่งสาว 17 ปียังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทำให้มีการเก็บศพเอาไว้จนกระทั่งปัจจุบัน
โดยร่างของนายกรเทพ บรรจุเอาไว้ในโลงเย็น มีนางอัญชลี พวงมาลี อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ เดินทางมาที่วัดทุกวัน มักจะมาเคาะโลงศพพูดคุยกับลูก บอกว่า “หลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นหวงแม่ แม่มาแล้วลูก แม่จะขอความยุติธรรมคืนให้กับลูกนะ” ในแต่ละวันที่เดินทางมาหาลูก นางอัญชลีก็จะนำดอกไม้มาวางให้ลูกบนโลงเป็นประจำ
นางอัญชลี พวงมาลี อายุ57ปี แม่คนตาย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เหตุการณ์ในคืนวันที่ 15 ธ.ค. 64 เวลา 01.49 น. ลูกชายออกไปซื้อของให้กับยายที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ปกติลูกชายจะเป็นคนดูแลยาย ดูแลคนในครอบครัวเป็นอย่างดี ที่สำคัญลูกชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานรับจ้างพิเศษ ไม่ว่าใครจะจ้างให้ไปประดับตกแต่งดอกไม้ ไปฟ้อนรำ เกี่ยวกับงานนาฏศิลป์ ลูกชายก็จะออกไปทำงาน เคยบอกกับตนเองเสมอว่า “จะไม่ทำให้แม่เหนื่อย จะเป็นเสาหลักดูแลครอบครัว และไม่ต้องการให้แม่ออกไปทำงานอะไรอีกแล้ว”
เหตุการณ์ที่สาว 17 ปี ขับรถด้วยความเร็วทำให้ลูกชายของตนเองต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เป็นความเจ็บปวดที่ตนเองทนทุกข์อยู่ทุกวันนี้ ทุกวันก็จะมานั่งพูดคุยเคาะโลงอยู่เป็นเพื่อนลูก หลายครั้งทุกคนมองว่าตนเองบ้า ตนก็ยอม เพราะการที่ตนเองมาเยี่ยมลูกก็กลัวว่าลูกจะเหงา
ส่วนหลังจากเกิดเหตุขึ้น คู่กรณีโดยเฉพาะสาว 17 ปี และคนในครอบครัวดินทางมาร่วมงานในช่วงวันแรก ๆ พร้อมกับนำพวงหรีดมาแสดงความเสียใจ วันนั้นจำได้ว่า 16-17 ธ.ค. 64 แม่ของสาว 17 ปีได้พาลูกสาวมากราบขอขมาศพ เข้ามาขอขมาตนเอง ยอมรับว่าครั้งแรกที่มีการเจอกันต่างฝ่ายต่างเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน แม่สาว 17 ปีก็ยอมรับผิดที่ปล่อยประละเลยให้ลูกสาวขับรถ พร้อมที่จะยอมรับผิดและช่วยเหลือชดเชยทุกอย่าง ตนเองได้ยินคำพูดแบบนั้นก็ไม่ถือโทษโกรธ เพราะถือว่าครอบครัวฝั่งของคู่กรณีสำนึก
แต่เมื่อถึงวันที่นัดเจรจากันที่โรงพัก สน.เตาปูน 27 ธ.ค. 64 สาว 17 ปีได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อและแม่ ท่าทีเปลี่ยนไปจากครั้งแรก อ้างว่าผู้ก่อเหตุมีการไปสอบใบขับขี่ ตนเองได้มีการเสนอเงิน 5 ล้านบาทสำหรับค่าเยียวยาจิตใจ คู่กรณีกลับบ่ายเบี่ยง พูดกลับคำอ้างว่า 5 ล้านบาท หาทั้งชีวิตก็หาไม่ได้ ใครจะยอมจ่าย จึงทำให้การเจรจาที่โรงพักบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ พนักงานสอบสวนก็ได้มีการนัดหมายให้ไปเจอกันอีกครั้ง 5 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา ฝั่งของสาว 17 ปีและพ่อแม่ไม่ได้เดินทางมา ส่งมาเพียงทนายความส่วนตัว บอกแต่เพียงว่า “ครอบครัวผู้ก่อเหตุจ่ายเงินเยียวยาเพียงแค่ 200,000 บาทเท่านั้น สามารถช่วยสูงสุดได้แค่นี้” ซึ่งตนเองมองว่าชีวิตลูกชายทำไมถึงถูกตีมูลค่าได้น้อย ทั้งที่ลูกชายสามารถมีอนาคตไปอีกไกล เป็นเสาหลักให้กับครอบครัวได้มากกว่านี้ ตนเองขอชีวิตลูกชายคืนกลับมาจะดีกว่า เพราะถ้าหากเอาลูกชายคืนกลับมาได้ แม้แต่เงินสตางค์เดียวตนเองก็จะไม่รับ
ส่วนกรณีที่แม่ของสาว 17 ปีไปให้การกับพนักงานสอบสวน ป่าวประกาศบอกคนอื่นว่ามีการจ่ายเงินค่าทำศพจำนวน 30,000 บาท โดยมีการมอบซองร่วมทำบุญมาแล้วนั้น ยอมรับว่าได้รับซองดังกล่าวมาจริง แต่ไม่เคยรู้จำนวน หลังจากที่รับมาซองยังอยู่ในสภาพเดิม วันนี้ตนเองขอเปิดให้ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ดูพร้อมกันและนับจำนวน ปรากฏว่ามีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 20 ใบ รวมมูลค่า 20,000 บาท ไม่ตรงตามที่แม่ของสาว 17 ปีอ้าง
ดังนั้นหากเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนเองตัดสินใจรับเงินจำนวน 200,000 บาท จากครอบครัวของสาว 17 ปีแล้วนำมารวมกับเงินค่าทำศพที่ใส่ซองมาร่วมทำบุญ 20,000 บาท ชีวิตของลูกชายที่เสียไปโดยไม่ได้กระทำอะไรผิด ก็จะมีมูลค่าเพียงแค่ 220,000 บาทเท่านั้น ตัวเองอยากให้นึกย้อนถึงความเป็นคน ว่าชีวิตของคน 1 คน จะมีมูลค่าได้เพียงแค่นี้หรือ แต่ถ้าไม่อยากจะจ่ายเงิน ก็ขอให้เอาชีวิตลูกชายคืนกลับมาได้หรือไม่
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นางอัญชลี แม่ของคนตาย ส่งภาพให้ทีมข่าวดู เป็นภาพของสาว 17 ปีที่เดินทางมาพร้อมกับคนในครอบครัว เข้ามากราบขอขมา และเข้ามาจุดธูปในคืนสวดอภิธรรมคืนที่ 1-2 โดยในวันดังกล่าวบรรยากาศไม่ได้ตึงเครียด