สาวญี่ปุ่นทำไมชอบจิ๊กโก๋? หนุ่มๆ ไม่ควรปรึกษาผู้หญิงญี่ปุ่นเรื่องจีบหญิง – ผู้จัดการออนไลน์

สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เพื่อนๆ เคยคิดไหมครับว่าการปรึกษาเรื่องจีบสาวกับเพื่อนบางคน บางทีคำแนะนำนั้นๆ นำไปใช้จริงไม่ได้ อาทิตย์ที่แล้วผมพูดถึงการเลือกแต่งงานกับ Bianca และ Flora ในเกมซีรีส์ดราก้อนเควสต์ Dragon Quest ภาคที่ 5 ที่จะให้คนเล่นเกมเลือกว่าจะแต่งงานกับใคร? ช่วงนี้มีประเด็นพูดคุยเกี่ยวกับดราก้อนเควสต์ค่อนข้างเยอะหลังจากที่มีข่าวซุปซิปว่าเพลงที่ใช้ในพิธีเปิดโอลิมปิกที่ปิดเป็นความลับมานานได้รั่วไหลออกมารอบสนามกีฬาอาริอาเกะ อารีนาในกรุงโตเกียว ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเพลงหลักของเกมดราก้อนเควสท์ Dragon Quest เกม RPG ที่โด่งดังในอดีต ที่แม้จะเป็นที่รู้จักอย่างมากในญี่ปุ่น แต่ในตลาดต่างประเทศนั้นกลับไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร เพื่อนบางคนอาจจะยังไม่รู้จักเกมดราก้อนเควสท์ ที่ส่วนใหญ่ทุกภาคจะเป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกของเกมที่จะรับบทเป็นผู้กล้าที่จะออกเดินทางไปปราบราชาปีศาจเพื่อช่วยโลกของเราให้พ้นภัย ส่วนใหญ่เกือบทุกภาคตัวเอกจะเป็นผู้กล้าที่ถูกเทพเจ้าเลือกหรือเป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากผู้กล้าในอดีต เป็นผู้ที่สามารถครอบครองอาวุธชุดเกราะในตำนานได้ เป็นตัวเอกเท่านั้นที่สามารถทำได้ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็จะไม่สามารถยกขึ้น หรือไม่สามารถใช้อาวุธชุดเกราะวิเศษในภาคนั้นๆ ได้ แต่จะมีดราก้อนเควสท์เกมภาคที่ 5 ที่ตัวเอกเป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือกมาจากเทพเจ้า และไม่ใช่ลูกหลานผู้กล้าในอดีต และไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร

แต่เมื่อเล่นเกมมาถึงจุดหนึ่งเกมจะให้ผู้เล่นเลือกเจ้าสาวเพื่อแต่งงานครับ เป็นที่มาของประเด็นโต้เถียงที่ว่า “ควรแต่งงานกับใครระหว่าง Bianca และ Flora?” ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คงจะเลือก Bianca เป็นเจ้าสาว เพราะเธอเป็นตัวละครที่มีมาตั้งแต่ต้นมีความความสัมพันธ์กับตัวเอกตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ที่ตัวเกมได้บอกเล่าถึงความผูกพันของทั้งคู่เพราะเดินทางร่วมเสี่ยงตายด้วยกันมาตลอด แต่อีกหลายคนก็นึกเสียดาย Flora สาวสวยผู้น่ารักลูกมหาเศรษฐีและมีคาถาอาคมสามารถร่ายเวทมนตร์ได้มากมายกว่า มีความสวย รวย มีความสามารถช่วยทำให้ชนะเกมได้ง่าย นักเล่นเกมที่หวังเอาชนะและเคลียร์เกมให้จบไวๆ มักจะเลือก Flora จนทำให้เกิดคำถามนี้ขึ้นมาอภิปรายโต้เถียงกัน และมันก็เลือกยากจริงๆ ดราก้อนเควสท์เกมภาคที่ 5 ถือว่าเป็นภาคที่หลายๆ คนต่างจดจำได้และชื่นชอบมาก และเมื่อไม่นานนี้ก็เกิดประเด็นขึ้นมาอีกเพราะมีนักการเมืองสาวคนหนึ่งออกมาเปรียบเปรยเรื่องการเลือกแต่งงานระหว่าง Bianca และ Flora อีก

ที่เกิดประเด็นขึ้นมาในโลกโซเชียลก็คือเมื่อนักการเมืองท้องถิ่นสาวคนหนึ่งที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งออกมาพูดขอบคุณผลการเลือกตั้งของเธอ และเปรียบเปรยถึงการเลือกแต่งงานระหว่าง Bianca และ Flora เธอพูดในแนวที่ว่าสำหรับเธอแล้วเธอไม่สามารถจะเลือกใครได้อีกเลยนอกจาก Bianca แต่เธอก็เข้าใจอยู่ว่าคงมีคนที่เลือก Flora อยู่บ้างเพราะอะไรก็พอเข้าใจได้ ความที่เป็นนักอนุรักษ์นิยมแบบเธอ ( เธอสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยม) การเลือกคนที่คบกันมานานมีความสำคัญมากกว่าไม่ใช่หรอ เธอพูดจบแค่นี้แต่ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะเข้าใจได้ว่าเธอกำลังจะบอกว่าการเลือกเธอเป็นสิ่งที่ถูก เธอเป็นคนดี เหมือนกับการที่เลือกแต่งงานกับเพื่อนที่ร่วมเดินทางร่วมกันมาตั้งแต่เด็กนั้นถูกต้องแล้ว และแม้ว่าเธอจะบอกว่าเข้าใจคนที่เลือก Flora แต่คนที่ฟังจะเข้าใจว่าเธอก็พูดไปอย่างนั้นเอง อย่างไรก็ตามเธอจะสื่อว่าเธอเป็นคนดี ทุกคนคิดถูกแล้วที่เลือกเธอให้ชนะการเลือกตั้ง ทว่าถ้าเรามาคิดในแง่ของความเป็นจริงเราจะไม่ค่อยเห็นคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เด็กน้อยรักใคร่เป็นแฟนกันจนเติบโต พอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วก็แต่งงานกันนะครับ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของนักการเมืองสาวในวันนั้น ผู้ชายญี่ปุ่นให้ความเห็นว่าเวลาผู้หญิงให้คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับความรักโดยเฉพาะคำแนะนำเกี่ยวกับการจีบสาวนี่มักจะได้รับคำแนะนำที่นำไปใช้การไม่ได้ มักจะเป็นคำแนะนำที่ออกนอกประเด็น ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ อย่าไปขอคำปรึกษาเรื่องความรักเพราะว่าจะได้คำแนะนำนอกประเด็นแน่ๆ หรืออาจเรียกได้ว่า “ไร้ประโยชน์” 「役に立たない上に、有害。」　นี่คือสิ่งที่พูดคุยกันในเครือข่ายสังคมออนไลน์ครับ

วันนี้จะยกตัวอย่างเรื่องที่คุยกันในเครือข่ายสังคมออนไลน์สักสามเรื่อง

●ว่ากันว่าถ้าไปปรึกษาเรื่องการจีบสาวกับสาวๆ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผู้ชายคนนั้น “แก้นิสัยที่เป็นข้อด้อยของตนเอง ให้พยายามกำจัดแง่ลบข้อเสียข้อด้อยของตัวเองเสีย” → เป็นเรื่องที่สร้างภาพมาก ซึ่งพอผู้ชายฟังแล้วก็จะรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ยาก สังคมญี่ปุ่นต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน แต่หนุ่มที่ได้รับความนิยมมันไม่ใช่หนุ่มธรรมดา คนธรรมดา วันนี้จะแนะนำหนุ่มญี่ปุ่นสามคนนะครับ ชายหนุ่มทั้งสามคนอายุเท่ากันคือประมาณ 26 ปี ให้ชื่อสมมุติว่า นาย A, นาย B, นาย C

A นายเอ เป็นผู้ชายแบบผู้ชายส่วนใหญ่ทั่วไปในญี่ปุ่นคือ ระดับมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้เก่งเลิศหรือย่ำแย่จนเกินไป จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปกติทั่วไป ขณะนี้ทำงานในตำแหน่ง System Engineer นักวิเคราะห์ด้านระบบที่บริษัทเกี่ยวกับไฟฟ้าและแก๊สแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ได้เงินเดือนปีละประมาณ 4,000,000 เยน พักอาศัยอยู่คนเดียวที่อพาร์ทเมนท์แบบห้องสตูดิโอแถบชานเมืองโตเกียว

B นายบี เรียนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐบาล ชอบเล่น Juggling หรือโยนบอลสลับกัน แบบกายกรรมโยนของสองมือแล้วรับหมุนเวียนไปมา เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เขาชอบมากและฝึกจนชำนาญ ด้วยความชอบการแสดงแนวนี้จึงไม่ได้ทำงานประจำอะไร แต่ออกแสดง Juggling แบบโชว์เปิดหมวกที่สวนสาธารณะอูเอโนะทุกวัน

C นายซี เคยโดนคุณครูดุเรื่องทรงผมที่ผิดระเบียบของโรงเรียนตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาชกคุณครูและลาออกจากโรงเรียนไม่ได้เรียนต่อและกลายเป็นเด็กแว๊น แนววัยรุ่นขาโจ๋กวนเมือง รวมพวกตั้งแก๊งค์มอเตอร์ไซด์ซิ่ง รถแต่งขับป่วนเมือง สร้างความน่ารำคาญให้กับประชาชน ใช้ชีวิตเป็นจิ๊กโก๋มาตลอด มีเรื่องชกต่อยอยู่เสมอแม้จะไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมากที่สุด แต่ก็มีเพื่อนร่วมแก๊งค์จำนวนมากที่พร้อมลุยและต่อสู้เมื่อมีคู่อริ และต่อมาได้ยกสถานะขึ้นเป็นรองหัวหน้าแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ป่วนเมืองเมื่อมีอายุ 26 ปี แม้ว่าเริ่มมีความรู้สึกว่าไม่อยากเป็นเด็กแว๊นแล้ว น่าจะปลดเกษียณตัวเองได้แล้ว แต่ก็ยังพยายามต่อไป เพื่อเด็กแว๊นรุ่นน้อง

คิดว่าสามคนนี้สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเลือกใครเป็นแฟนครับ ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนครับว่า เรื่องนี้มองตามมุมมองความคิดแบบคนในสังคมญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะแปลกไปจากมุมมองของคนไทยอยู่บ้าง และอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสักหน่อย ถามเพื่อนคนไทยก็จะตอบว่าเลือกนายเอ เพราะน่าจะเป็นคนที่สมควรมีแฟนและคงจะเป็นคนที่สาวๆ เดินเข้าหามากที่สุด ส่วนนายบีและนายซี คือน่าจะหาแฟนยาก แต่ด้วยความเป็นญี่ปุ่นเนี่ยจะบอกว่านายบีกับนายซีคือคนที่สาวๆ พร้อมเข้ามาหามาก ถ้ามีคนมาบอกว่านายบีนายซีไม่เคยมีแฟนเลย นั่นคือเขาโกหกเพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในสังคมญี่ปุ่น สองคนนี้ต่างหากที่จะเป็นคนประเภทที่มีแฟนสาวจำนวนมากและเคยมีแฟนมาแล้วแน่นอน นายเอคือกินแห้วและไม่กล้าแม้จะจีบสาว และเมื่อนายเอไปปรึกษาเพื่อนผู้หญิงกรณีที่เขาแอบบสนใจสาวคนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงญี่ปุ่นที่เขาไปขอคำปรึกษาก็จะบอกให้นายเอแก้ไขนิสัยแง่ลบหรือข้อด้อยของตัวเองเสียเพื่อจะได้มีแฟน คือเข้าใจมั้ยครับว่าตามความจริงแล้วนายบีกับนายซีน่าจะเป็นคนที่มีข้อเสียมากกว่าไหม แต่นายเอโดนแนะนำให้ลบข้อด้อย คือขอคำแนะนำไปก็นำไปใช้ประโยชน์จริงไม่ได้นั่นเอง

●มุมมองของสาวบางคน ที่ให้คำแนะนำที่แย่ยิ่งกว่าเกี่ยวกับการจองร้านอาหาร

มีสาวคนหนึ่งมาโพสต์เรื่องราวของตัวเองในทวิตเตอร์ว่า เธอแนะนำให้หนุ่มสุดเท่ห์ทุกคนที่เธอเคยคบหาจองร้านอาหารสำหรับออกเดทตามวิธีการของเธอ คือให้จองร้านอาหารเผื่อไว้หลายๆ ร้าน ในวันและเวลาเดียวกัน เช่น จองร้านอาหารญี่ปุ่น,อาหารฝรั่ง , อาหารจีน ไว้สามร้านแล้วพอใกล้ๆ รู้สึกอยากรับประทานอาหารอะไรมากกว่าก็เลือกไปหนึ่งในร้านที่จองเอาไว้ได้ทันที ส่วนร้านที่ไม่เลือกก็ปล่อยไป เรื่องที่เธอนำมาเล่านั้นทำให้เธอโดนถล่มอย่างมากในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำที่สุด การที่เราไปจองร้านอาหารไว้ จองเวลาเขาไว้ ทางร้านก็ต้องเตรียมจัดสิ่งต่างๆ ไว้ให้ ต้องมีต้นทุน มีสิ่งที่ต้องรองรับ เสียโอกาส ต่างๆ มากมาย การกระทำอย่างนี้ไปเรื่องที่ไม่ดีเลยไม่ควรทำเป็นอย่างมาก

● มีคนพูดกันว่าอย่าปรึกษาเรื่องจีบสาวกับผู้หญิงเพราะเธอไม่เคยจีบผู้หญิง

และยกตัวอย่างว่าถ้ามีโปรเจ็คให้ชายหนุ่ม DT หรือหนุ่ม virgin ผู้ชายที่ยังบริสุทธิ์ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับใครมาก่อน รวมตัวกันทำโปรเจ็คสร้างหนังเอวี ให้คนในกองทั้งหมด ทั้งทีมงาน และนักแสดงที่จะมาสร้างหนังเอวี เป็นหนุ่ม virgin ผู้ชายที่ยังบริสุทธิ์ทั้งหมด เรียกโปรเจ็คนี้ว่า “AV ที่สร้างโดย DT” หลายคนบอกว่าดูแล้วแม้หนังจะออกมาไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็น่าจะดีกว่าการขอคำแนะนำจากผู้หญิงเรื่องการจีบสาว เพราะแม้จะเป็นพวกหนุ่มบริสุทธิ์เวอร์จิ้นแต่ก็ยังเคยจีบผู้หญิงมาบ้าง แต่ที่แย่กว่าคือสาวๆ อาจไม่เคยจีบสาวๆ ด้วยกันเองในชีวิตของเธอเลย หมายถึงเธอก็ไม่สามารถให้คำปรึกษาเรื่องการจีบสาวได้จริง … 彡 (◆ Д ﾟ) y─┛ ～

วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ คนที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องใดๆ หรือเรื่องที่ไม่ถนัดไม่เชี่ยวชาญก็อาจจะไม่ใช่คู่ปรึกษาที่ดีนัก คงไม่ต้องคาดหวังคำปรึกษาที่จะนำไปใช้ได้ การขอคำปรึกษาคนที่ไม่เคยทำหรือไม่รู้จักเรื่องนั้นๆ เขาอาจไม่มีความสามารถที่จะให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ได้ ต้องเลือกปรึกษาผู้รู้และมีประสบการณ์ที่สามารถให้ความเห็นดีๆ ที่มีประโยชน์และนำไปปรับใช้ได้วันนี้สวัสดีครับ