@ผ่านบรรยากาศของ”ปีใหม่ 2566” ด้วย”ฉากทัศน์” ที่”คึกคัก”ไปด้วย”นักท่องเที่ยว” ทั้งชาวไทยและ”ต่างประเทศ” ที่เดินทางเข้ามา”ท่องเที่ยว” ในพื้นที่ของ”ภาคใต้” จน”แน่นขนัด” ในแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง เป็นการ”สร้างงาน” และ”สร้างเงิน” ให้กับ ผู้ประกอบการค้า และ ประชาชน ในพื้นที่ ที่เกี่ยวข้องกับการ”ท่องเที่ยว”….เหตุผลเป็นเพราะ 2 ปีที่มีการ”ระบาด”ของ”โควิด 19 ทำให้”ทั่วโลก” หยุดชะงักงัน  เมื่อมีการ”เปิดประเทศ” และเลิกความ”เข้มข้น” ใน”มาตรการ” ป้องกันการ”แพร่ระบาด”ของเชื้อโรค จึงทำให้ ประชาชน ทั้ง”จน-รวย” ออกมา”ท่องเที่ยว”เป็นการ”เฉลิมฉลอง” กันอย่างเต็มที่….และสำหรับ”ภาคใต้” นอกจาก”คนไทย”แล้ว ยังมี นักท่องเที่ยวจากประเทศ”เพื่อนบ้าน” อย่าง”มาเลเซีย” เข้ามา ท่องเที่ยว อย่าง”อุ่นหนาฝาคั่ง” โดยเฉพาะ ในเมืองชายแดนอย่าง” หาดใหญ่-สะเดา” และ อ.เมือง สงขลา  รวมทั้ง  “เบตง” จ.ยะลา และ “สุไหงโก-ลก-ตากใบ” จ.นราธิวาส ที่”เม็ดเงิน” จากการ”ท่องเที่ยว” กระจาย”ในทุกพื้นที่…ก็ไม่ใช่”ปรากฏการใหม่” ที่ชาว”มาเลเซีย” แห่แหน”เข้ามาเที่ยว ยังเมืองชายแดนที่กล่าวมาข้างต้น เพราะ”เศรษฐกิจ” ของ”ประเทศมาเลเซีย” ก็”ตกสะเก็ด” เหมือนๆกับ”ประเทศไทย” คนมาเลเซีย ที่”กระเป๋าแฟบ” จึงต้องมากินมาเที่ยวยัง “เมืองชายแดน” ที่เป็นของไทย เพราะเป็นการ”กิน-เที่ยว” แบบ”ประหยัด “ ค่าเงินของมาเลเซีย” 100 ริงกิต เมื่อข้ามา”ฝั่งไทย” จะเป็น 750 บาท ดังนั้น ยิ่ง”เศรษฐกิจ” มาเลเซีย แย่มากเท่าไหร่ “คนมาเลเซีย” ก็จะเดินทางมา “กิน-เที่ยว” ใน”หัวเมืองชายแดน”ของภาคใต้มากเท่านั้น…

@ส่วนชาวมาเลเซีย ที่”ร่ำรวย” เป็น นักท่องเที่ยวอีก”คลาสหนึ่ง” ที่เดินทางเข้ามา”ท่องเที่ยว” โดยใช้”หาดใหญ่” เป็น”ทางผ่าน” เพื่อไป “ท่องเที่ยว” ยัง จังหวัดต่างๆ ในภาคใต้  ที่มี สถานที่ท่องเที่ยว มากมาย เพาะฉะนั้น ทุกฝ่าย ทั้ง”ภาครัฐ-เอกชน” ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ”เศรษฐกิจ” และ”การท่องเที่ยว” อย่าเพิ่ง”ดีใจได้ปลื้ม” และ”ฟันธง” ว่า “หาดใหญ่ฟื้นแล้ว” และคงไม่ต้อง ทำอะไรให้มากกว่าการ”จัดอีเวนท์” เพื่อสร้างความ”สนุกสนาน” เพราะที่เห็นทั้งหมด ยังไม่ใช่การพัฒนา”การท่องเที่ยว” ที่ยั่งยืน…..ส่วน”ของจริง” ที่ คนไทยทุกคนต้อง”รับรู้”โดยที่ไม่ต้องฟังจาก”ผู้นำประเทศ”อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกรัฐมนตรี” คือ ปัญหา”น้ำมันแพง” ที่กระทบกับทุกภาคส่วน” ทั้งการผลิต” การ”ขนส่ง” ที่”นายทุน” ผลักภาระ” ให้กับ”ประชาชน” ด้วยการ”บวกต้นทุนการผลิตในราคาสินค้า” ด้วยการ”ขึ้นราคา” ในขณะที่”ประชาชน” ณ วันนี้ ทั้งที่อยู่ในภาค”การเกษตร” การทำ”ประมง” และ”แรงงาน”  ต่างอยู่ในสภาพของการ”ชักหน้าไม่ถึงหลัง” การ”หาเช้ากินค่ำ” เป็นเรื่องของ”อดีต” แต่วันนี้”คนจน”อยู่ในสภาพของคนที่”หาเช้ากินเช้า” หาค่ำกินค่ำ” ถ้า”หาไม่ได้” ก็หมายถึง”อด”นั่นเอง นี่คือ”ฉากทัศน์”ที่เป็น”ของจริง”หลังผ่านภาพที่สวยหรู” ของ “เทศกาลวันปีใหม่”ไปแล้ว….ปีที่แล้ว ชาวสวน ชาวนา ชาวไร่  ที่ทำการ”เกษตร” โดยไม่ได้”ใช้ปุ๋ย” เพราะราคาปุ๋ยที่ขึ้นราคาจากกระสอบละ 800 บาท เป็น1,500-1,800 บาท “ยาปราบศัตรูพืช” จาก แกลลอนละ 400 เป็น 800 บาท  เป็นปัญหา”ข้ามปี” ที่ยังไม่มีการแก้ไข ปีนี้ “เกษตรกร” ที่เป็น ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์ม และ ชาวนา จะ อยู่จะกิน อย่างไรถ้าทุกอย่างยังอยู่แบบเดิม….

@ในขณะที่ “ราคายางพารา” ที่เป็น “เส้นเลือดใหญ่ของคนใน”ภาคใต้” ยัง”ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน” เช่น” ยางก้นถ้วย” พ่อค้ารับซื้อกิโลกรัมละ 16-18 บาท “น้ำยางสด” กิโลกรัมละ 40 บาท ในขณะที่”ปาล์มน้ำมัน” ขายได้ กิโลกรัมละ 4.50 บาท เมื่อเป็นอย่างนี้ จะเอาเงินที่ไหน มา”ซื้อปุ๋ย-ซื้อยา” มาบำรุงสวน นี้คือ”กับดัก”ที่”ผู้บริหารประเทศ” และ”เสนาบดี” ที่รับผิดชอบ ในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับ”ราคาสินค้า” และ”ราคาผลผลิต”รวมทั้ง”การส่งออก” ยัง”ก้าวไม่พ้น”เป็นเหตุให้เกิดสภาพ “จนทั้งแผ่นดิน”และ”แพงทั้งแผ่นดิน” ประชาชนต้อง”รับเคราะห์” จากการ”ไร้ฝีมือ” ในการ”บริหารประเทศของ” ครม. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ เป็น”นายกรัฐมนตรี” และมีพรรคการเมือง อย่าง”ภูมิใจไทย,ประชาธิปัตย์” พลังประชารัฐ และ พรรคเล็ก อื่นๆ ร่วมเป็น”รัฐบาล” หรือ”คนไทย” จะต้องรอ”ศตวรรตใหม่” เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น ตามสารอวยพรปีใหม่ให้กับคนไทยของ “นายกรัฐมนตรี” จริงๆ  และที่สำคัญ เลือกตั้งครั้งใหม่ ที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “คนไทย” ควรจะให้”บทเรียน” กับพรรคการเมือง ที่บริหารประเทศ”ล้มเหลว” เหล่านี้แบบไหนดี…..

@ทำไม่ต้องรอ”ศตวรรตหน้า” ในเมื่อหลายปัญหา เช่นเรื่อง”คอรัปร์ชั่น” หรือ”ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ที่เกิดขึ้นทุก”กระทรวง” อย่างที่เกิดขึ้นที่ “กรมอุทยานแห่งชาติ พันธ์พืช และ สัตว์ป่า” ที่ ข้าราชการระดับ 10 อย่าง อธิบดี รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา  กลายเป็น”ผู้ต้องหา” ในการ “เรียกรับสินบน” เรื่องของ”ทุนจีนสีเทา” แบบของ”ตู้ห่าว” ที่ล้วนแต่มี”เจ้าหน้าที่รัฐ ให้การ”สนับสนุน” แลกกับการ”ทุจริต” และ”รับสินบน” เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่”ทำได้”และต้อง”ทำทันที” ไม่ใช่ต้องรออีก 2 ปี ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” เป็นสมัยที่ 3….. เรื่อง”อื้อฉาว” ใน”กรมอุทยานแห่งชาติ” เป็นเรื่องที่ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” วราวุธ ศิลปะอาชา ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง ต้อง”ออกโรง” ทั้งในการ”ดำเนินการ”กับ”อธิบดี” ที่ถูก”กล่าวหา” และการ”ตรวจสอบ” กรมต่างๆ เพราะเรื่อง”คอรัปร์ชั่น” สำหรับประเทศไทย เป็น”โรคติดต่อ” ได้ง่าย กรมอื่นๆ อาจจะ” รับเชื้อ” จาก “กรมอุทยานแห่งชาติ” ไปแล้วก็ได้ ต้อง เร่ง “ตรวจสอบ” และ”แก้ไข”แบบ”ด่วนๆ” ด้วยนะ ก่อนที่จะ”หลักฐาน” จะถูก”ทำลาย” …..

@ที่คาดหวังว่า “เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง” ของคนในประเทศจะดีขึ้น ก็คือเรื่อง”การเปิดประเทศของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม นี้ และหาก”สีจิ้นผิง” ยัง”แฮปปี้” กับ “นโยบาย” ระหว่างประเทศของไทยที่มีต่อจีน ไม่มีการ”สั่งการ” ให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ”การท่องเที่ยว” ทำการ”แบน”ไทย   โดยไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย อย่างที่เคยเกิดขึ้น ก็ยังหวังได้ว่า”การท่องเที่ยว” ของไทยจะ”ฟื้นคืนชีพ” และจะมี”เม็ดเงิน” เข้ามา”หล่อเลี้ยงทำให้”เครื่องยนต์”การท่องเที่ยวติด”เทอร์โบ”ได้อีกครั้ง….แต่ทุกอย่างมี”สองด้าน” เมื่อมีด้านที่”บวก” ก็มีด้านที่”ลบ” นั้นคือเรื่องการป้องกัน”แพระระบาด” ของ”โควิด 19 “ ที่อาจจะมาจากการ”อ้าแขน” รับนักท่องเที่ยวชาวจีน ด้วยการหวัง”เม็ดเงิน” จนไร้”กฎกติกา” ของการ”ป้องกัน”จนทำให้เกิดการ”ติดเชื้อ” และ”ระบาด”ของ”โควิด 19 “ เพราะที่ผ่านมา เราไม่ทราบ”สถานการณ์” การ”ติดเชื้อ” การ”เสียชีวิต” ของ”คนจีน” ว่า มีเท่าไหร่ เนื่องจากประเทศจีน”มีกฎเหล็ก”ในการควบคุม”ข่าวสาร”มิให้”รั่วไหล”สู่”โลกภายนอก  อย่าลืมว่าการยกเลิก”ซีโรโควิด”ของ ”สีจิ้นผิง”  เป็นเพราะ”หวั่นเกรง” การ”ลุกฮือ”ของประชาชนต่อมาตรการ”ซีโรโควิด” ที่”ประชาชนชาวจีน” เริ่ม”หมดความอดทน อดกลั้น”และมาจาก”เศรษฐกิจ”ของจีนที่”ทรุดตัว” อย่างน่ากลัว จากนโยบาย” ซีโรโควิด” ดังนั้นจำนวนคนที่”ตาย” เพราะ”โควิด 19 “ และคนที่ติด”โควิด 19 “ในประเทศจีนจึงยังมีอยู่  ดังนั้น รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอย่าง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ “และ”” อนุทิน ชาญวีระกุล “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงต้องมี”แผน” ในการ”รับมือ” ที่”ชัดเจน” มิฉะนั้น ประเทศไทย อาจจะกลายเป็นที่”ระบาดครั้งใหญ่” ของ”โควิด 19 อีกครั้ง และหมายถึง”หายนะ”…..

@นี่ก็”เรื่องจริง” ที่”ไฟใต้” ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19  กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้”งบประมาณ” ในการ”ดับไฟใต้” ปีละ 30.000 กว่าล้าน แต่”ไฟใต้” ยังไม่มีท่าที่”มอดดับ” วัน”ปีใหม่”ที่ผ่านมา “แนวร่วม” ในพื้นที่ จ.ปัตตานี” ก่อเหตุ-ก่อกวน” ด้วยวิธีการต่างๆ 7 เหตุการณ์ หน่วยงาน”ความมั่นคง” กล่าวว่าเป็นการ”ก่อกวนจิ๊บๆของเด็กๆ” ก็ต้องถาม พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ว่า ถ้าแม้แต่การ”จัดการ” กับพวก”แนวร่วม” เด็กๆ ไม่ได้ แล้ว “กองกำลัง” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะ”จัดการ” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” ที่เป็น “รุ่นใหญ่”ของ “บีอาร์เอ็น”  ได้อย่างไร และในปี 2566 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มี แผน ในการ สร้างความ” สงบสุข” ให้เกิดขึ้นอย่างไร….เชื่อเถอะ “ปัญหาความไม่สงบ” และ”ความ”รุนแรง” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ “แก้ได้” ถ้า ต้องการที่จะ”แก้” แต่ที่”แก้ไม่ได้” เพราะ”ไม่ต้องการแก้” ด้วยการตั้งโจทย์ให้ผิด และแก้”ไม่ตรงจุด” เพื่อให้”ไฟใต้” ดำรงอยู่ เพื่อการรักษา”ผลประโยชน์” ในการ”แบ่งปัน” ซึ่งกันและกัน….

@ส่วนเรื่อง”การพูดคุย” ระหว่าง”ตัวแทนของรัฐบาลไทย” กับ”ตัวแทนของ”บีอาร์เอ็น” ที่มี”รัฐบาลมาเลเซีย” เป็น”ผู้อำนวยความสะดวก” หรือ”ถ้าให้เขียนตรงๆ คือผู้”จัดการ” ที่”บงการอยู่เบื้องหลัง” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” ซึ่ง ก็ไม่มีความหวังอะไรกับ”การ”พูดคุย” ที่จะ ดำเนินการต่อไปว่า  จะทำให้”แผ่นดินปลายด้ามขวาน” มีความ”สงบสันติ” ยกเว้นการ”พูดคุย” จบลงที่การ”ยินยอม” ให้ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”เขตปกครองพิเศษ” หรือเป็นเขต” ปกครองตนเอง” ซึ่งเป็นสิ่งที่”มาเลเซีย” ต้องการ และอาจจะไม่ใช่สิ่งที่”บีอาร์เอ็น”ต้องการ แต่”บีอาร์เอ็น” ต้องทำตามที่”มาเลเซีย” ต้องการ เพราะที่”บีอาร์เอ็น” มี”ที่มั่น” ทำการ”เคลื่อนไหว” ใน”มาเลเซีย”ได้ เป็นเพราะ”มาเลเซีย” ให้การ”คุ้มครอง”….ดังนั้น วิธีการ ของการ”ดับไฟใต้” ที่”ถูกต้อง” สำหรับ”ประเทศไทย” คือการ”เจรจา”กับ”รัฐบาลมาเลเซีย” โดยตรง เพื่อให้”บีอาร์เอ็น” หยุดการ”ปฏิบัติการ”ในการ”แบ่งแยกดินแดน” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เช่นเดียวกับที่ “ประเทศมาเลเซีย” เคยจ่ายเงิน”7,000 ล้าน ” ให้กับ”หน่วยงานบางหน่วยของไทย  เพื่อ”จัดการ” กับ”โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา” ที่มี”ฐานที่มั่น” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย” แต่ เข้าไป”ปฏิบัติการทางทหาร” ในประเทศมาเลเซีย จนทำให้”มาเลเซีย” มีความ สุขสงบ ไม่มีปัญหา”การก่อการร้าย” มาถึงทุกวันนี้…..

@สับสน วุ่นวาย กับการ”โยกย้าย” ของ”กรมการปกครอง” กระทรวงมหาดไทย ในสมัยที่ สุทธิพงศ์ จุลเจริญ  เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย” ที่ได้ฉายา”สิงห์เดี้ยง” จากการใช้”วาจาลูกทุ่ง” ในการ”หมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นคน” ของ “ผู้ใต้บังคับบัญชา ในที่ประชุมที่ จ.ภูเก็ต เห็นคำสั่งตั้งแต่ตำแหน่ง”รองผู้ว่าราชการจังหวัด” จนถึง”ปลัดจังหวัด” และ”นายอำเภอ” ที่มีการ”แต่งตั้ง”แค่”ข้ามวัน” ก็มีการ”สลับสับเปลี่ยน” จังหวัด และเปลี่ยน อำเภอ กันอย่าง”อุตลุต” ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก “สงสัย” ว่า ทำไม่”แต่งตั้ง” ให้”สะเด็ดน้ำ” ในครั้งเดียว มีการ”วิ่งเต้น” เพื่อ”เปลี่ยนที่” หลังคำสั่งออกมาแล้ว ใช่หรือไม่…..

@มี ปลัดอำเภอใน จ.ปัตตานี คนหนึ่ง ที่ถูก ประชาชน จำนวนหลายรายแจ้งความดำเนินคดีทั้งใน ท้องที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และอื่นๆ ในข้อหา หลอกลวงเรียกรับเงินในการฝาก บุตร หลาน ของผู้”เสียหาย” ให้เข้าเป็น” อส.หรือ”อาสาสมัครรักษาดินแดน” รายละ 150,000-200,000 บาทต่อคน หลังถูกแจ้งความ “ปลัดอำเภอ” คนดังกล่าได้”ยื่นใบลาออกจากราชการ” หลบหนีไปแล้ว  เรื่อง”เจ้าหน้าที่ปกครอง” เรียก”รับเงิน” ในการ”บรรจุ อส.” เป็นเรื่อง”ฉาวโฉ” ที่เกิดขึ้นมา”ยาวนาน” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการ”ร้องเรียน” จากผู้ที่”จ่ายเงิน” แล้วไม่ได้รับการ”บรรจุ” หรือ”แต่งตั้ง” ส่วนผู้ที่”จ่ายเงิน” แล้วได้รับการแต่งตั้งเป็น” อส “ อีกเท่าไหร่ที่ไม่มีการ”ร้องเรียน” หลายเรื่องมีการ”สอบสวน”มีการ”คืนเงิน” และ”ยุติ”เรื่อง ก็ต้องถามไปยัง “กรมการปกครอง” กระทรวงมหาดไทย” รวมทั้ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด”ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการ บรรจุ กำลังพลให้เป็น อส. หรือ”อาสาสมัคร”ฯ เป็นจำนวนมาก  ว่าจะ”แก้ปัญหานี้”อย่างไร….ที่สำคัญเรื่องการ”จ่ายสินบน” เพื่อให้ “บุตร-หลาน” ได้มี”งานทำ” นอกจากชี้ให้เห็นถึงปัญหาของคน”ว่างงาน” แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าการเรียกรับ”สินบน” แพงขึ้นเรื่อยๆ จากในอดีตมีการเรียก”สินบน” ในการเป็น” อส. ในการสอบเข้า”นายสิบ” และในการเป็น”ทหารพราน” จ่ายเพียงรายละ 50,000 บาท แต่วันนี้การเป็น อส.ต้องจ่ายให้”ปลัดอำเภอ” คนละ 150,000-200,000  บาท สอบเป็นตำรวจระดับ”นายสิบ” ต้องจ่าย 500,000 บาท  ถ้าสอบเป็นตำรวจ”สัญญาบัตร” คงต้องจ่าย 1 ล้านขึ้น วันนี้ ประเทศไทย ถูกสอนให้มีการ”ทุจริต” ตั้งแต่”สอบเข้าทำงาน” เมื่อเข้าไปแล้วทุกคนที่”จ่ายเงิน” จึงต้อง”ถอนทุน นี่คือ”เหตุผล” ที่”การ”ฉ้อราษฎร์บังหลวง” เกิดขึ้นทุก”หย่อมหญ้า” เพื่อ”กัดกร่อน” ประเทศชาติให้”ล่มจม” ……

@แม้ว่าความหวังจะ”ริบหรี่” ลงทุกวัน กับการค้นหา”ลูกเรือ” ของเรือรบหลวงสุโขทัย ที่”อับปาง” อีก 5 ชีวิต แต่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์” ผบ.ทร. ยังสั่งให้”ปฏิบัติการ” เพื่อ”ค้นหา”ต่อไปอย่างไม่ลดละ” นั้นเป็นเรื่องการ”ค้นหา”ที่เป็น”หน้าที่” ของ “กองทัพเรือ” โดยมี”ครอบครัว”ของ “ทหารเรือ” ทั้ง 5 นาย ที่จมอยู่กับ”ความทุกข์”ความ”โศกเศร้า-เสียใจ” ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ “กองทัพเรือ” ต้องเร่ง”เยียวยา” ครอบคัวของผู้”สูญเสีย”เหล่านี้  ….และที่สำคัญที่ ผบ.ทร. ต้องดำเนินการ คือการ”เปิดเผยความจริง” ในการ”อับปาง” ของ”เรือรบหลวงสุโขทัย” ที่วันนี้ยัง”คลุมเครือ” โดยเฉพาะคำถามที่คนไทยต้องการทราบคือ ในวันที่”เรืออับปาง” บนเรืองไม่มี”ต้นกล” ที่เป็น”ตำแหน่งสำคัญ” ปฏิบัติหน้าที่ อยู่บนเรือ ด้วยเหตุผลอะไร …..

@รถไฟจาก สถานีชุมทางหาดใหญ่ไปยัง สถานีปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา  กลับมาเดินรถได้อีกครั้ง หลังจาก เส้นทางรถไฟ และ ขบวนการรถสินค้า ถูก”ก่อวินาศกรรม” ที่ หมู่ 2 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา และมีการ”ซ่อมแซม” แล้วเสร็จ  แต่หลังจากนี้ การดูแลความ”ปลอดภัย” ของเส้นทางรถไฟ เพื่อป้องกันการก่อ”วินาศกรรม” ครั้งใหม่ จะต้องมีแผนที่ชัดเจน   สำหรับเส้นทางรถไฟจาก สถานี”คลองแงะ”ไปจนถึงสถานี”ปาดังเบซาร์” อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.คลองแงะ ที่มี พ.ต.อ.ชาติชาย ชะนะสิทธิ์ เป็น ผกก. ส่วน สภ.ปาดังเบซาร์มี พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ ภิรมย์รักษ์ เป็น ผกก. และที่สำคัญยังมี กองร้อย  ตชต. ที่ 437 ซึ่งมี พ.ต.ต.ยงศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทำหน้าที่เป็น ผบ ร้อย ที่ต้องมีการ”บูรณาการ” เพื่อ “คุ้มครอง รักกาษาความ ปลอดภัย อย่าให้” บีอาร์เอ็น” ก่อวินาศกรรม ขึ้นอีก เพราะการ”ก่อวินาศกรรม” ขบวนรถ”และ”เส้นทางรถไฟ ไม่เพียงแต่เป็นความเสียหายด้าน”ความมั่นคง” แต่เป็นความเสียหายด้าน”เศรษฐกิจ” การค้าชายแดน ซึ่งการ”ส่งออก”สินค้าทางด่านชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา มีมูลค่า เป็นอันดับ 2 ของประเทศ…..

@ส่วนการติดตาม”จับกุม” การ”ก่อวินาศกรรม” แฟลตตำรวจ  ที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส  เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผบ.ตร. บินด่วนมาลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อ”แถลงข่าว” การ”ปิดคดี” ด้วยการ”ออกหมายจับ” ผู้ร่วมก่อเหตุ”คาร์บอมบ์” ครั้งนี้จำนวน 9 คน นำโดย “ฮัสบูเลาะ สนิ” มือ”ปฏิบัติการ” ของ”บีอาร์เอ็น” วันนี้ทำได้แค่”ออกหมายจับ” เพราะหลังก่อเหตุ ทั้งหมด ได้”หลบหนี”ไปหมดแล้ว….แต่ถึงจะยังจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ก็ แสดงให้เห็นว่า “นักสืบ” ของ “กองสืบ” ทั้ง”สืบภาค” และ”สืบจังหวัด” ยังมี”เขี้ยวเล็บ” ในการ”สืบสวน”จนได้”พยาน-หลักฐาน” เพื่อให้ศาล ออกหมายจับได้สำเร็จ สำหรับ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ที่รับผิดชอบในพื้นที่ วันนี้ได้มีการ”ติวเข้ม” เพื่อเพิ่ม”ขีดความสามารถ” จาก พล.ต.ต. ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.กองพิสูจน์หลักฐานอย่าง”เข้มข้น” เพราะการรวมรวมหลักฐานที่มีความ”ชัดเจน” คือ”หัวใจ” ของการได้ตัว”ผู้ต้องหา”มาลงโทษ…..

@เรื่องของ”การเมือง” เมื่อเข้าสู่”โหมดของการเลือกตั้ง” การมี”สภาผู้แทน” ก็เหมือน”ไม่มี” เพราะ” สส. ส่วนใหญ่” ใจจดใจจ่อ” อยู่กับการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่ที่จะมาถึง” เพราะไม่มีใคร”อ่านใจ” “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกรัฐมนตรี” ว่าจะ”ยุบสภา” ใน เวลาไหน  สส.ทุกคน และพรรคการเมืองทุกพรรค จึงต้องเตรียมพร้อม เพื่อ”รับมือกับการเลือกตั้ง” ….โดยเฉพาะในภาคใต้ ที่พรรคประชาธิปัตย์มีจำนวน สส.มากที่สุด คือ 22  ที่นั่ง และในการเลือกตั้งครั้งนี้” นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค และ”ผู้อำนวยการพรรค”มี”หมุดหมาย” จำนวน สส.ที่ 35 ที่นั่งขึ้นไป จึงต้อง”เฝ้าระวังพื้นที่” อย่างเต็มที่ เพราะ”พรรคการเมือง” หลายพรรค เช่น”ภูมิใจไทย” ที่มี สส.อยู่ 8 ที่นั่ง ก็ประกาศ จะเพิ่มเป็น 16 ที่นั่ง “พลังประชารัฐ” ที่มี สส.อยู่ 14 ที่นั่ง ซึ่งแตกเป็นสองพรรคเป็น”พรรคพี่” คือ”พลังประชารัฐ” และ”พรรคน้อง” รวมไทยสร้างชาติ” ก็มีเป้าในการเพิ่มจำนวน สส.ให้มากกว่าเก่า….โดยข้อเท็จจริง สส.ในภาคใต้มีเพียง 58 ที่นั่ง เมื่อ”ประชาธิปัตย์”  ทำการ”ปักหมุด” ไว้แล้ว 35 ที่นั่ง “ประชาชาติ” จองไว้    9 ที่นั่ง ก็เหลือเพียง 14 ที่นั่ง ให้”ภูมิใจไทย” พลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ” และพรรคเล็กพรรคน้อย แย่งชิงกันไป ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเกิดใหม่อย่าง”รวมไทยสร้างชาติ” ที่เป็น”ที่มั่นสุดท้าย” ของ”บิ๊กตู่” โดยการ”ขับเคลื่อน”ของ “พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค” และ”ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี “ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ”กองหนุน” จำนวนมาก จึงต้องใช้”การตกปลาในบ่อเพื่อน” เพื่อให้ได้ สส. ที่เป็น”ดาวฤกษ์” ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้”ทรัพยากร” ในการ”ดูด”หรือ”ตก” เข้ามา ซึ่งเป็นไปตาม”บทกลอน” ที่ นักการเมือง”รุ่นใหญ่” อย่าง “บัญญัติ บรรทัดฐาน”  ร่ายเป็น”บทกลอน” เอาไว้”ประจาน” นักการเมือง  และเป็นไปอย่าง”ปรมาจารย์”ทาง”การเมือง”ชวน หลักภัย” ประธานสภาผู้แทน”ให้”สัมภาษณ์”  เมื่อการ”เลือกตั้ง” ต้องใช้เงิน”ลงทุน”ตั้งแต่เริ่มต้น ก็ต้องมีการ”ถอนทุน” ถ้าเป็นอย่างนี้” ประเทศไทย”จะเดินไปข้างหน้าอย่างไร และ”ประชาธิปไตย” แบบ”ไทยๆ” กำลังจะนำประเทศไปสู่ความ”หายนะ” ใช่หรือไม่….

@ไม่ต้องมีใครบอก ประชาชน ก็รู้ทั้งประเทศว่า การเลือกตั้งครั้งนี่  พรรคการเมือง”บางพรรค” เริ่มต้นด้วยการ”ซื้อ สส.” และหลังจากที่”ซื้อ สส. ได้แล้ว”แผนต่อไปคือ”ซื้อ”ประชาชน” ผู้มีสิทธิ์ ออกเสียง ในการเลือกตั้ง และการ”ย้ายพรรค” ก็ยังไม่หยุดเพียงที่เห็น แต่จะมีการ”ย้ายพรรค” แบบ”ไม่เกรงใจประชาชน” และไม่”แคร์สังคม” การ”ย้ายเข้า ย้ายออก” จากพรรคนั้นไปพรรคนี้ ของ สส. ของ”นักการเมือง” เป็นเรื่อง”ธรรมดา” ดังนั้นพรรคการเมืองที่”ตกปลาในบ่อเพื่อน” จึงอย่างได้มั่นใจว่า”ปลาที่ตกมาได้” จะอยู่ในบ่อ เพราะตราบใดที่”กฎหมาย” ยังเปิดช่องให้”ย้ายพรรค”ได้ ทุกอย่างจึงยังไม่แน่นอน เช่นเดียวกับ”สนธิรัตน์” และ” อุตตมะ”  สองกุมารแห่งพรรค”สร้างอนาคตไทย” ก็อย่างได้”มั่นใจ” ว่าบ้านใหญ่”อย่างยาวอหะซัน”แห่งเมืองบางนรา จะไม่เปลี่ยนใจใน”วินาทีสุดท้าย”…..

@เป็น”สนามเลือกตั้ง”ที่ไม่ใหญ่ มี สส.แค่ 3 เขต แต่จะเป็น สนามที่มีการ”แข่งขัน” ที่”ดุเดือด”และอาจจะ”เลือดพล่าน” คือ จ.พัทลุง เพราะเป็นการ”ปะทะ”กัน ระหว่าง”บ้านใหญ่” ของตระกูล”ธรรมเพชร” ที่ส่ง”ลูกชาย” ลงสมัครในเขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ และประกาศ”แพ้ไม่เป็น” ในขณะที่ “พัทลุง”หรือ”เมือง”เสกัก” ก็เป็น”ฐานที่มั่น” ของ “นาที รัชกิจประการ”  ผู้ซึ่ง”กุมบังเหียน” ของพรรคภูมิใจไทย ที่เลือกตั้งสมัยที่แล้วสามารถล้ม”เสาโทรเลข” ของพรรคประชาธิปัตย์ในถึง 2 ต้น เลือกตั้งครั้งนี้”นาที” ยัง”เต็มที่”และ”เต็มถัง” หวังทั้ง เขต 1 และ เขต 3 ซึ่งในเขต 3 “นาที” ตัดสินใจส่ง”พี่ชาย” ลง เพื่อหวังโค่น” นริศ ขำนุรักษ์” รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่ครั้งที่แล้ว”ชนะ”แบบ”ฉิวเฉียด” ในขณะที่”เจ้าถิ่น”เดิมอย่าง”ประชาธิปัตย์” ประกาศชัดจาก” นายกชาย” หรือ”เดชอิศม์ ขาวทอง “ รองหัวหน้าพรรค ว่าต้องได้ สส.ทั่ง 3 เขต เขต 1 สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต สส.ต้อง”กลับมา” เขต 2 “นายกชาย” จับมือกับ”สานันท์ สุพรรณชนะบุรี”อดีต”นายก อบจ.หลายสมัยของ พัทลุง  จับ”ลูกสาว” ที่”ดีกรี”เป็น ดร. เป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยมีชื่อลงสมัครในครั้งนี้  หวังจะ”ล้มบ้านใหญ่” ค่ายใหญ่ “รวมไทยสร้างชาติ”ของ”บิ๊กตู่” โดยเฉพาะ”เขต 3 “ ที่เป็นเขตของ “นริศ ขำนุรักษ์” รัฐมนตรี”ป้ายแดง” ที่”เป็นตาย”ก็แพ้ไม่ได้ วันนี้ “นักเลง,เจ้าพ่อ,มือปืน” เตรียมพร้อมแล้ว เหลือเพียง กกต. ผู้ว่าฯนายอำเภอ และ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมแล้วยัง….

@เชิญชมการแข่งขันรถจักรยานยนต์เกาะโอนไซเคิ้ลครอส&เอ็นดูโร่ครอสการกุศล” ครั้งที่ 1 ณ สนามชั่วคราว หมู่ 4 บ้านเกาะโอน ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ในวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น.รายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่าย มอบให้อนามัยสองพี่น้อง และกู้ชีพ อบต.ท่าโพธิ์ …. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้าครับ

—————————————————————– 

ไชยยงค์ มณีพิลึก 

ถวายพระพร.   พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำคณะผู้บริหารฯลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักต่อสถาบันพระมหากษัตรย์และพระราชวงศ์ 

ผบ.ทสส.ตรวจเยี่ยม.    พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดฯและคณะเดินทางตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ท.ศานติศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภ.4 และ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับ ณ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 

แถลงข่าว.   พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่วางระเบิด”คาร์บอมบ์”ที่ แฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส และวางระเบิดขบวนรถไฟ ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมี พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา และ สนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส ร่วมด้วย ณ. ห้องประชุม บก.ภจว.นราธิวาส 

สวดพระอภิธรรม.     พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมงานสวดพระอภิธรนมศพ พันจ่าเอก คุณากร จริยศ กำลังพลเรือรบหลวงสุโขทัยที่เสียชีวิต ณ วัดศรีวโนภาส ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง 

ปีใหม่ปลอดภัย.   สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผวจ.ยะลา ปล่อยแถวหน่วยกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยพี่น้องประชาชน ป้องกันลดอุบัติเหตุและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2566 พร้อมอวยพรปีใหม่และมอบสิ่งของให้กับกองกำลังเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยมี นายอำเภอเบตง  ผบ.ร.152 /รอง ผบ.ฉก.ยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ตชด. ทหาร กำลังภาคประชาชน ณ ศูนย์บริการการท่องเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลา 

ตรวจเยี่ยม   พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ลงพื้นที่ฐานปฎิบัติการชุดป้องกันชายแดน กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยม ติดตามผลการปฏิบัติต่างๆ ในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย ในการนี้ ได้เครื่องอุปโภค บริโภค มอบเป็นของขวัญ แก่กำลังพล 

แสดงความยินดี. วิชัย  เรืองเริงกุลฤทธิ์  นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้ และ เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายก อบจ.ยะลา ร่วมแสดงความยินดี กับงานแต่งงาน ของลูกหลานกลุ่มนกเขาชวาเสียง ระหว่าง แพทย์หญิง อัสมา  เจะอาลี  กับ ดร.สุวิจักขณ์ สุวรรณหิรัญกุล    ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี 

สวัสดีปีใหม่.   พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา นำกระเช้าของขวัญมา สวัสดีปีใหม่ 2566 ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย  ณ ที่ทำการสมาคมฯ ถ.ไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 

ปลุกพลัง.    นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้อนรับกรรมการและสมาชิกพรรคฯ เขตเลือกตั้งที่ 2 สงขลา ที่นำโดย ธนีชทัศน  รัตนดิต หัวหน้าสาขาพรรคเขต 2 เพื่ออวยพรปีใหม่ 2566  ณ บ้านพัก ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมปลูกพลังเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในปี 2566  

ตรวจสอบโครงการ.   ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแผนผังโครงการ “บ้านกลางเมือง” ของบริษัทภูเก็ตอินเตอร์วิลล่า จำกัด เพื่อประกอบการพิจารณาคำขออนุญาตทำการจัดสรรของบริษัท ภูเก็ตอินเตอร์วิลล่า จำกัด ที่ประสงค์ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินขนาดเล็ก 

มอบถุงยังชีพ.  มิตร  แก้วประดิษฐ์  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยลึก อ.ควนเนียง จ.สงขลา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อส่งกำลังใจและมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทั้ง 9 หมู่บ้านในพื้นที่อบต.ตำบลห้วยลึก อ.ควนเนียง จ.สงขลา 

ทำบุญตักบาตร.  โยธิน ทองเนื้อแข็ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเขตอำเภอกระแสสินธุ์ได้ร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2566 ณ วัดเชิงแสกลางอำเภอกระเเสสินธุ์จังหวัดสงขลา 

อวยพรปีใหม่ …สรรเพชญ บุญญามณี คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร์(ชวน หลีกภัย)ร่วมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลาทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ณ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลนครสงขลา เพื่อความเป็นสิริมงคล และได้มีโอกาสอวยพรปีใหม่ผู้อาวุโสที่เคารพรัก 

กลุ่มขนมจันเตะ.   พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ/เลขาธิการพรรคประชาชาติ นำทีมลงพื้นที่ พบปะ กลุ่มขนมจันเตะ เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มสตรี ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา และรับของของฝากขนมจันเตะ จากตัวแทนกลุ่มสตรี โดยมี ดร.มังโสด  หมะเต๊ะ ว่าที่ผู้สมัคร สส. เขต 8 จ.สงขลา ร่วมด้วย 

กองทุนสตรี.  อมร ช่วยชุม นายอำเภอยะหา จ.ยะลา พร้อมด้วย ทีมงาน เข้าพบปะและมอบแนวทางการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แก่ผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแก่กลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 แก่กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ จำนวน 32 คน  ณ บริเวณน้ำตกเซาะลาตอ หมู่ที่ 1 ตำบลบาโงยซิแน อำเภอยะหา จังหวัดยะลา

ลดอุบัติเหตุ.    พ.ต.อ.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองยะลา , พ.ต.ท.ธัญ ศิริขันธ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองยะลา มอบหมายให้ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ บุญนา รอง สว.(ป.) สภ.เมืองยะลา พร้อม ชุด ตชส.สภ.เมืองยะลาร่วมกับผู้นำท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทำกิจกรรมจิตอาสาแจกน้ำดื่ม รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนเทศบาลตำบลบุดี พื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านบือแน ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา 

แสดงความยินดี.   เฉลิมพล  เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายก อบจ.ยะลา และ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย แสดงความยินดี กับ วันชัย ปริญญาศิริ  ที่ชนะการเลือกตั้งได้เป็น นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา ณ ห้องทำงาน เทศบาลนครสงขลา 

บำรุงขวัญ.   พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ตรวจเยี่ยมกำลังพล อาสาสมัคร เพื่อบำรุงขวัญและเป็นกำลังใจ ในเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2566 

ท่วม-น้ำใจ.   กันตพงษ์ ลิ่มกาญจนา ประธานหอการค้า จ.ยะลา และคณะกรรมการ นำสิ่งของที่ได้รีบจากมูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์และสมาคมศิษย์เก่านิด้า เพื่อช่วยเหลือผู้ประสพภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา