`สตาร์ มันนี่(SM)”คาดเข้าเทรด SET ธ.ค.นี้ นำเงินขยายสาขา-ผลงานปี 66 โตต่อเนื่อง

  “สตาร์ มันนี่ (SM)” คาดเข้าเทรด SET ภายในธ.ค.นี้ นำเงินขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา ลั่นผลประกอบการปี 66 โตกว่าปีoที่ผ่านมา ส่วนปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน

  นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า คาดนำหุ้น SM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในธ.ค.นี้ 65

  โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้

  นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ SM เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อต้องการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

  ทั้งนี้บริษัทวางเป้าการเติบโตในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินใหม่ๆ ที่หลากหลาย พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการตามจังหวัดที่สำคัญของประเทศ โดยเน้นขยายพอร์ตสินเชื่อ เปิดสาขาใหม่ เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการในสาขาที่มีศักยภาพ เพิ่มสินค้าให้บริการจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ มากขึ้น เพิ่มนายหน้าประกันชีวิต

  ส่วนแผนการเปิดสาขาใหม่ยังคงเน้นในภาคตะวันออก เพราะมองโอกาสโตของธุรกิจในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)

  บริษัทให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้น เช่น การจัดเกรดลูกหนี้ การประเมินหลักประกัน ระยะเวลาการให้สินเชื่อ ยอดของการให้สินเชื่อเทียบกับหลักประกัน รวมถึงการติดตามการชำระค่างวดของลูกหนี้อย่างใกล้ชิด

  ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ คาดใกล้เคียงปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1,240 ล้านบาท เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโค-19 โดยในงวดครึ่งปี 65 มีกำไรสุทธิ 60.8 ล้านบาท รายได้ 718 ล้านบาท ขณะที่ปี 66 คาดจะสามารถเติบโตได้ ปัจจัยหนุนจากศักยภาพการขยายตัวสูงใน EEC และนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป

  ส่วนประกาศควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัทมากนัก ซึ่งบริษัทให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่งไม่ถึง 1% ของพอร์ตสินเชื่อ ขณะที่มองแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยไม่น่าจะปรับขึ้นรุนแรงเหมือนประเทศอื่น