ในช่วงปี 2020 นี้ เรียกได้ว่าเป็นยุคเริ่มบูมของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยเพียงช่วงต้นปีนี้ได้มีแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใหม่ๆ แจ้งเกิด เปิดตัวกันมาอย่างต่อเนื่อง
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ทางเลือกใหม่ในการเดินทาง
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จัดว่าเป็นพาหนะรูปแบบใหม่แห่งยุคนี้ที่ในอนาคตอันใกล้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะถูกใช้งานแทนรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปทั้งหมด แม้ว่าเทคโนโลยีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก แต่ทว่าในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีของตัวรถเองก็ถูกพัฒนาไปก้าวไกลมากขึ้นกว่าเดิมที่โฟกัสแค่เพียงเรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ แถมยังวิ่งได้ไม่เร็ว แล้วยังจดทะเบียนไม่ได้ จนพัฒนามาถึงขึ้นวิ่งได้เทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปไปแล้ว และสามารถจดทะเบียนได้อีกต่างหาก
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ารถมอเตอร์ไซค์แบบเดิม
จุดเด่นของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่รถมอเตอร์ไซค์แบบเดิมไม่มีทางทำได้ นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองต่างๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเฟืองท้าย ที่ต้องคอยเซอร์วิส คอยเติมกันตามระยะตรวจสอบต่างๆ ทว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเรามีหน้าที่เพียงตรวจสอบระบบการทำงานของตัวรถ เช็คลมยาง เช็คเบรค เช็คปริมาณแบตเตอร์รี่ เพียงเท่านี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะมีเพียงแค่ยางกับผ้าเบรคที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเท่านั้น
อีกทั้งในปัจจุบันเทคโนโลยีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพัฒนาไปไกลมากถึงขั้นสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสภาพรถด้วยตนเองได้แล้ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถดูแลรักษารถได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งศูนย์บริการหลังการขายแบบเดิม
ในโอกาสนี้ทาง Autospinn ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่วางจำหน่ายในปัจจุบันกันว่า มีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง และมีราคาค่าตัวเท่าใด
NIU Electric Scooter มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เชื่อมต่อโทรศัพท์ได้
NIU Scooter เชื่อว่ายี่ห้อนี้หลายๆ ท่านน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันไม่น้อย เพราะมันคือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่จอดโชว์อยู่ตามห้างดังใหญ่ๆ หน้าร้าน .life ร้านขายอุปกรณ์ไอทีที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย จุดเด่นของ NIU คือเป็นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นได้ และมีรุ่นที่สามารถวิ่งได้เร็วเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปขนาด 125 ซีซีวางจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน ซึ่งราคาเริ่มต้นของยี่ห้อนี้จะอยู่ที่ 95,000 บาท
จุดเด่นของ NIU EV Scooter
1. มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย หลายราคา
2. ถอดแบตเตอร์รี่ออกมาชาร์จภายนอกได้
3. ระยะทางใช้งาน 70-90 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
4. น้ำหนักเบา ขับขี่คล่องตัว
5. ราคาวางจำหน่ายเริ่มต้น 95,000 บาท
6. สามารถจดทะเบียนได้
7. มีตัวแทนจำหน่ายเยอะ
และสำหรับรุ่นที่มีวางจำหน่ายในตอนนี้มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
1. NIU NGT Sport
โดดเด่นด้วยความเร็วสูงสุดถึง 82 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3,000 w. โดยนำเอาพลังงานมาจากแบตเตอร์รี่ถึง 2 ลูกด้วยกัน สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 110 กม. ต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง ราคาอยู่ที่ 109,000 บาท
2. NIU N Series
NIU N Series จัดเป็นรุ่นน้องของ NIU NGT Sport แตกต่างกันตรงที่พละกำลัง และจำนวนแบตเตอร์รี่ โดยรุ่นนี้ใช้แบตฯ เพียง 1 ก้อน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2,400 w. ทำความเร็วสูงสุดได้ 65 กม./ชม. ทำระยะทางขับขี่สูงสุด 80 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาอยู่ที่ 98,000 บาท
3. NIU M Series
NIU M Series จัดเป็นรุ่นเล็กสุดของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ NIU โดดเด่นด้วยขนาดที่เบามากเพียง 59 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนขนาด 2,000 w. ความเร็วสูงสุด 55 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 100 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
SWAG EV มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดล้ำเพื่อคนเมือง
SWAG EV รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับคนเมือง ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเขตเมืองเป็นหลัก โดดเด่นด้วยแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานขับขี่ได้ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอร์รี่ 1 ครั้ง ด้วยระยะเวลาการชาร์จเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
จุดเด่นของ SWAG EV
1. มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนจาก Bosch ขนาด 2,000 w.
2. ถอดแบตเตอร์รี่ออกมาชาร์จภายนอกได้
3. ระยะทางใช้งาน 70-90 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
4. น้ำหนักเบา ขับขี่คล่องตัว
5. ราคาวางจำหน่ายเริ่มต้น 62,900 บาท
6. สามารถจดทะเบียนได้
ปัจจุบันมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Type-S, Type-X และ Mini
1. SWAG EV Type-S
SWAG EV Type-S โดดเด่นด้วยความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 70 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนจาก Bosch ขนาด 1,750 w.
2. SWAG EV Type-X
SWAG EV Type-X โดดเด่นด้วยความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 70 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนจาก Bosch ขนาด 2,020 w.
3. SWAG EV Mini เร็วๆ นี้
Edition Motor แบรนด์รถไฟฟ้าพัฒนาโดยคนไทย
Edition Motor แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยคนไทย ผลิตออกมาทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้น เทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 125 ซีซี ทรงเน็กเก็ต และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นที่ขยับขึ้นมาใหญ่กว่าเล็กน้อย ด้วยพละกำลังเทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 150 ซีซี ทรงสกู๊ตเตอร์ และรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าชนิดบิ๊กไบค์พละกำลังสูง เปิดราคาเริ่มต้นที่ 85,000 บาท ชูจุดเด่นเรื่องระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถแช่น้ำได้ ส่งกำลังผ่านสายพาน
1. EDISON Volta S
EDISON Volta S เป็นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทรงคลาสสิก ที่แฝงไปด้วยความทันสมัยบนตัวรถ โดดเด่นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 11,000 w. ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 150 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาวางจำหน่ายที่ 110,000 บาท
2. EDISON Volta Naked โดดเด่นด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 150 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาวางจำหน่าย 75,000 บาท
ส่วนรุ่น BigBike นี้ ส่งกำลังด้วยโซ่ ส่วนสเป็กรถยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด
ETRAN KRAF รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคัสต้อมฝีมือคนไทย
ETRAN Kraf อีกหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าฝีมือคนไทย โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วไป ดูละม้ายคล้ายคลึงกับรถมอเตอร์ไซค์คัสต้อมไบค์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันปกติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมพละกำลังที่สูงมาก ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 7,000 w. ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ระยะทางใช้งานสูงสุด 180 กม. และสามารถชาร์จแบตเตอร์รี่ให้เต็มได้ด้วยปลั๊กชาร์จแบบ Type 2 เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น และ 4 ชั่วโมงด้วยไฟบ้าน ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 150,000 บาท
AJ EV Bike มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราคามิตรภาพ ราคาเริ่มต้น 3.6 หมื่น
AJ หากพูดถึงแบรนด์นี้ ใครๆ ก็อาจจะนึกถึงเครื่องเล่น DVD ซึ่งใช่แล้วครับ เป็นเจ้าของเดียวกัน คราวนี้หันมาทำตลาดในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ในอนาคต โดยทาง AJ ชูจุดเด่นเรื่องการยกให้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเปรียบเสมือนกันเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นหนึ่งที่ดูแลง่าย และสามารถส่งไปขายทั่วประเทศได้ด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า AJ อยู่เดิม และเปิดราคามาเพียง 3.69 หมื่นบาทเท่านั้น จัดว่าน่าสนใจ โดย AJ EV Bike มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน
จุดด้อยเพียงจุดเดียวของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายุคนี้คือเรื่องของ “ค่าเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ลูกใหม่หลังหมดประกัน” ซึ่งปัจจุบันยอมรับว่ายังมีราคาค่าตัวที่สูงหลายหมื่นบาทต่อลูกอยู่ แถมยังมีข้อด้อยในเรื่องของระยะทางการใช้งานที่น้อยกว่ารถมอเตอร์ไซค์แบบเดิมอย่างมาก ซึ่งจุดนี้เองก็ต้องหวังพึ่งเทคโนโลยีในอนาคตที่จะช่วยพัฒนาในเรื่องแบตเตอร์รี่ให้มีปริมาณมากขึ้น เก็บไฟได้มากขึ้น ใช้งานได้ไกลกว่าเดิม มีน้ำหนักเบาขึ้น ที่สำคัญ “ราคาถูกลง” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาใช้งานโดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ในอนาคต
ทว่าในปัจจุบัน ผู้จำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทุกค่าย ล้วนแล้วแต่ให้การรับประกันอายุการใช้งานของทั้งตัวรถ และแบตเตอร์รี่กันอย่างน้อย 1-3 ปีโดยส่วนใหญ่ ซึ่ง ณ จุดนี้เองที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากันมากขึ้นครับ ซึ่งเชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ต้องมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้พาหนะพลังงานไฟฟ้าสามารถขับขี่ได้ไกลมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ยักษ์ใหญ่ยังไม่ลุยตลาด รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ประเด็นสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ที่จะช่วยให้ความสนใจในการเปิดตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างจริงจังนั้นคือค่ายยักษ์ใหญ่ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์อย่าง Honda และ Yamaha ที่ยังไม่ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาวางจำหน่ายอย่างจริงจัง มีแต่เพียงโมเดล “ทดลองใช้งานจริง” อย่าง Honda PCX EV ที่ได้การร่วมมือกันระหว่าง AP Honda และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อทดลองศึกษารูปแบบของ EV Sharing หรือการแบ่งปันการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยผ่านแอพลิเคชั่น Haup และยังมีสถานีชาร์จไฟฟ้าอัฉริยะ PCX Electric Smart Station ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีมากมายรวมถึงหลังคา Solar Roof ที่สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับตัวสถานีและรองรับการเก็บพลังงานสำรองสำหรับฟังก์ชันสลับแบตเตอรี่ (Battery Swapping) ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้อีกด้วย
อ่านข่าว BMW จดสิทธิบัตรระบบชาร์จแบตไร้สายในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ได้ที่นี่
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซินแค่ไหน อ่านได้ที่นี่
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่