รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เทรนด์ใหม่รักษ์โลกสุดประหยัด ใช้งานสะดวก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมรถไฟฟ้ามากขึ้น
ในปัจจุบัน เทรนด์การใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า หรือ Battery Electrical Vehicle (BEV/EV) เริ่มได้รับความสนใจในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากใช้แบตเตอรี่แทนน้ำมัน ลดมลภาวะในอากาศ ช่วยให้โลกสะอาดและน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งนอกจากรถยนต์แล้วยังมี “รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัว และประหยัดค่าน้ำมัน วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่สุดเจ๋งเพื่อคนไทย ว่าแล้วได้เวลาไปอัปเดตนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อชนิดนี้พร้อม ๆ กันเลย
หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน “รถพลังงานไฟฟ้า” ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวไปหน่อย แต่ด้วยปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) ที่มากขึ้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกผลักดันรถพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นทางเลือกอันดับ 1 อย่างจริงจัง และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในแถบยุโรปอย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ มีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับการสนับสนุนด้านต่าง ๆ จากรัฐบาล โดยเฉพาะนอร์เวย์ ที่ปีก่อนได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 54% จาก 42% ส่วนประเทศอังกฤษก็ตั้งเป้าว่าจะหยุดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างเดียวให้ได้ภายในปี 2030
ส่วนโซนเอเชียเองก็มีความตื่นตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในจีน และยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ด้านผู้ผลิตรถในญี่ปุ่นก็เริ่มพัฒนารถยนต์ชนิดนี้มากขึ้นและตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 26% ภายในปี 2030
สำหรับในประเทศไทยนั้น ภาครัฐก็มีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทให้ได้ 1,055,000 คัน ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 15,580,000 คัน ภายใน 10 ปี รวมทั้งวางแผนจัดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่และการบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้ด้วย ซึ่งสถิติจากกรมการขนส่งทางบก พบว่า ที่ผ่านมามีรถจดทะเบียนใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 7,783 คัน (รถยนต์ไฟฟ้า 3,275 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 4,484 คัน) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,779 คัน
แต่เนื่องจากรถประเภทนี้มีราคาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง มีข้อจำกัดในการชาร์จ จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ และยังต้องพัฒนานวัตกรรมในการสร้างสิ่งอำนวยความเข้ามารองรับ จึงจะทำให้คนหันมาใช้รถ EV กันมากขึ้น
อ้างอิงจาก
CNN
,
thaigov.go.th
,
ers.or.th
,
dlt.go.th
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (Electric Motorcycles) หรือ จักรยานยนต์ไฟฟ้า คือรถที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์ โดยใช้พลังงานที่ชาร์จเก็บไว้ในแบตเตอรี่เป็นตัวจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ ไม่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ไม่มีการสันดาปภายใน
เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใช้พลังงานที่ได้จากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ จึงไม่ก่อให้เกิดไอเสียที่เป็นมลพิษในสิ่งแวดล้อม
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลรักษาน้อยกว่าเครื่องยนต์ โดยมีเพียงการเช็กเบรก เช็กลมยาง เช็กปริมาณแบตเตอรี่ เปลี่ยนยางและผ้าเบรกเท่านั้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และยังสามารถชาร์จไฟได้จากที่บ้านได้ในราคาที่ถูกกว่าน้ำมัน
มอเตอร์ในการขับเคลื่อนทำให้แทบจะไม่มีเสียงรบกวนเลย หรือมีก็เพียงเล็กน้อย ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่จะเกิดเสียงดังจากการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ แรงดันท่อไอเสีย รวมทั้งเสียงจากโซ่สายพาน
ใครกำลังสนใจอยากหาซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไว้ใช้สักคัน มีข้อควรรู้และวิธีเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกัน
หากต้องการใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่วิ่งบนท้องถนนได้นั้น ต้องไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกก่อน โดยรถที่จดทะเบียนได้ต้องมีกำลังมอเตอร์มากกว่า 250 วัตต์ขึ้นไป และความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กม./ชม. สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
กรมการขนส่งทางบก
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐาน IP5 ขึ้นไป (มาตรฐานที่บอกถึงระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำของเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า) จะมีการออกแบบให้ตัวมอเตอร์กันน้ำและฝุ่นได้ สามารถขับขี่ท่ามกลางสายฝน ลุยน้ำท่วมขัง ตากแดด ตากฝน รวมถึงยังล้างได้ด้วย แต่ก็ควรรีบเช็ดทำความสะอาดให้แห้งโดยทันทีหลังจากที่เปียกน้ำ
แบตเตอรี่และการชาร์จรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพราะเป็นตัวกักเก็บพลังงานตุนเอาไว้ ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จแต่ละครั้งก็จะขึ้นอยู่กับความจุ วิธีการชาร์จ และสเปกของรถแต่ละรุ่น หากชาร์จน้อยก็วิ่งได้สั้น แต่ถ้าชาร์จเต็มความจุแล้ว บางรุ่นสามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 150 กม. เลยทีเดียว ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อมาใช้งานในชีวิตประจำวันก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความคล่องตัวในการชาร์จ รวมถึงต้องวางแผนการเดินทางแต่ละครั้งให้ชัดเจน เพื่อจะได้คำนวณปริมาณการใช้แบตเตอรี่ได้อย่างเพียงพอ
โดยทั่วไปแล้วการชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสามารถทำได้หลายวิธี คือ
แบบมีสาย เพียงเสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านก็สามารถชาร์จไฟเข้ารถได้โดยตรง ใช้ระยะเวลาประมาณ 1-8 ชม. ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่อชาร์จ
แบบไร้สาย (Wireless Charge) สะดวก ปลอดภัย แต่ไม่เป็นที่นิยม
ในประเทศไทยกำลังจะมีสถานี “Swap & Go” ที่ให้บริการสลับแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดย กลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ช่วยอำนวยความสะดวกเป็นอย่างมากให้ผู้ใช้รถที่ไม่อยากรอชาร์จนาน ๆ เพียงแค่สแกนหรือใส่รหัส-คืนของเก่า-สวอพของใหม่ เริ่มจากใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ ค้นหาสถานีสลับแบตเตอรี่ หรือ Swap Station จองแบตเตอรี่ล่วงหน้า และจ่ายเงินค่าแพ็กเกจได้ทันที เมื่อเดินทางไปยังสถานีแล้วก็เพียงสแกน QR Code ปลดล็อกตู้แล้วคืนแบตเตอรี่เก่า สวอพเป็นของใหม่ ใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที สวอพแล้วไปต่อไม่ต้องรอ (ชาร์จ) แล้วนะ !
ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โดยแบตเตอรี่ของ Swap & Go เป็นลิเธียมไอออนคุณภาพสูง กำลังไฟฟ้า 60V 10Ah หนักก้อนละประมาณ 5.3 กก. และยังมีระบบติดตามจีพีเอสเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพผ่านระบบบริหารจัดการทางไกล (Remote Monitoring & Control System) ช่วยดูแลและแก้ไขระบบการใช้งานได้แบบ Real-time อีกด้วย ซึ่งข่าวดีก็คือ จะพร้อมให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ภายในปี 2564 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ swapandgo.co
ปัจจุบันมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลายรุ่นที่มีขายในเมืองไทย และยังสามารถขับขี่บนท้องถนนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ปราศจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ไร้มลพิษทางเสียง ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรักการขับขี่รถสองล้อในอนาคต รวมถึงยังมีความสะดวกสบายในการสลับแบตเตอรี่ง่าย ๆ จาก Swap and Go ที่ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จ ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด
ขอบคุณข้อมูลจาก
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), เฟซบุ๊ก Swap and Go, swapandgo.co, dlt.go.th, khaorot.com, ajadvance.com, เฟซบุ๊ก NIU Thailand, swagev.com, rideedison.com, เฟซบุ๊ก Edison Motors, เฟซบุ๊ก Deco Green Energy, decogreenenergy.com, omi.co.th
Discover the panel d…
This website uses cookies.