‘พลเมืองโต้กลับ’ นับถือใจ งดยืนหยุดขังแต่ 4 ชีวิตยังสู้ มาชู 3 นิ้วท้าฝน ‘ทวงสิทธิประกัน’

‘พลเมืองโต้กลับ’ นับถือน้ำใจ งดยืนหยุดขังหลังฝนกระหน่ำ แต่ 4 ชีวิตยังสู้ มาชู 3 นิ้ว ทวงสิทธิประกัน

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่หน้าศาลฎีกา สนามหลวง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งจัดกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 1.12 ชั่วโมง” เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกคุมขังโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ประกาศนัดหมายทำกิจกรรมในช่วงเวลา 17.30-18.42 น. วันนี้ เข้าสู่วันที่ 140 เป็นรอบที่ 3

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. เนื่องจากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ กทม. กลุ่มพลเมืองโต้กลับได้ประกาศงดกิจกรรมเป็นเวลา 1 วัน

กลุ่มพลเมืองโต้กลับโพสต์ข้อความระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนัก และน้ำท่วมในหลายพื้นที่ พลเมืองโต้กลับจึงของดกิจกรรม #ยืนหยุดขังIIIday140 ในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคมนี้ และจะกลับมาทำกิจกรรมใหม่ในวันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 ในเวลาเดิมต่อไป จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขออภัยในความไม่สะดวก

อย่างไรก็ดี เวลา 17.32 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับโพสต์ภาพข้อความอีกครั้ง พบว่ามีผู้เดินทางมาร่วมกิจกรรม ยืน หยุด ขัง ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก จำนวน 4 คน โดยยืนกางร่มหน้าศาลฎีกา พร้อมชู 3 นิ้ว และธงสีขาวที่มีภาพการ์ตูนน้องตาใส

“ประกาศงดไปแล้ว แต่พี่ๆ เขายังสู้ต่อนับถือน้ำใจค่ะ” กลุ่มพลเมืองโต้กลับระบุ

นอกจากนี้ กลุ่มพลเมืองโต้กลับยังเผยแพร่บทความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาทางการเมือง ความว่า ในวันที่การเมืองดี ต้อม จตุพล หนึ่งในเพื่อนทะลุแก๊ซของเราที่ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำ ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร?

“ผมอยากเปิด ‘อู่รถ’ ผมชอบรถ ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์เลย อยากเปิดอู่ทำรถเอง ให้เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ถ้าได้ออกไปคราวนี้ ผมตั้งใจจะทำงานเก็บเงินเอาไว้มาเปิดอู่รถให้ได้ จะได้มีเงินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้อง เลี้ยงยาย ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปหาผักมาขายอีกแล้ว

“เอาจริงๆ ผมอยากเป็นเจ้าของร้านนำเข้ารถสปอร์ตสวยๆ ผมชอบรถ อยากอยู่กับรถสวยๆ ทุกวันเลย ผมหวังว่าถ้าบ้านเมืองมันดีกว่านี้ ผมคงมีโอกาสได้ทำอย่างที่ผมฝัน”

ส่วนอาร์ม วัชรพล ตอบว่า “เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความฝันอะไรเลยนะ, แค่อยากมีเงิน อยากรวย อย่างที่รู้กันว่าประเทศเรา เจ็บจ่ายจบ ถ้ามีเงินไว้เยอะๆ ก็สบายใจแล้วล่ะ

“เมื่อก่อนผมฝันว่า อยากเป็น ‘นักฟุตบอลทีมชาติ’ แบบเมสซี่ เจ (เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์) แต่ช่วงเรียนอยู่ ม.ต้น ครอบครัวเราเป็นหนี้อยู่เยอะ มีภาระต้องรับผิดชอบเยอะ พอเรียนจบ ม.3 ผมก็เลยต้องเลือกเรียนสายอาชีพแทน พอไปเรียนสายอาชีพแล้ว การแข่งเตะบอลมันก็จะมีน้อยกว่าตอนเรียนสายสามัญ ผมเลยแทบไม่ได้เล่นบอลเลย

“ตอนเรียน ม.ต้น นะ ทีมผมได้ไปเป็นตัวแทนเขตไปแข่งฟุตบอลตลอดนะ ได้แชมป์กลับมาก็เยอะ ตอนนั้นผมเตะบอลจริงจังมากๆ ตอนนี้ผมก็ยังเตะนะ ในเรือนจำผมก็เตะตลอด ถ้าพ่อแม่ไม่มีหนี้หรือมีเงิน ไม่ลำบากแบบนี้ ผมก็คงเตะฟุตบอลจริงจังเหมือนเดิม ตอนจบ ม.3 ตอนนั้นผมอาจจะไปเรียนต่อโรงเรียนกีฬาก็ได้ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงอยากพยายามทำความเป็นนักฟุตบอลทีมชาติให้เป็นจริงนี่แหละ

“ถ้าถามถึงความฝันที่เรียบง่าย ผมแค่อยากดูแลพ่อแม่ให้สุขสบายเหมือนคนทั่วไป ได้ทำงานอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย หาเงินให้ได้เยอะๆ เลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูพ่อแม่ ใช้หนี้ให้พ่อแม่ให้หมด พาพ่อแม่ไปเที่ยว แค่ได้อยู่กับครอบครัว ครอบครัวมีความสุข แค่นี้ผมก็มีความสุขมากๆ แล้วครับ”

ปล่อยเพื่อนเราออกมาทำตามความฝันของพวกเขาเถอะ

ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า จากการติดตามของศูนย์ทนายฯ วันที่ 30 ก.ย.2565 ยังคงมีผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดี จำนวนอย่างน้อย 10 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังในคดีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 2 คน นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้ว ได้แก่ อัญชัญ (ม.112), ศุภากร (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ), “มะ” ณัฐชนน และพลทหาร “เมธิน” (ม.112)

ย่างเข้าเดือนที่ 10 ของปี แต่ยังคงมีผู้ต้องขังคดีการเมืองกว่า 14 ราย

.

📌ผู้ถูกขังระหว่างต่อสู้คดี 10 ราย ในจำนวนนี้ 8 รายถูกขังนานเกิน 100 วัน โดยมี 3 รายถูกขังใกล้ครบ 200 วันแล้ว

📌นักโทษเด็ดขาดต้องรับโทษจำคุกตามที่ศาลมีคำพิพากษา 4 ราย

.

อ่านต่อ https://t.co/wMKGDcv77E pic.twitter.com/2OWk3mr8UI

— TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (@TLHR2014) September 30, 2022