กระทรวงพลังงานจับมือเจโทร พัฒนาพลังงานสะอาด มุ่งไปสู่เชื้อเพลิงไฮโดรเจน – ชีวภาพ เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเกิน 30% ภายใน 20 ปี
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างการสัมมนาเรื่อง Smart Energy in Thailand ที่จัดโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สำนักงาน กรุงเทพฯ ว่า กระทรวงพลังงานได้ปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปศุ่ยุคพลังงานอัจฉริยะ โดยจะเน้นในเรื่องของพลังงานสะอาด ควบคู่กับความยั่งยืนและมั่นคง ซึ่งจะอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022)
โดยจะมุ่งไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในทุกภาคส่วนตั้งแต่รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าที่ไทยใช้กว่า 1 ล้านคัน ซึ่งจะส่งเสริมให้ใช้ในเมืองใหญ่ เช่น กทม. , เชียงใหม่ เป็นต้น รวมไปถึงจะนำร่องในรถยนต์ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้กำหนดราคากลางไว้แล้ว และจะเร่งรัดให้จัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้โดยเร็ว ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการผลิต และใช้รถบัสไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า รวมทั้งรถไฟไฟฟ้าในหลายสายทั้งในเมือง และรถไฟฟ้าทางคู่ในเส้นทางแหลมฉบัง-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ จะเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ได้ตั้งเป้าหมายภายใน 20 ปีข้างหน้า จะต้องมีสัดส่วนไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 30% รวมทั้งการปรับปรุงสายส่งไฟฟ้า นำระบบ เอไอ มาใช้ในเรื่องสมาร์ทกริด เพื่อรับพลังงานสะอาดจากผู้ผลิตเอกชนเข้าสู่ระบบ และนำระบบกักเก็บพลังงานเข้ามาใช้ควบคู่ เพื่อให้ไฟฟ้ามีความเสถียร และยังรองรับระบบการรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาวมาส่งต่อให้กับประเทศสมาชิกอาเซียน
ทั้งนี้ ยังได้ร่วมกับญี่ปุ่นในการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน และเทคโนโลยี BHD ซึ่งอาศัยกรรมวิธีการผลิตด้วยกระบวนเติมไฮโดรเจนในสารอินทรียจากปาล์ม ทำให้ไบโอดีเซลมีคุณสมบัติใกล้เคียบน้ำมันดีเซลใช้ทดแทนดีเซลได้ทันที ซึ่งความร่วมมือกับญี่ปุ่นนี้จะนำไปสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดใหม่ ๆ ในอนาคต ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคมร์บอดไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เป็นรูปธรรมต่อไป
นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ประเทศต่างๆ กำหนดนโยบายและกิจกรรมต่างๆเพื่อมุ่งสู่ “สังคมปลอดคาร์บอน” สำหรับประเทศญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ ได้ประกาศนโยบายมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนสมดุลในปี 2593 และตั้งเป้าเปลี่ยนญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ปราศจากคาร์บอนเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมได้กำหนด “กลยุทธ์การเติบโตสีเขียวสอดคล้องกับนโยบายมุ่งสู่สังคมคาร์บอนในปี 2050” โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศและตั้งใจจะดำเนินกิจกรรมต่างๆ กับประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม