พนัส แอสเซมบลีย์ ต่อยอดเสริมศักยภาพธุรกิจ ปักธงลุย EV สู้ดิสรัปชั่นภาคอุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการจัดงาน ASEW Virtual Edition ร่วมโชว์นวัตกรรมเพื่อการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมร่วมเวทีสัมนนา iEVTech ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ปูทางสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
พนัส แอสเซมบลีย์ ต่อยอดเสริมศักยภาพธุรกิจ ปักธงลุย EV สู้ดิสรัปชั่นภาคอุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการจัดงาน ASEW Virtual Edition ร่วมโชว์นวัตกรรมเพื่อการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมร่วมเวทีสัมนนา iEVTech ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ปูทางสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
นายพนัส วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และขนส่งของประเทศ ในกลุ่มผู้ประกอบการรถพ่วงและกึ่งพ่วง เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการพัฒนารองรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตั้งเป้าใหม่ท้าทายตัวเองในฐานะที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการขนส่งของประเทศและภูมิภาค โดยการประกาศของภาครัฐในการจะปรับเปลี่ยนยานยนต์ที่ผลิตทั้งหมดให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ให้ได้ก่อนปี 2573 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมที่ผลิตยานยนต์ ทั้งนี้ บริษัท ฯ เล็งเห็นว่าหลังจากนี้ตลาดในส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์และขนส่งจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงหนุนทั้งจากในและต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังโดยเฉพาะจากภาครัฐเองที่ได้ออกแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามนโยบาย 30/30 คือการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ.2573 ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Society) ในอนาคต
ดิสรัปมาเร็วกว่าที่คิด โควิดเร่งพลิกโฉมอุตสาหกรรมพลังงานและขนส่ง
“การเข้ามาของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสภาพภูมิอากาศของโลก และผลกระทบของโควิด-19 ได้พลิกโฉมรูปแบบพลังงานในปัจจุบันอย่างรวดเร็วกว่าที่เราคาดคิด ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยังเกิดดิสรัปชั่นในตัวเอง (Self-Disruption) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงเชิงพลังงาน และเพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัทในภาคอุตสาหกรรมขนส่งและที่เกี่ยวเนื่องต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง ในอนาคต และมุ่งสู่เทคโนโลยี นวัตกรรมที่เน้นอุตสาหกรรมสีเขียว จึงจะเป็นผู้นำในธุรกิจ ที่เติบโตได้อย่างมั่นคง”
นายพนัส ได้ให้มุมมองอีกว่าจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การขนส่งที่เร็วขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วงเริ่มต้น แต่พอเวลาผ่านไป ผู้คนและภาคธุรกิจได้ปรับตัว ส่งผลให้ภาคการขนส่งนั้นเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาด ผู้คนหันมาใช้เทคโนโลยีและการซื้อขายออนไลน์ ส่งผลให้ภาคการขนส่ง โดยเฉพาะ เดลิเวอรี่ ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกนั้นเติบโตอย่างมาก ส่งผลให้บริษัทได้รับผลดีจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการเติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการขยายธุรกิจการเปลี่ยนจากการใช้รถบรรทุกขนส่งน้ำมันดีเซลเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าตามนโยบายที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้ดัดแปลงอู่รถเป็นสถานีสร้างรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าแบบดัดแลง (EV Conversion) และสถานีชาร์จไฟฟ้า (Charging Station) และยังได้ทยอยปรับการผลิตยานยนต์ต่าง ๆ ของเราโดยการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีในการผลิต เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไม่หยุดนิ่ง
เดินหน้าพร้อมนวัตกรรมและการเรียนรู้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนแห่งอนาคต
เราจะเห็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเติบโตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรถมอเตอร์ไซด์สองล้อ สามล้อ รถสี่ล้อทั่วไป โดยเฉพาะรถที่ใช้ในองค์กรต่าง ๆ รถบัสโดยสารสาธารณะ รถตู้โดยสาร รถบรรทุกเพื่อการขนส่ง และแม้แต่รถหัวลากขนาดใหญ่ รถลากเครื่องบิน รถหุ้มเกราะ หรืออื่น ๆ เนื่องจากต้นทุนการผลิต ทั้งแบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าก็ถูกลงอย่างมาก ซึ่งเราเห็นโอกาสตรงนี้จึงได้เดินหน้าลงทุนในการทำวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง บริษัท ฯ ได้สร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ อาธิ Industrial Technology Research Institute (ITRI) และ Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) รวมถึงสถาบันการศึกษาและวิจัยชั้นนำของไทย รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยผ่านทางหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ให้สร้างยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทยเพื่อคนไทย และภายใต้บริบทการใช้งานและสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เพื่อการตอบรับแนวโน้มพลังงานแห่งอนาคต (Future Energy Trend) นายพนัสกล่าว
นอกเหนือจากนั้นบริษัทฯ ยังมุ่งหวังที่จะพัฒนานวัตกรรมสินค้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ปัจจุบันสินค้าดั้งเดิมของบริษัทฯ ได้ส่งออกไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว และจะนำสินค้านวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV conversion) ชุดดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้า (EV conversion Kit) ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 พ.ศ. 2564 และตั้งเป้าจำหน่ายอย่างน้อย500 คันในปี พ.ศ. 2565 และขยายผลอย่างก้าวกระโดด เพื่อเป็นผู้นำในตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าทางการพาณิชย์ โดยปัจจุบัน ได้เปิดจองเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและกลุ่มฐานลูกค้า โลจิสติกส์ ให้นำรถไปทดสอบ (Proof of Concept: POC) และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง อนึ่ง บริษัท ฯ ยังขยายปีกธุรกิจให้ครบโซ่คุณค่า ประกอบด้วยโซลูชัน ด้านพลังงานสะอาด ระบบชาร์จไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อน Smart Mobility อย่างครบวงจร เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศไทยและก้าวสู่การส่งออกออกไปทำตลาดต่างประเทศ ต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พนัส แอสเซมบลีย์ เสริมในตอนท้ายว่า “ปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ครั้งใหญ่ เนื่องจากแนวโน้มพลังงานแห่งอนาคตมาไวกว่าที่เคยคาดการณ์ ผู้ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาถึงจะเป็นผู้อยู่รอดในธุรกิจ และเป็นผู้นำได้อย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งเรียนรู้ และใส่ใจในเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม เพราะต่อไปทุกอย่างจะเป็นระบบอัตโนมัติ ต้องสอดรับกับแนวโน้มพลังงานแห่งอนาคตที่มุ่งสู่การใช้พลังงานสีเขียว หรือพลังงานทดแทน ซึ่งงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2021 (ASEW) – Virtual Edition ที่จะจัดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคมนี้ จะช่วยตอบโจทย์แนวโน้มพลังงานแห่งอนาคต และส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นวัตกรรมจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งจาก บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ ที่ครั้งนี้จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ รถบรรทุกเคลื่อนย้ายเครื่องบินด้วยพลังงานไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้าดัดแปลง ที่บริษัทได้คิดค้น วิจัย พัฒนา และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์และบริษัท ฯ ยังคาดหวังที่จะได้เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งยังได้มีโอกาสแนะนำตัว กับคู่ค้าและพันธมิตรจากบริษัทชั้นนำที่เข้าร่วมในกิจกรรมนี้
นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมสนับสนุนการจัดสัมนนา iEVTech หรือ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition จัดโดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ บนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นครั้งแรก เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมอง ที่ตอบโจทย์เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตเพื่อการขนส่งที่ชาญฉลาดและยั่งยืนในอาเซียนและทั่วโลก
พบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม การจัดการพลังงาน และ ยานยนต์ไฟฟ้าจากบริษัทชั้นนำ รวมถึง บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ เพื่อตอบโจทย์การเติบโตของธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต กับงาน ASEW Virtual Edition บนแพลตฟอร์มออนไลน์ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม นี้ ได้ทาง www.asew-expo.com/VE